เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) รายงานกำไรสุทธิ 4Q64 จำนวน 2.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10%YoY และ 5%QoQ หากตัดกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนใน BH ใน 4Q63 ออกไป พบว่ากำไรปกติเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 115%YoY และเพิ่มขึ้น 14%QoQ โดยได้รับปัจจัยหนุนจาก EBITDA Margin ที่แข็งแกร่ง สำหรับปี 2564 มีกำไรสุทธิ 7.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10%YoY และหากตัดรายการพิเศษออกไป พบว่ากำไรปกติอยู่ที่ 7.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 28%YoY
ด้านเงินปันผล BDMS ประกาศจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานงวด 2H64 จำนวน 0.2 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทน 0.9% โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 9 มีนาคม 2565 และจ่ายวันที่ 29 เมษายน 2565
รายการสำคัญใน 4Q64
รายได้จากกิจการโรงพยาบาลอยู่ที่ 2.09 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 22%YoY และ 11%QoQ โดยประกอบด้วยรายได้จากบริการที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับโควิดจำนวน 1.78 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 8%YoY และ 26%QoQ, 88% ของระดับก่อนเกิดโควิด) โดยเกิดจากความต้องการใช้บริการรักษาพยาบาลค่อนข้างมากที่เลื่อนมาจาก 3Q64 ซึ่งเป็นช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดรุนแรง และรายได้จากบริการที่เกี่ยวเนื่องกับโควิดจำนวน 3.1 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 358%YoY แต่ลดลง 34%QoQ, 15% ของรายได้ 4Q64 เทียบกับ 25% ใน 3Q64)
ส่วน EBITDA Margin อยู่ที่ 24.1% เพิ่มขึ้นจาก 18.9% ใน 4Q63 แต่ลดลงจาก 25.4% ใน 3Q64 โดยเกิดจากค่าใช้จ่ายตามฤดูกาล และดีกว่าที่คาดการณ์ (ที่ 21.8%) สะท้อนถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายและการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ได้ดีขึ้น
กระทบอย่างไร:
ในวันนี้ (24 กุมภาพันธ์) ราคาหุ้น BDMS ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.59%DoD สู่ระดับ 23.80 บาท ดีกว่า SET Index ที่ปรับลดลง 1.99%DoD อยู่ที่ระดับ 1,662.72 จุด
มุมมองต่อผลประกอบการและแนวโน้มปี 2565:
SCBS ประเมินผลประกอบการ 4Q64 ในแง่กำไรปกติ ออกมาสูงกว่าที่คาดไว้อยู่ 22% และสูงกว่าตลาดคาดอยู่ 16% โดยได้รับปัจจัยหนุนจาก EBITDA Margin ที่แข็งแกร่ง
ขณะที่มองกำไร 1Q65 มีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้น YoY และ QoQ โดยได้แรงหนุนจากการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามปกติ และการที่ผู้ป่วยกลับมาใช้บริการรักษาโรคที่ไม่เกี่ยวข้องกับโควิด สำหรับทั้งปี 2565 คาดกำไรจะยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากจำนวนผู้ป่วยคนไทยที่เข้ามาใช้บริการทางการแพทย์เพิ่มมากขึ้นหลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย และบริการผู้ป่วยชาวต่างชาติที่ปรับตัวดีขึ้น (คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนใน 2H65 ควบคู่ไปกับการเปิดประเทศ) ซึ่งจะช่วยชดเชยบริการโควิดที่กลับคืนสู่ภาวะปกติ
นอกจากนี้ SCBS ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจการแพทย์ซึ่งมีลักษณะ Defensive (ความเสี่ยงต่ำ) ของ BDMS พร้อมกับศักยภาพการเติบโตในระยะยาวของบริการสุขภาพดิจิทัล โดยเลือกให้เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มการแพทย์ อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม คือจำนวนผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการชะลอตัวลง และการแข่งขันสูง
