ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและหลายประเทศสมาชิกในอาเซียนแน่นแฟ้นและพัฒนามาอย่างยาวนานในหลากหลายมิติ เมื่อช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนได้เดินทางเยือนประเทศพันธมิตรในอาเซียนอย่างเวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา เพื่อกระชับความสัมพันธ์ ผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
ปัจจุบัน สีจิ้นผิงยังได้จัดพิธีถวายการต้อนรับ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ซึ่งเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 13-17 พฤศจิกายน โดยการเสด็จฯ เยือนครั้งนี้ สะท้อนชัดถึงความสำคัญของสายสัมพันธ์ไทย-จีน และคาดว่าจะช่วยส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่างๆ ให้ก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม นับเป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรไทยเสด็จฯ เยือนจีน ในโอกาสครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ
ทั้งนี้ จีนเป็นประเทศที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ โดยหากพูดถึงพื้นที่ที่มีศักยภาพและสามารถเป็นประตูแห่งโอกาสในการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างจีน-อาเซียน และสร้าง ‘ประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน’ หนึ่งในพื้นที่ที่มีความเป็นไปได้คือ ‘เขตปกครองตนเองกว่างซี’ (Guangxi) ซึ่งสีจิ้นผิง และคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนให้ความสำคัญอย่างมาก และมุ่งหวังให้มีส่วนช่วยขยายการเปิดประเทศทั้งภายในและภายนอกอย่างต่อเนื่อง

หนานหนิง-กว่างซี จะเป็นประตูแห่งโอกาสได้อย่างไร
กว่างซีมีพื้นที่ทั้งหมดราว 2.37 แสนตารางกิโลเมตร มีประชากรราว 50 ล้านคน และเป็นเขตปกครองตนเองที่มีประชากรเป็นกลุ่มชาติพันธ์ุมากที่สุดในประเทศจีน มีความโดดเด่นและมีความได้เปรียบทางด้านภูมิศาสตร์ โดยกว่างซีเป็นพื้นที่เดียวของจีนที่มีการเชื่อมต่อกับอาเซียนทั้งทางบกและทางทะเล กว่างซีจึงกลายเป็นศูนย์กลางของการเชื่อมโยงโอกาสในมิติต่างๆ ระหว่างจีนและอาเซียน โดยเฉพาะในมิติของเศรษฐกิจ ตลาดการค้าและการลงทุน
ผศ. ดร.ชาดา เตรียมวิทยา อาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง อธิบายว่า พื้นที่ทางตอนใต้ของจีน โดยเฉพาะกว่างซีถูกกำหนดให้เป็น ประตูสู่อาเซียน (Gate to ASEAN) ในเชิงยุทธศาสตร์ของจีน อีกทั้งเมืองเอกอย่างหนานหนิง (Nanning) ยังเป็นเมืองหลักสำหรับการเจรจาเกี่ยวกับอาเซียนอีกด้วย โดยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดและงานมหกรรมอย่าง China-ASEAN EXPO (CAEXPO) มาแล้วถึง 22 ครั้งติดต่อกัน
โดยอาจารย์ชาดามองว่า กว่างซีมีข้อได้เปรียบทางโลจิสติกส์ พื้นที่เหล่านี้เป็นกุญแจสำคัญในการเข้าสู่ตลาดสินค้าอาเซียนอย่างรวดเร็ว ด้วยต้นทุนการขนส่งที่ต่ำ มีชายแดนติดกับเวียดนามและมีทางออกสู่ทะเล ซึ่งสามารถขนส่งสินค้าไปยังไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ และประเทศอื่นๆ ในอาเซียนได้
ขณะที่ ภากร กัทชลี อาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเจ้าของเพจ ‘อ้ายจง’ กล่าวว่า หนานหนิง เมืองเอกของเขตปกครองตนเองกว่างซี หรือที่คนไทยคุ้นในชื่อ ‘กวางสี’ เป็นพื้นที่ที่มีบทบาทต่ออาเซียนและไทยมายาวนานแล้ว ไม่ได้เพิ่งโดดเด่นเฉพาะช่วงที่จีนผลักดันยุทธศาสตร์ใหญ่ๆ อย่าง Belt and Road Initiative หรือ AI Vision 2030 หากแต่มีความสำคัญเชิงภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจมาตั้งแต่เป็นประตูการค้าทางบกจากไทยสู่จีน
เส้นทาง R9 และ R12 จากภาคอีสานของไทย ผ่าน สปป.ลาวและเวียดนาม เข้าสู่ด่านในกว่างซี เช่น ด่านโย่วอี้กวาน ซึ่งถือเป็น ‘เส้นเลือดหลัก’ ของการขนส่งผลไม้และสินค้าเกษตรจากไทยสู่จีนตอนใต้ ใครเคยส่งทุเรียน ลำไย หรือมังคุดไปจีนจะรู้จักด่านนี้เป็นอย่างดี ซึ่งปัจจุบันก็พัฒนาไปไกล กลายเป็น ‘ด่านขนส่งอัจฉริยะ’ ที่มีการใช้รถไร้คนขับ (Intelligent Guided Vehicles: IGV) และระบบยกตู้สินค้าอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดเวลารอคิวอย่างมาก
