LINE จัดงาน LINE Explosion 2020 เพื่อสรุปทิศทางตลอดจนก้าวต่อไปของธุรกิจคอนเทนต์ ซึ่งวันนี้ประกอบไปด้วย 2 ขาหลัก ได้แก่ LINE Today และ LINE TV
THE STANDARD สรุป 7 เรื่องราวของ LINE Today และ LINE TV กับเป้าหมายการอยู่กับผู้ใช้ตั้งแต่ตื่นถึงนอน
1.LINE ต้องอยู่ในชีวิตประจำวันตั้งแต่ตื่นถึงนอน
ดร.พิเชษฐ์ ฤกษ์ปรีชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวย้ำถึงวิสัยทัศน์ ‘Life on LINE’ และกลยุทธ์ทางธุรกิจคอนเทนต์ออนไลน์ว่า วันนี้ LINE มีผู้ใช้งาน 45 ล้านคน สิ่งที่ LINE ต้องการเป็นคือ Life Infrastructure ซึ่งจะเข้าไปอยู่กับชีวิตประจำวันของผู้ใช้ตั้งแต่ตื่นจนถึงนอน
“เราจะใช้ดาต้าประเมินว่าผู้ใช้ต้องการอะไร แล้วจะเสิร์ฟคอนเทนต์เหล่านั้น ซึ่งจะถูกคัดเลือกเฉพาะคอนเทนต์ที่ดีไปให้ ตลอดจนปรับการใช้งานให้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ไม่เคยใช้คอมพิวเตอร์มาก่อนหรือกลุ่มผู้สูงอายุก็ตาม”
2.ผู้บริโภคจะเป็นคนเลือกคอนเทนต์เอง
ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจคอนเทนต์ของ LINE ทั้ง LINE TV และ LINE Today มีการเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด
กณพ ศุภมานพ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจคอนเทนต์ กล่าวว่าสิ่งที่ LINE ได้เรียนรู้จากพฤติกรรมการเสพคอนเทนต์ของคนดูรูปแบบใหม่คือ Missing Out ‘Now’ is My Option [MONMO]
กล่าวคือการที่ผู้บริโภคในปัจจุบันจริงๆ แล้วไม่ต้องการพลาดคอนเทนต์ดังๆ และเป็นกระแส แต่ต้องการเป็นผู้เลือกด้วยตัวเองว่าจะเสพคอนเทนต์ที่สนใจตอนนั้นทันทีหรือไม่ เมื่อไร อย่างไร
ดังนั้น LINE TV และ LINE Today จะต้องทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกบริหารความต้องการของตนเองได้อย่างสะดวกสบาย
3.เจาะพฤติกรรมคนอ่าน LINE Today 60% อ่านบทความจนจบ
LINE สรุปพฤติกรรมคนอ่าน LINE Today พบว่าผู้อ่านส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง 59% และผู้ชาย 41% ซึ่งผู้ชายมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่อายุเฉลี่ยของผู้อ่านส่วนใหญ่อยู่ที่ 25-34 ปี หรือ 41% ตามด้วยกลุ่มอายุมากกว่า 45 ปี ถึง 22% ซึ่งมีอัตราการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญถึง 50% ต่อปี
ตัวเลขคนอ่านเติบโตอย่างก้าวกระโดด ปีที่ผ่านมามีการเปิดอ่าน LINE Today 11,700 ล้านครั้งต่อปี หรือเฉลี่ย 1 พันล้านครั้งต่อ 1 เดือน โดยเทรนด์ใหม่ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการอ่านคอนเทนต์ออนไลน์ในปัจจุบัน พบว่าโดยเฉลี่ยผู้ชมส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการอ่านคอนเทนต์ออนไลน์มากขึ้น
มีสถิติในการอ่านเฉลี่ยต่อปีต่อคนมากถึง 36,000 บรรทัด หรือเทียบเท่าการอ่านพ็อกเก็ตบุ๊กประมาณ 9 เล่ม กว่า 60% ของผู้อ่านบน LINE Today มีการอ่านแต่ละบทความจนจบ
สองช่วงเวลาที่ผู้ใช้นิยมเข้ามาอ่านมากที่สุด ได้แก่ ช่วง 18.00-20.00 น. ระหว่างเดินทางกลับบ้าน และช่วง 21.00-23.00 น. หรือก่อนเข้านอน ช่วงนี้ผู้ใช้จะเลือกอ่านคอนเทนต์ที่ตัวเองสนใจจริงๆ
คอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมในการอ่านสูงสุดคือ บันเทิง ไลฟ์สไตล์ แฟชั่น สุขภาพ และกีฬา นอกจากนี้ยังมีดวง ซึ่งนิยมอ่านในช่วง 07.00-09.00 น.และการประกาศรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งทำให้ยอดเข้าอ่าน LINE Today พุ่งสูงเดือนละ 2 ครั้ง
ภายในปีนี้ LINE Today จะมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ของ User Experience (UX) และอินเตอร์เฟซ (UI) ใหม่ทั้งหมด เพื่อให้สามารถสนองต่อการใช้งานที่ง่ายและดีกว่าเดิม
4.LINE TV มีคนดูมากกว่า 5,800 ล้านครั้ง
ต่อไปคือ LINE TV พบว่ามีผู้ชมวิดีโอบน LINE TV มากกว่า 5,800 ล้านครั้ง เข้าถึงผู้ใช้ 40 ล้านคนในไทยเฉลี่ยรวมถึง 176 นาทีต่อวัน โดย 3 ช่วงเวลาที่มีการรับชมสูงสุด ได้แก่
- ช่วง 12.00-14.00 น. ระหว่างพักกลางวัน
- ช่วง 15.00-18.00 น. ช่วงเวลาหลังเลิกเรียนหรือเลิกงาน และขณะเดินทางกลับบ้าน
- และโดยเฉพาะช่วง 20.00-22.00 น. เวลาครอบครัว โดยในช่วงเวลานี้มีการรับชมผ่านจอใหญ่สูงขึ้นมาก และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เฉลี่ยเติบโต 63% ทุกเดือนต่อเนื่องกันมาตั้งแต่เปิดให้บริการ โดยการรับชมผ่านจอใหญ่ทำให้ผู้ใช้งานใช้เวลาโดยเฉลี่ยต่อคนมากเป็นอันดับ 1 เมื่อเทียบกับการดูผ่านโทรศัพท์มือถือหรือผ่านเว็บเบราว์เซอร์
หนึ่งในหัวใจที่ทำให้ LINE TV มีจำนวนผู้ชมเติบโตคือ LINE TV Original Content สถิติคือมีผู้รับชม LINE TV Original Content ต่อเรื่องเพิ่มขึ้นมากถึง 32% จากปี 2561-2562
จนถึงวันนี้มีการสร้าง Original Content ไปแล้วทั้งสิ้น 72 เรื่อง เฉลี่ยมากกว่าเดือนละ 1 เรื่อง สำหรับปีนี้เตรียมสร้าง Original Content ทั้งหมด 6 เรื่อง
5.เจาะ 3 เป้าหมายหลัก LINE TV
สำหรับก้าวต่อไป LINE TV มุ่งหวังจะเป็น Everyday Enjoyment Hub หรือศูนย์รวมแห่งความเพลิดเพลินในทุกๆ วัน โดยปีนี้วางเป้าหมายไว้ 3 ข้อหลัก ได้แก่
- ตั้งเป้าขยายกลุ่มผู้ชมให้ครอบคลุมกลุ่มไลฟ์สไตล์คนเมืองที่กำลังเติบโตขึ้นทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ชายที่ LINE ต้องการขยาย ซึ่งจะผลักดันผ่านคอนเทนต์ทั้งแอนิเมชัน อีสปอร์ต ตลอดจนนำไฮไลต์ฟุตบอลยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกมาอยู่ใน LINE TV
- การติดตั้งแอปพลิเคชันไปพร้อมกับสมาร์ททีวีและสมาร์ทโฟน เพิ่มช่องทางการเข้าถึง LINE TV ได้มากยิ่งขึ้น
- การมุ่งขยายตลาดไปยังประเทศแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาดว่าในไตรมาส 2 นี้จะได้เห็นในลาว กัมพูชา และเมียนมา ด้วยทั้ง 3 ประเทศดูคอนเทนต์ของไทยอยู่แล้ว
6.โฆษณาทำรายได้ติด Top 3 ของ LINE
ในแง่ของการสร้างรายได้นั้น โฆษณาบน LINE Today และ LINE TV ในรูปแบบของ Display Ad ทำรายได้ติด Top 3 ของ LINE ประเทศไทย ร่วมกับธุรกิจ B2B เช่น Official Account และธุรกิจสติกเกอร์
นรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ ฝ่ายการพาณิชย์ ระบุว่าโฆษณามีตัวเลขที่เติบโตขึ้นทุกปี โดย LINE TV มีมูลค่าการลงโฆษณาเพิ่มขึ้นเฉลี่ยสะสม 67% ต่อปี
ปีที่ผ่านมากลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการลงโฆษณาสูงสุดบน LINE TV ในปีที่ผ่านมา ได้แก่ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มความงามและสุขภาพ รวมถึงกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร
ในขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมที่มียอดการเติบโตสูงสุดในการลงโฆษณา ได้แก่ อีคอมเมิร์ซ ตามมาด้วยกลุ่มมีเดียและความบันเทิง และกลุ่มประกันภัย
ด้าน LINE Today ก็เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ยอดเฉลี่ยสะสมเพิ่มขึ้นสูงถึง 150% ต่อปี โดยกลุ่มยานยนต์ กลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร และกลุ่มอีคอมเมิร์ซ เป็นกลุ่มที่มีมูลค่าการลงโฆษณาสูงสุด
ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่มียอดการเติบโตสูงสุดในการลงโฆษณา ได้แก่ องค์กรภาครัฐและพลังงาน ตามมาด้วยกลุ่มธุรกิจค้าปลีก และกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม
ทั้งนี้จากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนในช่วงนี้ นรสิทธิ์ยอมรับว่ากลุ่มแบรนด์ใหญ่ๆ มีความระมัดระวังในการใช้งบมากขึ้น ในขณะที่กลุ่มเอสเอ็มอีกลับใช้มากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในภาพรวม LINE ยังไม่ได้รับผลกระทบอะไร
7.สถิติโฆษณาของ LINE Today และ LINE TV
สถิติที่เกี่ยวกับโฆษณานั้น LINE TV มีสถิติการดูโฆษณาจนจบ (Complete Rate) บนแพลตฟอร์มสูงกว่าค่าเฉลี่ยในตลาดถึง 200% รวมถึงอัตราการมองเห็นโฆษณา (Viewability) สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาด 24%
และอัตราการคลิก (CTR) สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดถึง 52% เป็นผลทำให้ผู้ชมเกิดความตั้งใจในการซื้อสินค้า (Intention to Buy) มากถึง 49%
ส่วน LINE Today มีอัตราการคลิกสูงกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ ถึง 100% และมีสถิติการใช้เวลาบนแพลตฟอร์มสูงกว่าปกติ 200% สามารถทำให้เกิดอัตราการตั้งใจซื้อจากผู้ชม (Intention to Buy) ถึง 60%
8.Story Linked โซลูชันการโฆษณาแบบใหม่
อย่างไรก็ตาม LINE ได้เปิดตัวโซลูชันการโฆษณาแบบใหม่ที่ชื่อว่า ‘Story Linked’ โดยมีลักษณะคล้าย Sequential Ads ที่มีการแบ่งโฆษณาเป็นลำดับตอน ซึ่งจะสามารถช่วยเพิ่มส่วนร่วมในการรับชมโฆษณา (Engagement) จากผู้ชมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
จากการทดสอบพบว่าช่วยเพิ่มยอดการดูโฆษณาจนจบมากขึ้นเป็น 2.5 เท่า และเพิ่มอัตราการคลิกได้มากถึง 80%
นอกจากนี้ยังได้จับมือกับ VGI และ BMN เพื่อสร้างการรับรู้และเข้าถึงผู้บริโภคใน MRT และ BTS มากขึ้น ตลอดจนร่วมมือกับ Nielsen ประเทศไทย ในการพัฒนาระบบวัดเรตติ้งเพื่อช่วยให้แบรนด์หรือนักการตลาดสามารถวางแผนการลงโฆษณาบนแพลตฟอร์ม LINE ให้เหมาะสมกับงบประมาณ
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์