‘เอกนิติ’ แจงปมไทยเปิดตลาดให้สหรัฐฯ 99% เป็นผลเจรจาจาก ‘ทีมไทยแลนด์ชุดเดิม’ ยืนยันจะมีเวลาให้ปรับตัว ชี้ 1% ที่สงวนไว้ครอบคลุมสินค้าหลายรายการ ลั่นพร้อมเดินหน้าเจรจาขอยกเว้นภาษี Annex III ต่อ
วันที่ 27 ตุลาคม ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากแถลงการณ์ร่วมระหว่างสหรัฐฯ และไทยเกี่ยวกับ ‘กรอบการเจรจาการค้าตอบโต้’ (Joint Statement on Framework for United States–Thailand Agreement on Reciprocal Trade) ที่สหรัฐฯ ระบุว่า ไทยจะเปิดตลาดให้สหรัฐฯ ในสัดส่วน 99% ของมูลค่าการค้าทั้งหมด ซึ่งรวมถึงสินค้าอุตสาหกรรมและอาหารนั้น “ไม่เหนือความคาดหมาย” และตัวเลขดังกล่าวเป็นข้อสรุปที่มาจากการเจรจาของทีมไทยแลนด์ ‘ชุดเดิม’
ดร.เอกนิติ ยังย้ำว่า ตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงกรอบกว้างๆ เท่านั้น และยังต้องลงรายละเอียดกันอีกเยอะ เนื่องจากยังมีเวลาอยู่ พร้อมทั้งย้ำว่า หลายรายการสินค้าที่เปิดตลาดให้สหรัฐฯ จะ “มีเวลาในการปรับตัว ยกตัวอย่างเช่น สินค้าเกษตรที่จะไม่เปิดเลยทันที และมีระบบโควตาด้วย”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า 1% ที่ไทยไม่ได้เปิดตลาดครอบคลุมสินค้าอะไรบ้าง ดร.เอกนิติกล่าวว่า กำลังพิจารณารายการสินค้าทั้งหมด และมีสินค้าหลายรายการที่สงวน (Reserve) ไว้
สำหรับความคืบหน้าเกี่ยวกับการขอเพิ่มรายการสินค้าเข้าไปในภาคผนวก (Annex III) เพื่อขอยกเว้นภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ที่อัตรา 19% นั้น ดร.เอกนิติกล่าวว่า “กำลังเจรจาต่อเนื่อง ผ่านชุดเจรจาเพิ่มเติม”
ด้านพิชัย ชุณหวชิร อดีตรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และหัวหน้าทีมไทยแลนด์ กล่าวผ่านแพลตฟอร์ม Facebook ว่า ชื่นชมรัฐบาลไทยที่สานต่อนโยบายตามแนวทางและหลักการเดิมของทีมเจรจาภายใต้รัฐบาลพรรคเพื่อไทย และสำหรับประเด็นที่ถูกกล่าวถึงว่า ไทยจะเปิดตลาดสินค้าให้สหรัฐฯ ถึง 99% นั้นต้องเข้าใจว่า ในรายละเอียดยังมีเงื่อนไขและข้อกำหนดที่ชัดเจน เช่น หลายรายการเปิดแบบ ‘ทยอย’ หรือมี ‘โควต้า’ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยได้ปรับตัวก่อน และหลายกลุ่มสินค้า เช่น ผลไม้เมืองหนาว หรือผลิตภัณฑ์จากนม ก็เป็นสินค้าที่เราเปิดให้ประเทศอื่นอยู่แล้ว ขณะที่สินค้าบางประเภท เช่น รถยนต์พวงมาลัยซ้าย หรือชิ้นส่วนอุตสาหกรรมบางชนิด แทบไม่มีตลาดในประเทศไทยอยู่ก่อน
