×

เกมเล็ก ความหมายยิ่งใหญ่! เมื่อ (กีฬา) ซีเกมส์กลายเป็นเครื่องมือทางการทูตของอาเซียน

โดย THE STANDARD TEAM
14.11.2025
  • LOADING...
เกมเล็ก ความหมายยิ่งใหญ่ เมื่อ (กีฬา) ซีเกมส์กลายเป็นเครื่องมือทางการทูตของอาเซียน

ในโลกที่การเมืองซับซ้อนขึ้นทุกวัน ‘กีฬา’ ไม่ได้เป็นเพียงเวทีหาผู้ชนะอีกต่อไป แต่กลายเป็นพื้นที่ที่แต่ละชาติใช้บอกเล่า ‘ตัวตน’ ผ่านภาพ การเฉลิมฉลอง และบรรยากาศที่เกิดขึ้นในสนามแข่งขัน โดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยวาจาทางการทูตแม้แต่คำเดียว

 

ไม่ว่าจะเป็นซีเกมส์หรือโอลิมปิก สนามแข่งขันคือเวทีที่ทุกประเทศต่างแข่งขันกันด้วยศักดิ์ศรี ความภูมิใจ และภาพลักษณ์ของชาติแบบพร้อมเพรียง

 

ขณะเดียวกันในยุคที่โซเชียลมีเดียขยายทุกโมเมนต์ให้กลายเป็นไวรัลในเสี้ยววินาที การเฉลิมฉลอง ช็อตปะทะคารม หรือการตัดสินที่ถูกตั้งคำถาม ล้วนสะท้อนอารมณ์ร่วมของผู้คน และหากเกมการแข่งขันพาดพิงถึงศักดิ์ศรีระหว่างประเทศเมื่อใด… ก็สามารถกลายเป็นเรื่องใหญ่ในโลกออนไลน์ได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง

 

โดยเฉพาะกรณี ไทย-กัมพูชา ในซีเกมส์ที่ผ่านมา คือภาพสะท้อนร่วมสมัยที่ชัดเจนที่สุด เมื่อผลการแข่งขัน และวิธีการเฉลิมฉลอง กลับไปจุดประกายบทสนทนาที่ลุกลามจากในสนามสู่โลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว

 

กีฬาอาเซียนแต่เดิมที่สร้างมาเพื่อกระชับความสัมพันธ์ กลายเป็นเวทีที่เผยรอยแผล ความหวงแหน และมิติทางการทูตที่ซับซ้อนในแบบที่ไม่มีใครตั้งใจ

 

คำถามคือ…กีฬาในวันนี้ยังเป็นแค่ “เกมของมิตรภาพ” อยู่หรือไม่?

 

หรือมันได้กลายเป็น ‘เครื่องมือทางการทูต’ ที่ทรงพลังยิ่งกว่าเสียงนกหวีดเริ่มเกมไปแล้ว

 

กีฬาคือเวทีการทูตที่โลกใช้มานาน

 

แนวคิด ‘Sports Diplomacy’ หรือการทูตกีฬา ไม่ใช่เรื่องใหม่เลยในเวทีโลก มันคือการใช้กีฬาเป็นเครื่องมือสร้างภาพลักษณ์ประเทศ เสริมความสัมพันธ์ หรือแม้แต่ช่วยคลี่คลายความตึงเครียดทางการเมือง โดยไม่ต้องออกแถลงการณ์แม้แต่คำเดียว

 

หนึ่งในกรณีคลาสสิกที่สุดคือ ปิงปองการทูต ปี 1971 เมื่อจีนเชิญทีมปิงปองสหรัฐฯ ไปแข่งในแดนมังกร การแข่งขันเล็กๆ ครั้งนั้นกลับเปิดประตูสู่ความสัมพันธ์ระหว่างสองมหาอำนาจที่ห่างเหินกันมานาน ก่อนจะนำไปสู่การเยือนปักกิ่งของประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ในปีถัดมา เหตุการณ์ที่เปลี่ยนภูมิรัฐศาสตร์โลกไปอย่างสิ้นเชิง

 

