Pinocchio ความแฟนตาซีคลาสสิก และใจความสำคัญที่บอกว่า ‘ความรู้’ คืออาวุธสำคัญที่ใช้ต่อสู้กับ ‘คำโกหก’

The Adventures of Pinocchio ถือเป็นอีกหนึ่งวรรณกรรมสุดคลาสสิกของนักเขียนชาวอิตาลี การ์โล กอลโลดี ที่ถูกดัดแปลงเป็นฉบับภาพยนตร์มาแล้วหลายครั้ง เริ่มตั้งแต่ภาพยนตร์เงียบอย่าง The Adventures of Pinocchio ในปี 1911, ภาพยนตร์แอนิเมชันจากดิสนีย์ในปี 1940, แอนิเมชันซีรีส์จากฝั่งญี่ปุ่นอย่าง Piccolino no Bōken ในปี 1976 รวมถึงภาพยนตร์จาก Netflix ในฉบับของผู้กำกับ กิลเลอร์โม เดล โตโร ที่มีกำหนดเข้าฉายในปี 2021 ฯลฯ

ในฐานะคนที่ไม่ได้รับรู้เรื่องราวอย่างละเอียด ทำให้เราอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเรื่องราวของเจ้าหุ่นไม้ตัวนี้ถึงเป็นที่รักของผู้ชมทั่วโลกมากขนาดนี้ และพกคำถามนี้เข้าไปในโรงภาพยนตร์เพื่อหาคำตอบจาก Pinocchio ภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชันเรื่องล่าสุดจากผู้กำกับชาวอิตาลี มัตเตโอ การ์โรเน (Gomorrah, Tale of Tales)

Pinocchio บอกเล่าเรื่องราวของ เจปเปตโต (รับบทโดย โรแบร์โต เบนิญญี) ช่างแกะสลักไม้ผู้ยากจนที่สร้างหุ่นไม้ขึ้นมาตัวหนึ่งเพื่อหวังว่ามันจะหาเงินให้กับเขาได้ แต่แล้วหุ่นตัวนั้นกลับมีชีวิตขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เจปเปตโตจึงได้ตั้งชื่อให้ว่า พินอคคิโอ (รับบทโดย เฟเดอริโก อิลาพี) และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกคนหนึ่ง

จนกระทั่งวันหนึ่งพินอคคิโอที่กำลังเล่นซนอย่างสนุกสนานได้พลัดหลงกับเจปเปตโต จึงทำให้พินอคคิโอต้องออกเดินทางสู่โลกกว้างเพื่อตามหาพ่อของเขาให้พบ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยที่ค่อยๆ หล่อหลอมให้หุ่นไม้ตัวนี้มีจิตใจที่กลายเป็นมนุษย์ขึ้นมาจริงๆ

หลังจากที่การผจญภัยของพินอคคิโอจบลง เราได้นั่งทบทวนเพื่อหาคำตอบของคำถามที่เราตั้งไว้ในตอนแรก ซึ่งสิ่งที่เราค้นพบและสัมผัสได้อย่างชัดเจนคือองค์ประกอบของความแฟนตาซีสุดคลาสสิกที่ถูกหยิบมาเล่ากี่ครั้งก็ไม่เคยเก่า

ไม่ว่าจะเป็นเหล่าสิ่งมีชีวิตเหนือจินตนาการอย่างจิ้งหรีดพูดได้, นางฟ้าผมสีน้ำเงิน, จิ้งจอกและแมวจอมเจ้าเล่ห์ ฯลฯ หรือจะเป็นสถานที่สุดอัศจรรย์อย่างดินแดนของเล่นและท้องของเจ้าฉลามยักษ์

โดยสิ่งแรกที่เราประทับใจมากๆ คืองานเมกอัพเอฟเฟกต์ที่ถูกสร้างสรรค์โดย มาร์ค คูลิเยร์ เมกอัพอาร์ทิสต์เจ้าของรางวัลออสการ์สาขาแต่งหน้ายอดเยี่ยมจาก The Grand Budapest Hotel (2014) และ The Iron Lady (2011) ที่ตีความและสร้างสรรค์ภาพลักษณ์ของตัวละครที่ผู้ชมคุ้นเคยออกมาได้อย่างมีเสน่ห์ น่าดึงดูด ทั้งลายไม้สุดประณีตของพินอคคิโอ, สภาพอันทรุดโทรมของจิ้งจอกและแมวจอมเจ้าเล่ห์, ใบหน้าอันงดงามของนางฟ้าสีน้ำเงิน ฯลฯ

เสริมด้วยงานวิชวลเอฟเฟกต์จาก One of Us สตูดิโอผู้อยู่เบื้องหลังงานวิชวลเอฟเฟกต์จาก Aladdin (2019), Jurassic World 2: Fallen Kingdom (2018) ที่สร้างสรรค์ฉากสุดแฟนตาซีออกมาได้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะฉากไฮไลต์ของเรื่องอย่างปลาฉลามยักษ์ที่เราอยากให้แฟนๆ พินอคคิโอได้ลองไปรับชมด้วยตัวเอง

รวมถึงดนตรีประกอบภาพยนตร์จาก ดาร์รีโอ มาร์เลเนลลี คอมโพเซอร์เจ้าของรางวัลออสการ์สาขาดนตรีประกอบยอดเยี่ยมจาก Atonement (2007) ที่เข้ามาเสริมบรรยากาศของความแฟนตาซีผ่านบทเพลงให้โดดเด่นยิ่งขึ้น

องค์ประกอบสำคัญทั้งสองอย่างนี้ก็ทำให้เรื่องราวการผจญภัยของพินอคคิโอ (ที่ใครหลายคนน่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี) ยังเป็นเรื่องราวที่สนุกสนานและสดใหม่อยู่เสมอ

ในขณะที่ โรแบร์โต เบนิญญี ผู้กำกับและนักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมและสาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมจาก Life Is Beautiful (1997) ผู้รับบทเป็น เจปเปตโต พร้อมด้วย เฟเดอริโก อิลาพี จากซีรีส์เรื่อง Don Matteo (2018) ผู้รับบทเป็น พินอคคิโอ ที่ถึงแม้จะมีบางจุดที่ไม่ค่อยมีมิติเท่าไรนัก แต่ทั้งคู่ก็ร่วมกันถ่ายทอดอารมณ์ของสองตัวละครสุดคลาสสิกออกมาได้อย่างมีเสน่ห์จนทำให้เราหลงรักพวกเขาได้ไม่ยาก

รวมถึงแกนหลักสำคัญของเรื่องที่ถ่ายทอดให้เราเห็นว่า ‘ความรู้’ คืออาวุธชิ้นสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถเอาชนะ ‘การโกหก’ จากผู้ไม่หวังดีได้ เหมือนตอนหนึ่งที่นางฟ้าผมสีน้ำเงินผู้มีเวทมนตร์ (ปัญญา) สามารถจับได้ว่าพินอคคิโอกำลังโกหกด้วยการทำให้จมูกของเขายาวขึ้น พร้อมทั้งพร่ำบอกให้เขาต้องไป ‘เรียนหนังสือ’ เพื่อเติมเต็ม ‘ความรู้’ และอาวุธติดตัวเพื่อไม่ให้ถูกใครล่อลวงได้อีก

เป็นเรื่องน่าสนใจตรงที่ว่าถึงแม้วรรณกรรมต้นฉบับจะมีอายุมากกว่า 100 ปี แต่แนวคิดการต่อสู้กับ ‘การโกหก’ ยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่นำมาปรับใช้กับทุกๆ สถานการณ์ได้อยู่เสมอมาจนถึงตอนนี้

เรื่องราวการผจญภัยที่ร่วมสมัย ความแฟนตาซีสุดคลาสสิกที่ถูกตีความและนำเสนอผ่านมุมมองของผู้สร้างในแต่ละยุคสมัย รวมถึงแกนหลักของเรื่องที่ไม่ได้มีดีแค่ความสนุกสนาน

ทั้งหมดคือคำตอบที่เราค้นพบว่าทำไมเรื่องราวของเจ้าหุ่นไม้ตัวนี้จึงกลายเป็นเรื่องราวที่ผู้คนทั่วโลกต่างหลงรัก

และเราเชื่อว่าในอนาคตข้างหน้า เหล่าผู้สร้างก็คงจะหยิบยกเรื่องราวเหนือจินตนาการของพินอคคิโอมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ แอนิเมชัน ละครเวที ฯลฯ ผ่านการตีความและนำเสนอในรูปแบบต่างๆ เพื่อส่งมอบเรื่องราวสุดคลาสสิกเรื่องนี้ให้คนรุ่นต่อไปได้รับชมกันอีกอย่างแน่นอน

Pinocchio เข้าฉายอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์

สามารถรับชมตัวอย่างภาพยนตร์ได้ผ่านทาง