บมจ. แอสเซทไวส์ หรือ ASW เตรียมเสนอขาย IPO จำนวนไม่เกิน 206 ล้านหุ้น เดินหน้าเสนอขายหุ้นในปลายเมษายน และเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในไตรมาส 2 ปี 2564 เงินที่ได้จากการะดมทุนจะใช้สำหรับชำระคืนเงินกู้และใช้พัฒนาโครงการในอนาคต เพื่อสร้างการเติบโตให้กับผลประกอบการในระยะยาว
กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. แอสเซทไวส์ หรือ ASW กล่าวว่า ASW มีความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 206 ล้านหุ้น คิดเป็น 27.07% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชําระแล้วทั้งหมดหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินและเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ รองรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งโครงการแนวสูงและแนวราบในอนาคต
ปัจจุบัน ASW มีโครงการในมือทั้งหมด 33 โครงการ มูลค่า 30,420 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแล้วเสร็จ 25 โครงการ มูลค่า 19,043 ล้านบาท, โครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้างและเปิดขาย 8 โครงการ มูลค่า 11,377 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีโครงการในอนาคตอีก 11 โครงการ มูลค่ารวม 21,202 ล้านบาท โดยเฉพาะปีนี้ ASW วางแผนในการเปิดโครงการใหม่ จำนวน 6 โครงการมูลค่าโครงการ 10,850 ล้านบาท
ขณะที่มียอดขายรอโอน (Backlog) กว่า 7,800 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปี 2564 มูลค่า 5,302 ล้านบาท และทยอยรับรู้รายได้อีกมูลค่า 1,652 ล้านบาท และ 894 ล้านบาท ในปี 2565-2566 ตามลำดับ
ขณะที่ภาพรวมผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปี (2561-2563) กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 4,345.8 ล้านบาท 2,624.9 ล้านบาท และ 4,205.0 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิในปี 2561-2563 อยู่ที่ 556.6 ล้านบาท 297.1 ล้านบาท และ 870.8 ล้านบาทตามลำดับ
“ภายหลังการเข้าตลาดหลักทรัพย์ ASW จะมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น โดยเฉพาะสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (DE) ที่จะลดลงมาอยู่ที่ 1 เท่ากว่าๆ ซึ่งเป็นตัวเลขที่แข่งขันได้เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่มี DE เฉลี่ยราว 2 เท่า ส่วนภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ เมื่อพิจารณาจากปัจจัยเรื่องการกระจายวัคซีนแล้ว เชื่อว่าตลาดน่าจะฟื้นตัวในไตรมาส 2 ปีนี้ โดยเซกเมนต์ที่น่าจะฟื้นตัวเร็วก็คือเซกเมนต์ที่มีเรียลดีมานด์อยู่ อาทิ กลุ่มคอนโดฯ Low Rise ซึ่งในพอร์ตของ ASW ก็มีอสังหาริมทรัพย์นี้เช่นกัน”
ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินกล่าวว่า จุดเด่นของ ASW คือการเลือกทำเลที่ดี และมีแบรนด์ที่หลากหลายเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน มีเซกเมนต์ชัดเจน ได้แก่
- แอทโมซ ‘Atmoz’ เป็นโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise
- โมดิซ ‘Modiz’ เป็นโครงการคอนโดมิเนียมเน้นการตกแต่งสไตล์โมเดิร์นผสมผสานกับความหรูหรา
- เคฟ ‘Kave’ เป็นโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise เน้นทำเลใกล้กับสถานศึกษาและมหาวิทยาลัยชั้นนำ
นอกจากนี้ ASW มีฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะผ่านวิกฤตต่างๆ ในช่วงปีที่ผ่านมา สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น และมีอัตราการทำกำไรสูง โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) 44% และอัตรากำไรสุทธิ (NPM) สูงถึง 20.6% ประกอบกับผู้บริหารและทีมผู้บริหาร ASW มีวิสัยทัศน์กว้างไกลในการพัฒนาโครงการ มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคตได้อีกมาก จึงเชื่อมั่นว่าการเสนอขายหุ้น ASW ในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จ เป็นอีกหนึ่งบริษัทได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า