หรือในปี 1988 เมื่อเกาหลีใต้ใช้ ‘โอลิมปิกโซล’ เป็นเวทีประกาศตัวในฐานะประเทศประชาธิปไตยยุคใหม่ กีฬากลายเป็นสัญลักษณ์ของระเบียบ วินัย ความทันสมัย และคือภาพจำใหม่ที่โลกหันกลับมามองด้วยมุมมองที่เปลี่ยนไปโดยไม่ต้องใช้แคมเปญประชาสัมพันธ์ราคาแพงใดๆ

 

ข้ามมาสู่ยุคปัจจุบัน ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์เป็นเจ้าภาพ คือหนึ่งในตัวอย่างเด่นชัดที่สุดของการใช้กีฬาเพื่อขยาย Soft Power ของชาติขนาดเล็กใจกลางตะวันออกกลาง ผ่านการจัดงานระดับโลกที่ยิ่งใหญ่และเทคโนโลยีล้ำสมัย เป็นเครื่องมือสร้างภาพลักษณ์ประเทศแบบไร้คำพูด…แต่ทรงพลัง

 

ซีเกมส์ สนามแข่งเล็กที่สะท้อนภูมิรัฐศาสตร์ใหญ่

 

แม้ซีเกมส์จะเป็นการแข่งขันระดับภูมิภาค ไม่ได้มีขนาดใหญ่แบบโอลิมปิกหรือเอเชียนเกมส์ แต่สำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซีเกมส์กลับมีความหมายมากกว่านั้น เพราะมันเป็นพื้นที่ที่สะท้อนพลวัตความสัมพันธ์ของประเทศเพื่อนบ้านอย่างชัดเจนที่สุด

 

ตั้งแต่ปี 1959 ที่ ‘กีฬาแหลมทอง’ ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อเชื่อมสัมพันธ์หลังยุคสงครามเย็น เวทีนี้ตั้งใจจะเป็น ‘พื้นที่ของมิตรภาพ’ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ซีเกมส์กลับเผยให้เห็นอีกด้านหนึ่ง การแข่งขันด้านศักดิ์ศรีของชาติ และความคาดหวังของประชาชนที่ทวีความเข้มข้นขึ้นทุกยุคสมัย

 

ตัวอย่างจากหลายปีที่ผ่านมาชี้ให้เห็นชัดเจนว่า ซีเกมส์ไม่เคยหลุดพ้นจากมิติทางการเมืองและภูมิรัฐศาสตร์

 

  • ปี 2005 ที่ฟิลิปปินส์ ถูกวิจารณ์หนักเรื่องการตัดสินที่ดูเข้าทางเจ้าภาพ
  • ปี 2011 ที่อินโดนีเซีย นักกีฬาและแฟนบอลต่างชาติร้องเรียนเรื่องมาตรฐานการจัดการแข่งขัน
  • ปี 2019 ที่ฟิลิปปินส์อีกครั้ง แม้จะมีสนามใหม่ทันสมัย แต่ก็ยังถูกตั้งคำถามเรื่องการบริหารและความพร้อม

 

เหตุการณ์แบบนี้ทำให้เห็นว่า ซีเกมส์คือกระจกสะท้อนความสัมพันธ์ของอาเซียน ว่าประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ให้เกียรติ ยอมรับ และมองกันอย่างไร โดยเฉพาะเมื่อผลการแข่งขันไม่เป็นใจ

 

ไทย-กัมพูชา เกมในสนามที่ลุกลามไม่หยุด

 

ความสัมพันธ์ระหว่างทีมชาติไทยและกัมพูชาในเวทีซีเกมส์ช่วงปี 2023-2025 คือภาพสะท้อนร่วมสมัยของมิติที่ซับซ้อนกว่าเกมแข่งขัน เพราะนี่คือเรื่องราวของอัตลักษณ์ ศักดิ์ศรี และความรู้สึกของผู้คนสองชาติที่สื่อสารกันผ่านกีฬาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

จุดเริ่มต้นที่ชัดเจนที่สุดคือซีเกมส์ 2023 เมื่อเจ้าภาพกัมพูชาบรรจุ ‘กุน ขแมร์’ แทน ‘มวยไทย’ ทั้งที่ใช้กติกาแทบไม่ต่างกัน จนนำไปสู่การออกแถลงการณ์ไม่รับรองจาก IFMA และสั่งห้ามนักมวยไทยเข้าร่วม

