สหรัฐฯ โต้ปูตินบิดเบือนข้อมูล หลังประกาศชัยชนะในมาริอูโปล เชื่อนักรบยูเครนยังปักหลักต่อสู้

เน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงตอบโต้หลังประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ประกาศอ้างชัยชนะในการปลดปล่อยเมืองมาริอูโปล เมืองท่าสำคัญทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน ที่กองทัพรัสเซียปิดล้อมและพยายามบุกยึดมานานหลายสัปดาห์ โดยยืนยันความเข้าใจของสหรัฐฯ ว่ากองทัพยูเครนยังคงตรึงกำลังอยู่ภายในเมือง และมีเหตุผลที่เชื่อได้ว่าข้อมูลที่ปูตินและรัฐมนตรีกลาโหมแสดงต่อสื่อนั้นเป็น ‘ข้อมูลที่บิดเบือน’

โดยปูตินประกาศอ้างชัยชนะเหนือมาริอูโปลเมื่อวานนี้ (21 เมษายน) หลังได้รับรายงานจากกระทรวงกลาโหมรัสเซีย และยืนยันว่าได้ปลดปล่อยเมืองซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ แต่ยกเว้นพื้นที่โรงงานเหล็กอะซอฟสตาล (Azovstal) ซึ่งเป็นฐานที่มั่นหลักที่เหลืออยู่ของกองทัพยูเครน และคาดว่ามีทหารและพลเรือนยูเครนหลายพันคนหลบซ่อนอยู่ภายในบังเกอร์ใต้ดินของโรงงาน

ขณะที่เขาสั่งระงับปฏิบัติการบุกโรงงานเหล็กอะซอฟสตาล และให้เหตุผลว่าไม่มีความจำเป็นที่จะบุกทะลวงเข้าไปในเส้นทางภายในบังเกอร์ซึ่งเปรียบเหมือนสุสานใต้ดิน และต้องคำนึงถึงการรักษาชีวิตของทหารและเจ้าหน้าที่กองทัพรัสเซีย แต่ได้สั่งการให้กองทัพปิดกั้นโรงงานจนแม้แต่แมลงวันก็ไม่สามารถออกมาได้ และเสนอให้ทหารและพลเรือนยูเครนที่อยู่ภายในวางอาวุธ เพื่อแลกกับการนิรโทษกรรม

“ไม่จำเป็นต้องปีนเข้าไปในสุสานใต้ดินและคลานอยู่ใต้ดินผ่านโรงงานอุตสาหกรรมเหล่านี้ ปิดเขตอุตสาหกรรมนี้เพื่อไม่ให้แม้แต่แมลงวันสามารถผ่านเข้าไปได้” ปูตินกล่าว

ทั้งนี้ เซอร์เกย์ ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย เปิดเผยต่อสำนักข่าว TASS สื่อหลักของทางการ ว่ากองทัพรัสเซียอาจใช้เวลาอีกเพียง 3-4 วัน ในการเข้ายึดและควบคุมพื้นที่โรงงานเหล็กดังกล่าว

ทางด้าน วาดิม บอยเชนโก นายกเทศมนตรีมาริอูโปล กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แผนปลดปล่อยเมือง แต่เป็นแผนทำลายเมืองของรัสเซีย และประเมินว่าสภาพเมืองมาริอูโปลกว่า 90% เสียหายหรือถูกทำลายจากการโจมตีและทิ้งระเบิดของกองทัพรัสเซีย ซึ่งเขาเรียกร้องให้มีการหยุดยิง และชี้ว่าปูตินเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถตัดสินชะตากรรมของพลเรือนกว่า 100,000 คนที่ยังติดอยู่ภายในเมืองได้

ขณะที่บอยเชนโกเปิดเผยว่ามีภาพถ่ายดาวเทียมหลายภาพของสถานที่ฝั่งศพหมู่แห่งหนึ่งภายในเมือง ซึ่งเป็นหลักฐานว่ากองทัพรัสเซียมีการฝังศพเพื่อพยายามปกปิดจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดภายในเมือง

ด้านสำนักข่าว BBC ได้เผยแพร่ข้อมูลที่อ้างว่ามาจาก ร.อ. พาลามาร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในนักรบยูเครนที่ปักหลักอยู่ในโรงงานอะซอฟสตาล โดยเขายืนยันว่าโรงงานยังไม่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย แต่พื้นที่โรงงานที่อยู่บนดินส่วนใหญ่ถูกทำลายจากการทิ้งระเบิด และมีพลเรือนหลายคนติดอยู่ใต้ซากอาคารที่ถล่มลงมา ขณะที่ยังมีผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตไม่ทราบจำนวนหลบอยู่ในบังเกอร์ใต้ดิน

โดย BBC ระบุว่าไม่สามารถยืนยันตัวตนของทหารรายนี้ได้ ขณะที่จากการสอบถามว่ามีกองกำลังยูเครนในมาริอูโปลเหลืออยู่อีกเท่าไร เขาให้คำตอบว่าเพียงพอที่จะขับไล่การโจมตีจากรัสเซียได้

ในส่วนของพลเรือนที่ติดอยู่ในเมืองนั้น ร.อ. พาลามาร์ ระบุว่าอยู่ในจุดที่แยกจากกลุ่มนักรบ โดยหลบซ่อนอยู่ในบังเกอร์ใต้ดินของอาคารที่จุคนได้ราว 80-100 คน แต่ไม่แน่ชัดว่ามีผู้รอดชีวิตเหลืออยู่เท่าไร เนื่องจากอาคารหลายหลังถูกทำลายและกลุ่มนักรบไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้

“เราติดต่อกับพลเรือนเหล่านั้นซึ่งอยู่ในสถานที่ที่เราสามารถไปถึงได้ เรารู้ว่ามีเด็กเล็กอยู่ที่นั่น ที่อายุเพียง 3 เดือน” เขากล่าว

อ้างอิง: