วันนี้ (5 พฤษภาคม) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ส่งคณะผู้เชี่ยวชาญจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ลงไปสนับสนุนสอบทานหาสาเหตุความผิดปกติของผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่โรงพยาบาลยะลา ซึ่งต้องขอชื่นชมทีมเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการฯ ของโรงพยาบาลที่สามารถตรวจจับความผิดปกติได้รวดเร็ว นำมาสู่การรายงานผล และจะมีการนำตัวอย่างมาทดสอบที่ห้องปฏิบัติการฯ อ้างอิงของประเทศที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยคาดว่าจะทราบผลไม่เกิน 1-2 วันนี้
ทั้งนี้ห้องปฏิบัติการฯ โรงพยาบาลยะลาผ่านเกณฑ์มาตรฐานของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดให้บริการตรวจแล้วมากกว่า 4,000 ตัวอย่างใน 1 เดือนที่ผ่านมา ขณะนี้ได้หยุดให้บริการตรวจชั่วคราวจนกว่าจะสอบทานเรียบร้อย
นพ.โอภาส กล่าวต่อไปว่าโควิด-19 เป็นเชื้อโรคใหม่ ทั่วโลกเพิ่งรู้จักได้ 4-5 เดือน ในระยะแรกการตรวจหาเชื้อทำได้ 2 แห่งคือ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ต่อมาได้เพิ่มศักยภาพการตรวจให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ของประเทศไทย ปัจจุบันมีมากกว่า 150 แห่ง โดยวิธีการตรวจหาเชื้อในคอ จมูก ปอด และทางเดินหายใจด้วยวิธี RT-PCR ที่เป็นมาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกแนะนำและใช้เป็นหลักการเดียวกันทั่วโลก ข้อดี คือความแม่นยำสูง ตรวจได้ตั้งแต่ระยะแรกของโรค แต่ต้องอาศัยความชำนาญในการตรวจ เครื่องมือราคาแพง มีขั้นตอนละเอียดสูง
โดยห้องปฏิบัติการตามเกณฑ์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กำหนดประกอบด้วย 4 ส่วนสำคัญคือ มีนักเทคนิคการแพทย์ที่มีความรู้ความเข้าใจการตรวจด้วยวิธี RT-PCR, มีเครื่อง PCR และระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ (Bio Safety), คนตรวจต้องผ่านการทดสอบความชำนาญ และต้องมีระบบควบคุมคุณภาพมาตรฐานและการรายงานข้อมูลตามกรมควบคุมโรคกำหนด ทั้งนี้จนถึงปัจจุบันได้ตรวจหาเชื้อแล้วกว่า 227,860 ตัวอย่าง และแนวโน้มตรวจเพิ่มได้มากขึ้นเรื่อยๆ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตรวจประมาณวันละ 6,000 ตัวอย่าง ซึ่งมากกว่าเมื่อต้นเดือนเมษายนถึง 2 เท่า
ทั้งนี้การทดสอบทางห้องปฏิบัติการฯ หรือระบบใดๆ ก็ตามสามารถพบความคลาดเคลื่อนหรือผิดพลาด (Error) เสมอ ประกอบด้วย ความผิดพลาดของมนุษย์ (Human Error), ความผิดพลาดของเครื่องมือ/น้ำยา (Machine Error) และความผิดพลาดของระบบ (System Error) ซึ่งจะทำให้การตรวจ/การรายงานผลเกิดความคลาดเคลื่อนผิดพลาดได้ หรือที่เรียกว่าผลบวกลวงหรือผลบวกปลอม (False Positive) และผลลบลวงหรือผลลบปลอม (False Negative) ดังนั้นผู้ที่นำผลไปใช้ต้องตระหนักถึงประเด็นดังกล่าวเสมอ ซึ่งการตรวจทางห้องปฏิบัติการฯ เป็นเครื่องมือหนึ่งในการวินิจฉัย ดังนั้นแพทย์หรือนักระบาดวิทยาที่จะใช้ผลต้องคำนึงถึงธรรมชาติการเกิดโรคและสถานการณ์ทางระบาดวิทยาควบคู่กันเสมอ เช่น ใช้ในการค้นหาเชิงรุก/การสอบสวนโรค
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาประสิทธิภาพการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่มีมากกว่า 150 แห่งของประเทศไทยเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การควบคุมโรคโควิด-19 ของประเทศประสบความสำเร็จเป็นที่ชื่นชมขององค์การอนามัยโลก
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์