เกิดอะไรขึ้น:
SCBS ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 2Q64 ของ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) ซึ่งคาดว่าจะประกาศผลประกอบการวันที่ 13 สิงหาคม 2564
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น CPF ปรับตัวลง 6.5%MoM สู่ระดับ 25.25 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวลง 5.3%MoM สู่ระดับ 1,549.84 จุด (ข้อมูล ณ วันที่ 12 กรกฎาคม 2564)
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาด กำไรสุทธิ 2Q64 ของ CPF ที่ 4.7 พันล้านบาท ลดลง 23%YoY และลดลง 33%QoQ เนื่องจากจะรับรู้ขาดทุนพิเศษจำนวน 5 ร้อยล้านบาท ซึ่งเกิดจากการขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ชีวภาพจำนวน 1.2 พันล้านบาท เนื่องจากราคาสุกรที่ลดลง ซึ่งมากกว่ากำไรจากการขายเงินลงทุนหลังหักภาษีจำนวน 7 ร้อยล้านบาท
หากตัดรายการพิเศษออกไป กำไรปกติ 2Q64 จะอยู่ที่ 5.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6%YoY แต่ลดลง 27%QoQ โดยกำไรปกติที่เพิ่มขึ้น YoY เกิดจากฐานต่ำของธุรกิจสัตว์บกในประเทศไทยในปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่มีการระบาดระลอกแรกของโควิด ขณะที่กำไรปกติ 2Q64 ลดลง QoQ เกิดจากธุรกิจสุกรในประเทศไทย เวียดนาม และจีน ที่ปรับตัวแย่ลง
มุมมองระยะยาว:
SCBS คาด แนวโน้มกำไรปี 2564 ของ CPF จะลดลงเล็กน้อย 3.5%YoY สู่ระดับ 2.34 หมื่นล้านบาท โดยถูกกดดันจากอัตรากำไรที่ลดลง เนื่องจากราคาสุกรในภูมิภาคที่ปรับตัวลดลง เพราะกิจกรรมการค้าชายแดนลดลง รวมถึงอุปทานสุกรที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นจากสถานการณ์การระบาดของโรค ASF
นอกจากนี้ราคาข้าวโพดและราคากากถั่วเหลือง ซึ่งเป็นต้นทุนอาหารสัตว์ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หากอิงกับการเก็บสต๊อกวัตถุดิบอาหารสัตว์ไว้ 3-4 เดือน แนวโน้มดังกล่าวสะท้อนว่า ต้นทุนวัตถุดิบที่แท้จริงจะเพิ่มขึ้นใน 3Q64
ขณะที่ปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นจากฟาร์มสุกรของ CPF และประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้นจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากราคาเนื้อสัตว์ที่ลดลงได้บางส่วน โดยในปี 2564 CPF ตั้งเป้าหมายเพิ่มการผลิตจากฟาร์มสุกรของบริษัทอีก 15%YoY สู่ระดับ 7 ล้านตัวต่อปีในเวียดนาม สำหรับประเทศไทยจะเพิ่มการผลิต 10%YoY สู่ระดับ 6 ล้านตัวต่อปี และเพิ่มการผลิตอีก 30-50%YoY สู่ระดับ 6-7 ล้านตัวต่อปีในจีน ทั้งนี้ CPF เชื่อมั่นว่า การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตผ่านการปรับปรุงพันธุ์สุกรและลดระยะเวลาเลี้ยงไก่ลง จะช่วยชดเชยผลกระทบจากต้นทุนอาหารสัตว์ที่สูงขึ้นได้
