ปิดฉากลงอย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้ (31 สิงหาคม) สำหรับเวทีสัมมนาด้านสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศอย่าง Thailand Security Dialogue 2025 ที่จัดขึ้น ณ คริสตัล ฮอลล์ โรงแรม ดิ แอทธินี (The Athenee Hotel) โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 300 คนจากเกือบ 30 ประเทศ มาร่วมกันแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง ท่ามกลางพลวัตและความท้าทายต่างๆ ของประชาคมโลก
ในวันนี้ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ 2 เวทีสัมมนาหลัก และ 2 เวทีการประชุมคู่ขนาน โดยเวทีแรกของวันนี้มีผู้แทนจาก สำนักงานสหประชาชาติว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรม (UNODC) พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านอาเซียนและ ผศ.ดร.ภาณุภัทร จิตเที่ยง ผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (AICHR) และรองคณบดี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมพูดคุยกันในประเด็นเรื่องอาชญากรรมข้ามชาติและผลกระทบต่อความมั่นคงในภูมิภาค: จากการค้ายาเสพติดและอาวุธผิดกฎหมาย (Transnational Crime and its impact to Regional Security: From Illicit Drug and Arms Trafficking)
โดยอาเซียนกำลังเผชิญกับเครือข่ายที่ซับซ้อนของภัยคุกคามความมั่นคงข้ามชาติที่เชื่อมโยงถึงกัน ซึ่งขยายไปไกลกว่าความขัดแย้งระหว่างรัฐแบบดั้งเดิม ซึ่งสร้างความท้าทายอย่างมากต่อเสถียรภาพและการพัฒนาในภูมิภาค ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจึงจำเป็นต้องร่วมมือกันออกแบบแนวทางแก้ไข ‘ปัญหาข้ามพรมแดน’ ที่แข็งแกร่งและสร้างสรรค์ พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลและ AI ในการขัดขวางการปฏิบัติการทางอาญา ตลอดจนความสำคัญของการมีส่วนร่วมของสาธารณะเพื่อส่งเสริมการเฝ้าระวังและสร้างแนวร่วมในการต่อต้านการค้าที่ผิดกฎหมาย
ขณะที่ เวทีการประชุมคู่ขนานเวทีแรก พูดคุยกันในประเด็นเรื่องเทคโนโลยีที่ก่อกวนใหม่และความท้าทายด้านความมั่นคง: AI บล็อกเชน และไซเบอร์ (New Disruptive Technologies and Security Challenges: AI Blockchain and Cyber) โดยมี จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท Bitkub Capital Group พร้อมด้วยอดีตนายทหารระดับสูงของกองทัพอินเดียและรองประธานฝ่ายตลาด AI ระดับโลก ร่วมแชร์มุมมองและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
โดยเทคโนโลยีขั้นสูง และ AI กำลังเป็นแนวหน้าใหม่ในการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ การบรรจบกันอย่างรวดเร็วของ AI กับสงครามไซเบอร์กำลังสร้างภัยคุกคามความมั่นคงใหม่ๆ ท้าทายการป้องปรามแบบดั้งเดิม และสร้างความจำเป็นเร่งด่วนสำหรับรัฐในการลงทุนเชิงกลยุทธ์ทั้งในขีดความสามารถ AI เชิงป้องกันและโครงสร้างพื้นฐานการประมวลผลเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกทิ้งไว้ข้างหลัง พร้อมทั้งพูดคุยถึงความจำเป็นในการพัฒนากฎระเบียบทางจริยธรรมที่เข้มแข็ง รวมถึงกรอบการกำกับดูแลเชิงรุก และการป้องกันทางเทคโนโลยีที่จะช่วยเพิ่มประโยชน์ด้านความปลอดภัยของเทคโนโลยีบล็อกเชนให้สูงสุด เพื่อลดความเสี่ยงของการเป็นเครื่องมือสำหรับองค์กรอาชญากรรม โดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องส่งเสริมความรู้ด้านดิจิทัล และปกป้องผลประโยชน์ของชาติในยุคของการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ส่วนเวทีคู่ขนานอีกหนึ่งเวทีมี ดร. กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ พร้อมด้วย ประธานหอการค้าเวียดนาม-ไทย และผู้อำนวยการ Friedrich-Ebert- Stiftung จะพูดคุยกันในประเด็นความมั่นคงทางเศรษฐกิจในยุคโลกที่แตกเป็นเศษเสี้ยว (Economic Security in the Era of Fragmented World) โดยมี ดร. วิทย์ สิทธิเวคิน จากรายการ Morning Wealth ของ THE STANDARD Wealth เป็นผู้ดำเนินรายการ
ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ข้อพิพาททางการค้า และวิกฤตห่วงโซ่อุปทานในปัจจุบันก่อให้เกิดความเสี่ยงที่สำคัญต่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนแต่ละประเทศ การสร้างเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งที่สามารถทนทานต่อแรงกระแทกจากภายนอกและปกป้องผลประโยชน์ของชาติในภูมิทัศน์โลกที่ผันผวนจึงเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่สำคัญ อีกทั้งแนวโน้มในมิติของการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว (Green Transition) และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Transformation) จะมีส่วนช่วยสร้างโอกาสและความได้เปรียบทางเศรษฐกิจที่ยืดหยุ่นและยั่งยืนในอนาคต
ปิดท้ายเวทีสัมมนาของปีนี้ในหัวข้อผู้นำรุ่นต่อไป: การนำทางบนความไม่แน่นอนและการสร้างอนาคตที่ยืดหยุ่น (Next Generation Leaders: Navigating Uncertainty and Shaping a Resilient Future) โดยมี นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและบรรณาธิการบริหาร THE STANDARD ทำหน้าที่ดำเนินรายการ ร่วมพูดคุยกับ ดร.ฟูอาดี้ พิศสุวรรณ ประธานมูลนิธิสุรินทร์ พิศสุวรรณ และอาจารย์ประจำ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมด้วยนักวิชาการอาวุโสด้านอาเซียนและเอเชีย
โดยเน้นย้ำถึงการพัฒนาทักษะที่พร้อมสำหรับอนาคต เช่น การคิดเชิงวิพากษ์ ความฉลาดทางอารมณ์ และความรู้ด้านดิจิทัล ที่จำเป็นต่อการประสบความสำเร็จในเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วย AI อีกทั้งนวัตกรรมดิจิทัลและการเชื่อมต่อเป็นกลไกอันทรงพลังสำหรับการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก ในขณะเดียวกันก็เน้นย้ำถึงความสำคัญของการส่งเสริมความรู้ด้านดิจิทัลและการใช้เทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรม พร้อมขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่สร้างสรรค์และขยายผลลัพธ์ ผ่านความร่วมมือแบบเครือข่าย เพื่อประโยชน์ของสังคมส่วนรวม
ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้นำที่มีประสบการณ์จะต้องเปิดโอกาสและเปิดพื้นที่ให้เกิดการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน โดยเฉพาะในหมู่เยาวชนคนรุ่นใหม่ในการกำหนดทิศทางและแนวนโยบายที่สำคัญต่างๆ เพื่อร่วมกันกำหนดอนาคตของสังคมที่ยั่งยืน
ด้านพลเอก พงศ์เทพ แก้วไชโย ผู้บัญชาการสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ขึ้นกล่าวในช่วงท้ายของงาน โดยอ้างถึงคำกล่าวของ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อช่วงเช้าของงานเมื่อวานนี้ที่เน้นย้ำถึง ‘ความเร่งด่วน’ ของการประชุมนี้ ท่ามกลางความวุ่นวายระดับโลกและการแข่งขันของมหาอำนาจ โดยอาเซียนและไทยต้องส่งเสริมการสนทนา เป็น ‘สะพานเชื่อมช่องว่าง’ และส่งเสริมสันติภาพ ด้วยความสามัคคีและความเคารพซึ่งกันและกัน
แม้อาเซียนจะทำผลงานได้อย่างมากมายแล้ว แต่ก็จำเป็นต้อง ‘ยืดหยุ่น’ มากยิ่งขึ้น และรุกหนักเพื่อจัดการกับ ‘ภัยคุกคามร่วมกัน’ โดยเสนอแนะให้เสริมสร้างเวทีที่มีอยู่แล้ว เช่น ARF และ EAS ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในฐานะเป็น ‘เวทีกลาง’ สำหรับการสนทนา แทนที่จะสร้างเวทีใหม่ทั้งหมด รวมถึง เน้นย้ำประเด็นผู้นำเยาวชนที่สำคัญอย่างยิ่งในฐานะผู้ตรวจสอบความจริง นวัตกร และผู้สร้างเครือข่าย เพื่อนำมาซึ่งอนาคตที่ยืดหยุ่น
“ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้เป็นเข็มทิศมีค่า แต่เข็มทิศไม่พาเราไปไหนหากเราไม่ก้าวเดิน…มาร่วมมือกันทำงานและก้าวเดินไปด้วยกัน”
ขณะที่พล.อ. ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวปิดท้าย โดยแสดงความขอบคุณทุกภาคส่วนที่มีบทบาทในเวทีสัมนาความมั่นคงนานาชาติ Thailand Security Dialogue 2025 พร้อมชี้ถึงสิ่งสำคัญคือ Vision Quest หรือพลังของวิสัยทัศน์ในการทำภารกิจต่างๆ ให้สำเร็จผ่านความมุ่งมั่น
“ในทุกๆ ภารกิจที่ผมออกเดินทาง มันลงท้ายที่ผู้คนที่สนับสนุนผม และวิสัยทัศน์ในวันนี้ก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว”
ภาพ: THE STANDARD
