วันนี้ (2 กรกฎาคม) ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะทีมกฎหมายรัฐบาล กล่าวถึงการทำคำชี้แจงของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า เรื่องนี้ต้องช่วยกันดู ซึ่งศาลฯให้ระยะเวลา 15 วัน ทั้งนี้มีเอกสารครบถ้วนแล้ว เนื่องจากเตรียมเอาไว้แล้วเรียบร้อย เพียงแต่ครั้งนี้อาจจะนำมาเรียบเรียง และดูว่า มีอะไรเพิ่มเติมหรือไม่
ส่วนที่มีการตีความไม่ตรงกัน ในเรื่องของคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รวมถึงกรณีการเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณของแพทองธารได้หรือไม่ ชูศักดิ์ ระบุว่า ความเห็นของนักวิชาการหรืออดีตตุลาการบางคนมองว่า เป็นคุณสมบัติเดียวกัน กับคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรี จึงมองว่า จะต้องหยุดเหมือนกัน ส่วนตัวมองว่าหากไปตีความเช่นนั้น เหมือนวินิจฉัยว่านายกรัฐมนตรีมีความผิดไปแล้ว แต่ความจริงศาลฯยังมีไม่มีคำวินิจฉัย เพียงแต่รับคำร้องไว้และให้ชี้แจง
ชูศักดิ์กล่าวอีกว่า ศาลฯยังไม่ได้วินิจฉัยว่า นายกรัฐมนตรีขาดคุณสมบัติหรือไม่ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติดังกล่าวจึงใช้ด้วยกัน และต้องถือว่านายกรัฐมนตรีมีคุณสมบัติเต็มที่ ในแง่ของการทำหน้าที่การงาน ในแง่ของรัฐมนตรี ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับไปตีความว่า นายกรัฐมนตรีขาดคุณสมบัติและมีความผิดไปแล้ว ซึ่งไม่ใช่
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ในมาตรา 160 กฎหมายรัฐธรรมนูญตีความว่าเป็นรัฐมนตรี ซึ่งก็หมายถึงนายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นในส่วนของการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ต้องหยุดด้วยหรือไม่ ชูศักดิ์ถามกลับว่า ศาลฯ ได้สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ด้วยหรือไม่ นี่เป็นประเด็นหนึ่ง
พร้อมยกตัวอย่างว่า ที่ผ่านมาก็มีการสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในบางตำแหน่งเป็นการชั่วคราว เช่นกรณีคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่ศาลสั่งให้ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ซึ่งตนก็ทำหน้าที่รักษาการอยู่ และพ.ต.อ. ทวี ก็ยังทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอยู่ และครั้งนี้ศาลฯ ไม่ได้วินิจฉัยว่า ให้รวมตำแหน่งอื่นด้วย ซึ่งจะวินิจฉัยเช่นนั้นก็ไม่ได้ เพราะเกินคำขอของคำร้อง
ส่วนกรณีสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีนำถวายสัตย์นั้น ขณะนี้ได้มีการโปรดเกล้าฯ ลงมาแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนการเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งตนคิดว่า ไม่มีอะไรห้าม
ส่วนการจะส่งเรื่องไปสอบถามคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อนเข้าถวายสัตย์ ชูศักดิ์ระบุว่า จะตอบอย่างไร และจะทันหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาคนมองว่า ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ ทำให้เรื่องคดีแพ้มาโดยตลอด ตรงนี้ได้มีการปรึกษา หรือมีการหาทีมกฎหมายเพิ่มเติมหรือไม่ เช่น วิษณุ เครืองาม หรือ มีชัย ฤชุพันธ์ุ ทำให้ ชูศักดิ์กล่าวว่า ถ้าพูดแบบนั้นก็โอเค ก็คิดกันไป แต่ส่วนตัวคิดว่าเราก็ทำงานกันเต็มที่ สิ่งหนึ่งที่ต้องรับรู้กันทั่วไป และตนย้ำมาตลอดว่า กฎหมายที่มีอยู่ในขณะนี้ต้องไปทบทวนว่ามีความเป็นธรรมมากน้อยเพียงใด
“เรื่องนี้ชัดเจนที่สุด เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต เรื่องจริยธรรม ผมเคยบอกว่าไม่มีเกณฑ์มาตรฐานที่แน่นอน ว่าอะไรเป็นอะไร กลายเป็นดุลยพินิจของศาลฯรับไว้แล้วว่ากันไป เคยเสนอว่าต้องแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญตรงนี้ ดังนั้นถ้าฝ่ายกฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ ผมก็ไม่ปฏิเสธ แต่อยากให้ดูถึงรากเหง้าของปัญหา”ชูศักดิ์กล่าว