แต่บทบาทของหนานหนิง-กว่างซีไม่ได้จำกัดอยู่แค่ ‘เส้นทางการค้า’ เท่านั้น หากยังถูกยกระดับให้เป็นศูนย์กลางความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างจีนกับอาเซียนในมิติต่างๆ ตั้งแต่ดิจิทัล เทคโนโลยี จนถึงนวัตกรรมใหม่ๆ

หนานหนิงกับศูนย์ความร่วมมือ AI จีน-อาเซียน
หนานหนิงถือเป็นเมืองเอก และเป็นหนึ่งใน 14 นครระดับจังหวัดของกว่างซี โดยในปี 2024 หนานหนิงได้รับการจัดอันดับโดย Springer Nature หนึ่งในผู้จัดพิมพ์วารสารวิชาการที่ใหญ่ที่สุดในโลก ให้เป็นหนึ่งใน 200 อันดับแรกของเมืองด้านวิทยาศาสตร์ของโลก (Science Cities 2024)
ที่เมืองแห่งนี้เป็นที่ตั้งของ ‘ศูนย์ความร่วมมือด้านการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ระหว่างจีน-อาเซียน’ (CAAIC) เป็นแพลตฟอร์มสำคัญที่มีบทบาทเชิงรุก เพื่อตอบสนองต่อยุทธศาสตร์การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) แห่งชาติ และแผนรวมในการสร้างประชาคมจีน-อาเซียนที่มีอนาคตร่วมกัน ด้วยวิสัยทัศน์ ‘การสร้างสรรค์ระบบนิเวศ AI ใหม่, การแบ่งปันโอกาสทางดิจิทัลใหม่’
CAAIC มีแผนทยอยจัดตั้งศูนย์สาขาในประเทศสมาชิกอาเซียนและเมืองหลักของจีน ตามแนวทาง ‘หนึ่งจุดเชื่อม, สองเขต, หลายศูนย์‘ (One Node, Two Zones, Multiple Centers) โดยโมเดลความร่วมมือข้ามพรมแดนนี้ก่อตั้งขึ้นภายใต้ ข้อได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบของกว่างซีในการพัฒนา AI ภายใต้ 4 ยุทธศาสตร์สำคัญ ได้แก่ (1) มากกว่า (More): โดยเฉพาะในมิติของการเชื่อมต่อที่มากขึ้น, (2) เร็วกว่า (Faster): โดยเฉพาะในมิติของการขนส่งและการสื่อสาร, (3) ดีกว่า (Better): โดยเฉพาะในมิติของแอปพลิเคชันและการบริการ และ (4) น้อยกว่า (Less): โดยเฉพาะในมิติเรื่องของต้นทุนและเวลา CAAIC จึงเป็นอีกหนึ่งกลไกที่จะช่วยเชื่อมสัมพันธ์ทางดิจิทัล เทคโนโลยีและนวัตกรรมระหว่างจีนและอาเซียน
อาจารย์ภากรกล่าวว่า นอกจากศูนย์ความร่วมมือ AI จีน–อาเซียนแล้ว จีนยังได้จัดตั้งศูนย์ความร่วมมือดิจิทัล และโครงการด้านเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงกับ Belt and Road Initiative ในเมืองหนานหนิง ทำให้พื้นที่นี้เป็นเหมือน ‘ห้องทดลองความร่วมมือจีน–อาเซียน’ ที่ส่งผลโดยตรงต่อประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่า สปป.ลาว เวียดนาม รวมถึงไทยและมาเลเซีย

โย่วอี้กวาน ด่านมิตรภาพเชื่อมจีน-อาเซียน
ด่านโย่วอี้กวาน (Youyiguan Border Gate) ตั้งอยู่ที่เมืองผิงเสียง (Pingxiang) ในนครฉงจั่ว (Chongzou) ของกว่างซี เป็นด่านมิตรภาพ (Friendship Pass) ที่มีพรมแดนติดกับเวียดนาม ทั้งยังเป็นด่านบกที่ใหญ่ที่สุดและมีปริมาณการค้ามากที่สุดในการค้าขายระหว่างจีนกับเวียดนาม และเป็นเส้นทางหลักในการขนส่งสินค้าจากกว่างซีออกสู่ตลาดอาเซียน
ด่านแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของกิโลเมตรที่ 0 ของจีน และเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญของระเบียงการค้าทางบก-ทางทะเลใหม่ (New International Land-Sea Trade Corridor) ที่เชื่อมโยงจีนตะวันตกเข้ากับท่าเรือในอ่าวเป่ยปู้ (Beibu Gulf) และส่งต่อไปยังเวียดนามและประเทศอื่นๆ ในอาเซียนอีกด้วย
ศุลกากรด่านโย่วอี้กวานระบุว่า ในปี 2024 ที่ผ่านมา ปริมาณการขนส่งสินค้าทั้งนำเข้าและส่งออกผ่านด่านโย่วอี้กวาน ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งในด้านปริมาณและมูลค่า โดยปริมาณการขนส่งสินค้ารวม ในปีที่แล้วสูงถึง 5.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 29 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ในขณะที่มูลค่าการนำเข้าและส่งออกรวม เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.9 แตะระดับ 4.78 แสนล้านหยวน (ราว 2.17 ล้านล้านบาท)
