วันนี้ (6 กุมภาพันธ์) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.ต.อ. รอย อิงคไพโรจน์ ที่ปรึกษาของรองนายกรัฐมนตรี, พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม, ฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ, พล.อ. สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม, พล.ต.อ. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ คณะทำงานสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก, คณะทำงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, เจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังนเรศวร, หน่วยเฉพาะกิจราชมนู และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
ร่วมประชุมติดตามมาตรการตัดไฟชายแดนเมียนมาและห้ามขนส่งน้ำมันข้ามแดน พร้อมกำชับการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดบริเวณพื้นที่ชายแดน และการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ ซึ่งมีรายงานว่ามีฐานที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา
จากนั้นคณะได้ลงพื้นที่จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 2 ซึ่งในส่วนนี้จะเห็นได้ว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารไทยวางกำลังตามแนวชายแดน ซึ่งภูมิธรรมระบุว่า ขณะนี้ไม่มีจุดเสี่ยงอันตราย แต่ไทยได้ตรึงกำลังทหารและตำรวจเอาไว้
อย่างไรก็ตาม ระหว่างภูมิธรรมตรวจพื้นที่ที่จุดดังกล่าวเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่กองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง (BGF) ปล่อยตัวเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวต่างชาติ 61 คน เพื่อให้ประเทศไทยรับเข้าสู่กลไกการส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism: NRM) ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
ทั้งคณะได้ลงพื้นที่จุดตัดไฟ บ้านวังผา อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามรอยต่อเมืองชเวโก๊กโก่ โดยเจ้าหน้าที่ กฟภ. ได้อธิบายมาตรการหลังการตัดไฟเพื่อป้องกันการลักลอบใช้ไฟฟ้าจากฝั่งเมียนมา ทาง กฟภ. ยืนยันว่าสามารถตรวจสอบสายส่งไฟฟ้าทางระบบคอมพิวเตอร์ได้ว่ามีการพาดสายผ่านแม่น้ำเมยหรือไม่ หากตรวจสอบพบจะตัดไฟทันที
ส่วนในกรณีของสัญญาณอินเทอร์เน็ตหากตรวจสอบพบสายสื่อสาร กฟภ. จะแจ้งไปยัง กสทช. ว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้ ทาง กฟภ. ได้ขอให้ฝ่ายความมั่นคงมาร่วมตรวจสอบด้วย ซึ่งภูมิธรรมมอบหมายให้ประสานกับ พล.อ. ณัฐพล เพื่อประสานกับแม่ทัพภาคที่ 3 ต่อไป
ในจุดสุดท้ายของภารกิจวันนี้ ภูมิธรรมลงพื้นที่ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร ระบุว่า “ผมขอขอบคุณและชื่นชมทุกท่านที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ กล้าหาญ และเด็ดเดี่ยว พวกท่านคือด่านหน้าในการเผชิญกับภัยคุกคามที่ซับซ้อน อันตราย เพื่อช่วยรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณชายแดนและเสริมสร้างเสถียรภาพ พี่น้องกำลังพลทุกท่าน สิ่งที่ท่านทำอยู่ในวันนี้มีความหมายต่อประเทศเป็นอย่างยิ่ง ผมขอให้พวกท่านยึดมั่นในวินัย ซื่อสัตย์สุจริต และสามัคคีในการปฏิบัติงาน เพื่อประโยชน์ของชาติ รัฐบาลและกระทรวงกลาโหมขอยืนยันว่าจะสนับสนุนพวกท่านอย่างเต็มที่ ทั้งด้านสวัสดิการ อุปกรณ์ที่ทันสมัย และการพัฒนาศักยภาพของกำลังพล เพื่อให้ทุกท่านสามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่เต็มประสิทธิภาพ”
