วันนี้ (15 มกราคม) ที่อาคารรัฐสภา ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินสายหาเสียงช่วยผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่ผ่านมา โดยเฉพาะกรณีที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินหน้าช่วยพรรคเพื่อไทยหาเสียงเช่นเดียวกัน
ธนาธรกล่าวว่า พรรคประชาชนทำเต็มที่ ตนเองก็เพิ่งกลับมาจากภาคใต้ทั้ง 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสงขลา, ภูเก็ต, พังงา และสุราษฎร์ธานี ซึ่งได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี
“สำหรับพรรคประชาชนแน่นอนว่าต้องการชนะ เพื่อแสดงฝีไม้ลายมือในการบริหารขับเคลื่อนและการจัดสรรงบประมาณ ให้พี่น้องประชาชนดูว่างบประมาณที่มีอยู่ในระดับจังหวัดที่ไม่ได้เยอะมากมาย แต่หากนำมาจัดสรรอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ทุจริตคอร์รัปชัน ผมเชื่อว่าจะทำให้จังหวัดต่างๆ มีบริการสาธารณะที่ดีขึ้น ทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือชัยชนะ” ธนาธรกล่าว
ธนาธรยังกล่าวด้วยว่า เรื่องสำคัญไม่แพ้กันก็คือการใช้การเลือกตั้งเป็นโอกาสเพื่อทำงานทางความคิดให้กับประชาชน และการใช้การเลือกตั้งเป็นโอกาสในการสร้างทีม ทำให้ประชาชนเข้าใจความคิดของเรามากขึ้น โดยการเลือกตั้งทุกครั้งถือเป็นโอกาสเรียนรู้ในการเติบโตและการสร้างเครือข่าย
ส่วนกรณีผู้ช่วยหาเสียงใช้เวทีเลือกตั้ง อบจ. พูดถึงนโยบายระดับประเทศ ธนาธรกล่าวว่า แล้วแต่สไตล์ของแต่ละพรรค มีความคิดว่ามีความเชื่อมโยงกันอยู่ระหว่างการเมืองระดับประเทศและระดับจังหวัด คงแยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิงไม่ได้ สำหรับพรรคประชาชนที่มองเรื่องการเชื่อมโยงระหว่างประเทศและจังหวัดมากที่สุดคือวาระของการกระจายอำนาจและการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งพรรคประชาชนสนับสนุนให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด
ธนาธรยังมองอีกว่า การเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดไม่จำเป็นต้องดูรายได้ของประชาชนของแต่ละจังหวัด ส่วนตัวมองว่าพูดลำบาก หากจะรอให้เกิดความพร้อม แต่หากลองดูภาพรวมจะเห็นว่าภาคประชาชนที่จังหวัดเชียงใหม่เองก็รณรงค์ในเรื่องนี้อยู่ นั่นคืออยู่ระหว่างการผลักดัน พ.ร.บ.เชียงใหม่มหานคร ที่มีมาตั้งแต่สมัย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ยังไม่สำเร็จ มีการทำรัฐประหารก่อน
ส่วนกรณีรัฐบาลเตรียมจะโอนเงินดิจิทัลวอลเล็ตให้กลุ่มผู้สูงอายุในวันจันทร์ที่ 27 มกราคมนี้ ซึ่งเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งนายก อบจ. ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ธนาธรกล่าวว่า ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินเองว่าจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้รัฐบาลหรือไม่ แน่นอนว่าพรรคประชาชนมีความกังวลเรื่องความเป็นธรรม แต่ขอเน้นย้ำดังๆ ไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าทำไมวันเลือกตั้งต้องเป็นวันเสาร์
“อย่าลืมว่าประเทศไทยคนไม่ได้ทำงานจันทร์ถึงศุกร์ มีบริษัท ห้างร้าน และสถานประกอบการจำนวนมากที่ทำงานจันทร์ถึงเสาร์ ผมนึกไม่ออกว่าจะมีใครที่ยอมทิ้งรายได้ โดยเฉพาะคนที่รับเป็นรายวัน จะทิ้งรายได้ของวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ มาใช้สิทธิเลือกตั้ง” ธนาธรกล่าว
ธนาธรยังกล่าวอีกด้วยว่า ในเรื่องนี้ได้ตั้งข้อสงสัยกับ กกต. หลายครั้งว่าหน้าที่ของ กกต. คือการส่งเสริมตามหลักประชาธิปไตยให้ได้มากที่สุด แต่ กกต. กลับจัดการเลือกตั้ง อบจ. ในวันเสาร์ คิดว่านี่คือสิ่งที่กังวลมากกว่า
ทั้งนี้ ธนาธรยังได้เชิญชวนประชาชนให้ออกมาใช้สิทธิตามระบอบประชาธิปไตย ซ้อมเชิญชวนผู้ประกอบการว่าถ้าหากเป็นไปได้ขอให้ช่วยส่งเสริม หากไม่หยุดวันเสาร์เช้า ก็ขอให้หยุดวันเสาร์ช่วงบ่ายแทน และส่งเสียงเรื่องนี้ไปยังสภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า และสมาคมการท่องเที่ยวต่างๆ ที่ยังเปิดทำงานในวันเสาร์ คิดว่าเรื่องนี้สำคัญ จึงขอให้รณรงค์ให้วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ เป็นวันหยุดให้ประชาชนได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งกัน
เมื่อสื่อมวลชนถามว่า บริษัทในเครือไทยซัมมิทประกาศให้หยุดหรือไม่ ธนาธรกล่าวว่า “ไม่รู้เลย ผมไม่ได้ยุ่งกับบริษัทมาหลายปีแล้ว”