ส่วนมูลค่าการนำเข้าและส่งออกรวมกับกลุ่มประเทศอาเซียนที่ผ่านด่านนี้ในปี 2024 สูงถึงราว 4.73 แสนล้านหยวน (ราว 2.16 ล้านล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง ร้อยละ 98.9 ของมูลค่าการค้าต่างประเทศทั้งหมดของด่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้ากับเวียดนาม ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.9 แตะที่ 3.94 แสนล้านหยวน (ราว 1.8 ล้านล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 83.4 ของมูลค่าการค้าทั้งหมดกับประเทศอาเซียน

คลองผิงลู่ เมกะโปรเจกต์คลองขุดของจีน
คลองผิงลู่ (Pinglu Canal) เป็นโครงการขุดคลองเดินเรือขนาดใหญ่ที่มีความยาวมากถึง 134.2 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมทางน้ำ ตั้งแต่อ่างเก็บน้ำเหิงโจว ของเมืองหนานหนิง ให้มีทางออกสู่ทะเลทางตอนใต้ บริเวณอ่าวเป่ยปู้ โดยได้รับการออกแบบให้มีด่านปรับระดับน้ำ ทั้งหมด 3 ด่าน ได้แก่ ด่านหม่าต้าว, ด่านฉี่ซื่อ และด่านชิงเหนียนเพื่อแก้ไขปัญหาระดับน้ำในแต่ละพื้นที่ที่แตกต่างกัน และช่วยให้เรือขนส่งสามารถเดินทางต่อไปได้โดยง่าย ใช้งบประมาณ 7.27 หมื่นล้านหยวน (ราว 3.3 แสนล้านบาท) นับเป็นโครงการคลองขุดขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จีนยุคใหม่
คลองผิงลู่ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ที่จะช่วยทำให้จีนมีทางออกสู่ทะเลที่สั้นมากยิ่งขึ้น โดยการขุดคลองเชื่อมลำน้ำที่มีอยู่เดิมให้มีทางออกเชื่อมกับอ่าวเป่ยปู้ (อ่าวตังเกี๋ย) ซึ่งจะสามารถร่นระยะทางขนส่งสินค้าระหว่างจีนกับภูมิภาคอาเซียนลงได้อย่างมาก คาดการณ์ว่า คลองแห่งนี้จะช่วยร่นระยะทางเดินเรือในแม่น้ำได้มากกว่า 560 กิโลเมตร และทำให้เศรษฐกิจของกว่างซีจ้วง โดยเฉพาะภาคการส่งออกคล่องตัว และเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยสามารถรองรับเรือขนส่งที่มีระวางบรรทุกสูงสุดถึง 5,000 ตัน และยังสามารถบุกเบิกเป็นเส้นทางเดินเรือท่องเที่ยวได้อีกด้วย โครงการนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จ ภายในสิ้นปี 2026
อาจารย์ภากรระบุว่า บทบาทของกว่างซีชัดเจนยิ่งขึ้นในช่วงสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ซึ่งทำให้จีนหันมาลดการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานตะวันตก และเพิ่มการเชื่อมต่อกับอาเซียนแทน ทั้งเพื่อกระจายความเสี่ยง และเพื่อเปิดตลาดใหม่สำหรับเทคโนโลยี ‘Made in CHINA’ รุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล หรือ AI ที่จีนต้องการผลักดันออกสู่ภูมิภาค
หนานหนิงจึงไม่ใช่เพียงเมืองใหญ่ของกว่างซี แต่กำลังกลายเป็น ‘ประตูหลัก’ ของจีนในการเจาะเข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในทางกลับกัน ก็เป็นทางผ่านสำคัญที่ทำให้สินค้า บริการ และเทคโนโลยีของอาเซียน โดยเฉพาะไทย สามารถเข้าสู่ตลาดจีนได้ลึกกว่าเดิม
ทั้งหมดนี้เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์เพียงบางส่วนที่ช่วยยืนยันได้ว่า หนานหนิง-กว่างซีคือ ประตูแห่งโอกาส ที่จะมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมสัมพันธ์จีน-อาเซียนในมิติต่างๆ เพื่อสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันและยั่งยืน
อ้างอิง:
- https://www.nature.com/nature-index/supplements/nature-index-2024-science-cities/tables/overall
- https://www.chinaservicesinfo.com/s/202502/13/WS67b81761498eec7e1f72fea8/youyiguan-port-achieves-record-high-foreign-trade-volume.html
- ข้อมูลและเนื้อหาหลักในบทความ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการอบรม ‘มองจีนยุคใหม่ รุ่นที่ 7’ โดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
- ภาพปก: ZCOOL HelloRF / Shutterstock
- ภาพประกอบ: Narongkorn Manochanpen / THE STANDARD