 

เหตุการณ์นี้ทำให้ความขัดแย้งจากเวทีแข่งขันลุกลามไปสู่โซเชียลอย่างรวดเร็ว ด้วยการถกเถียงเรื่องต้นกำเนิดศิลปะการต่อสู้ และศักดิ์ศรีของชาติ ที่กลายเป็นกระแสข้ามพรมแดน

 

เวลาผ่านมาจนถึงซีเกมส์ 2025 ที่ประเทศไทยรับบทเจ้าภาพ ความละเอียดอ่อนนี้ยังคงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องชายแดนที่เกือบทำให้นักกีฬากัมพูชาเดินทางมาร่วมการแข่งขันไม่ทันกำหนด รวมถึงผลการจับสลากที่ทำให้ทีมฟุตบอลชายและหญิงของไทย-กัมพูชาต้องมาอยู่กลุ่มเดียวกันอีกครั้งอย่างบังเอิญ ยิ่งทำให้แมตช์ที่ควรเป็นเกมกีฬาปกติ กลายเป็นการแข่งขันที่มี ‘น้ำหนักทางอารมณ์’ มากกว่าไม่น้อยไปกว่าผลแข่งในสนาม

 

แต่ท่ามกลางความตึงเครียดเหล่านี้ กลับมีภาพเล็กๆ ที่สวยงามเสมอ ภาพนักกีฬาทั้งสองชาติที่ยิ้มให้กัน จับมือ แลกเสื้อ และถ่ายรูปหลังเกม ไม่ว่าคำพูดในโซเชียลจะรุนแรงเพียงใด ความสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่นในสนามกลับยังคงเรียบง่ายและจริงใจ

 

ภาพแบบนี้คือสัญญาณสำคัญของความเข้าใจระดับประชาชน ที่ยังหลงเหลืออยู่ในยุคที่ความขัดแย้งมักเกิดบนหน้าจอ มากกว่าในลานกีฬา

 

เพราะในท้ายที่สุดแล้ว…บางครั้งการจับมือหลังเกม อาจมีความหมายมากกว่าผลสกอร์ที่ปรากฏบนสกอร์บอร์ดเสียอีก

 

Soft Power ที่ทรงพลังผ่านกีฬา

 

คำว่า ‘Soft Power’ กลายเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญของยุคนี้ พลังที่ไม่ต้องใช้กำลัง แต่ส่งผลต่อความรู้สึกและการรับรู้ของผู้คนทั่วโลก

 

ญี่ปุ่นเคยใช้โอลิมปิกโตเกียวเป็นเวทีประกาศตัวตนของชาติแห่งวินัย เทคโนโลยี และความเข้มแข็งหลังเผชิญภัยพิบัติร้ายแรง ขณะที่กาตาร์ใช้ฟุตบอลโลก 2022 แสดงให้โลกเห็นว่า ประเทศเล็กในทะเลทรายก็สามารถจัดงานระดับโลกได้อย่างสง่างาม ผ่านภาพจำใหม่ของความทันสมัยและศักยภาพด้านโครงสร้างพื้นฐาน

 

ในภูมิภาคเดียวกัน กัมพูชาเองก็ใช้ซีเกมส์ในฐานะเจ้าภาพเพื่อยืนยันตัวตนใหม่ของชาติ หลังยุคประวัติศาสตร์อันบอบช้ำ พวกเขาสร้างสนามกีฬาแห่งชาติใหม่ เปิดพิธีเปิดสุดอลังการ และพยายามสื่อภาพของประเทศที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่อย่างมั่นใจ แม้จะมีเสียงวิจารณ์และคำถามตามมามากมายก็ตาม

 

ส่วนประเทศไทย ชาติที่เคยผูกภาพจำกับคำว่า ‘เจ้าเหรียญทอง’ มาหลายทศวรรษ อาจถึงเวลาที่ต้องขยายมุมมองใหม่ จากการเป็นผู้นำในสนามกีฬา ไปสู่การเป็นผู้นำด้านความร่วมมือ การสร้างมิตรภาพ การส่งออกวัฒนธรรม และการใช้กีฬาบอกเล่าอัตลักษณ์ที่ร่วมสมัยมากขึ้น

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising