ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ดัชนี SET ของตลาดหุ้นไทยร่วงลงมา 30% ถือเป็นตลาดหุ้นหลักที่มีผลงานย่ำแย่ที่สุดในโลก จากดัชนีที่เคยอยู่เกือบ 1,600 จุด ลดลงมาต่ำกว่า 1,100 จุด ต่ำสุดในรอบกว่า 5 ปี นับแต่วิกฤตโควิด
การดิ่งลงอย่างต่อเนื่องของหุ้นไทยส่งผลให้น้ำหนักของหุ้นไทยในดัชนี MSCI Emerging Market (EM) ลดลงมาต่ำกว่า 1% โดย MSCI EM เป็นดัชนีที่รวบรวมหุ้นขนาดใหญ่และขนาดกลางในตลาดเกิดใหม่ และเป็นเหมือนดัชนีอ้างอิง (benchmark) ให้กับกองทุนจำนวนมาก
ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า “น้ำหนักหุ้นไทยในตะกร้าดัชนี MSCI EM ลดลงต่ำกว่า 1% เป็นครั้งแรกใน ประวัติศาสตร์”
สาเหตุหลักเพราะหุ้นไทยร่วงลงต่อเนื่อง สวนทางกับตลาดหุ้นอื่นๆ ใน EM ที่อาจจะปรับขึ้นหรือทรงตัวเป็นส่วนใหญ่ ส่งผลให้เราเห็นการปรับน้ำหนัก (rebalance) โดยการลดน้ำหนักหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องในระยะหลัง
“ไม่ใช่แค่ปีนี้ แต่หลายปีที่ผ่านมา หุ้นไทย underperform มาตลอด โดยเฉพาะปีนี้ที่หุ้นไทยติดลบไป 20% ช่วงที่ผ่านมาเมื่อ MSCI ประกาศ rebalance แทบไม่มีหุ้นไทยเข้าใหม่เลย มีแต่จะโดนลดน้ำหนักหรือโดนเอาออก” ณัฐชาตกล่าว
ในช่วงพีคของหุ้นไทย น้ำหนักในดัชนี MSCI EM เคยสูงเกือบ 3% แต่ล่าสุด ณ วันที่ 26 มิถุนายน 2568 ลดลงมาอยู่ที่ 0.97% หากเทียบกับกลุ่มประเทศอาเซียนที่อยู่ใน MSCI EM ได้แก่ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
จากที่เคยอยู่อันดับ 1 ปัจจุบันหุ้นไทยลดลงมาอยู่อันดับ 3 โดยมาเลเซียมีน้ำหนักมากสุด 1.27% รองลงมาคืออินโดนีเซีย 1.17% ส่วนอันดับ 4 คือ ฟิลิปปินส์ 0.49% ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ไทยยังเป็นอันดับ 1 คือไตรมาส 2/66
ณัฐชาตกล่าวต่อว่า นอกจากดัชนีหุ้นไทยที่ร่วงลงต่อเนื่อง อีกปัญหาหนึ่งของหุ้นไทยคือ การหาหุ้น IPO ขนาดใหญ่เข้ามาในตลาด ซึ่งเป็นเหมือนทางลัดในการเพิ่มมูลค่าตลาด (Market Capitalization) ให้กับหุ้นไทย
“ที่ผ่านมา IPO ขนาดใหญ่หายไป หรือไม่ก็มีแต่บริษัทขนาดเล็ก และเมื่อประเทศอื่นๆ มี IPO ขนาดใหญ่เข้ามา ก็ยิ่งทำให้หุ้นไทยเล็กลงไปอีกโดยเปรียบเทียบ”
สิ่งที่ต้องเร่งทำ คือ หยุดการ underperform ของหุ้นไทยให้ได้ และหา IPO ขนาดใหญ่เข้ามาจดทะเบียน แต่ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะไม่ง่าย เพราะตอนนี้หุ้นไทยเหมือนเป็นตลาดที่อิ่มตัว สอดคล้องกับภาพเศรษฐกิจที่เติบโตช้า