ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจที่ยังคงดำเนินต่อเนื่องมาถึงปี 2025 ภาคธุรกิจและการตลาดกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยเฉพาะการปรับตัวรับมือกับต้นทุนที่สูงขึ้น การแข่งขันที่รุนแรงจากสินค้าจีน และพฤติกรรมผู้บริโภคที่ซับซ้อนขึ้น ทำให้องค์กรและแบรนด์ต่างๆ ต้องหันมาให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยี GenAI และการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งมากขึ้น
แล้วอะไรคือกลยุทธ์และแนวทางที่จะช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้? THE STANDARD WEALTH พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญในวงการการตลาดและการสื่อสาร เพื่อไขคำตอบถึงเทรนด์การตลาดที่จะเกิดขึ้นในปี 2025 ทั้งในแง่ของการใช้ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า การปรับตัวเข้าสู่ยุค AI Marketing 2.0 และการสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
ภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์กรุ๊ป จำกัด หรือ MI GROUP ฉายภาพกับ THE STANDARD WEALTH ถึงเทรนด์การตลาดและสื่อสารการตลาดในปี 2025 ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่กลับมาสดใสมากนัก ทำให้องค์กร ผู้ประกอบการ แบรนด์ หรือพ่อค้าแม่ค้า พยายามหาทางลดต้นทุน โดยใช้เทคโนโลยี GenAI เข้ามาเป็นตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น
ที่สำคัญผู้ประกอบการจะให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์มากขึ้น เนื่องจากสภาพตลาดมีคู่แข่งสินค้าจากจีนทะลักเข้ามาอย่างหนัก แม้หลายปีที่ผ่านมาแบรนด์จะเน้นทำการตลาด ลด-แลก-แจก-แถม ก็ไม่สามารถแข่งกับสินค้าจีนได้ ดังนั้นจึงต้องแข่งกันที่การสร้างคุณภาพให้ตราสินค้าและเพิ่มความแตกต่าง เพื่อดึงกลุ่มเป้าหมาย
ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคในกลุ่มอายุ 40 ปีขึ้นไปจะระแวงและระวังในการมีส่วนร่วมในกิจกรรมการตลาดต่างๆ มากขึ้น จากผลพวงของอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่มีผู้เสียหายมากขึ้น รวมไปถึงการได้รับสินค้าที่ด้อยคุณภาพหรือเรียกง่ายๆ ว่าไม่ตรงปก แบรนด์จึงต้องจัดกิจกรรมสื่อสารการตลาด แสดงให้เห็นถึงความจริงใจ และใช้วิธีที่สร้างความสบายใจ ไว้ใจ และเชื่อใจ เพื่อให้ผู้บริโภคเปิดรับมากขึ้น
แบรนด์ต้องคิดเร็วและทำเร็วขึ้นกว่าเดิม
ภวัตกล่าวต่อไปว่า กระแสในสังคมออนไลน์มาเร็วไปเร็วขึ้น แบรนด์ต้องทำและคิดให้เร็วกว่ากระแสต่างๆ ในสังคมออนไลน์ และ Content Creator และ KOC ยังมีอิทธิพลขับเคลื่อนความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะการรีวิวสินค้าหรือการเล่าเรื่องที่เชื่อมโยงกับผู้บริโภคในชีวิตจริง ทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยหลักของแบรนด์ในการสร้างความน่าเชื่อถือ เพื่อให้ปิดการขายได้
อีกทั้งตลาดในประเทศเริ่มอิ่มตัว อาจด้วยจำนวนประชากรไม่ถึง 70 ล้านคน แต่ภาพลักษณ์ของสินค้าไทยมีชื่อเสียงในกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มมองหาโอกาสในต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งจะทำให้สินค้ามีโอกาสเข้าถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากขึ้นเช่นกัน
สุดท้ายแล้วต้องยอมรับว่าในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เทรนด์ที่ยังมีบทบาทและต้องให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องประกอบไปด้วย PDPA การเก็บข้อมูลและนโยบายความเป็นส่วนตัว ตามด้วย Sustainability ความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อโลก รวมถึงการสร้างประสบการณ์ผสมผสานที่ไร้รอยต่อระหว่าง Online, Offline และ On-ground เพื่อสื่อสารไปยังผู้บริโภค
เตรียมรับมือลูกค้าเอาแต่ใจและมองหาความต่างมากขึ้น
ด้าน ผศ. ดร.เอกก์ ภทรธนกุล ประธานหลักสูตรปริญญาโทด้านการจัดการแบรนด์และการตลาด และผู้ช่วยอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้มุมมองกับ THE STANDARD WEALTH ว่า เทรนด์การตลาดปี 2025 ประกอบไปด้วย 4 หัวใจสำคัญ เริ่มตั้งแต่
- เราจะพบเรื่องของ Pre-Season Marketing อย่างรุนแรง ซึ่งแปลว่านักการตลาดจะต้องยิงโฆษณาให้ตรงจุด
ย้อนไปในอดีตบริษัทเดียว เช่น Google ก็จะดูแค่แพลตฟอร์ม Google อย่างเดียว จะไม่ได้ไปเชื่อมโยงกับบริษัทอื่น แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในปัจจุบันคือลูกค้าอยู่ในหลายๆ แพลตฟอร์ม ทั้ง Google, Facebook, Instagram ดังนั้นการโฆษณาประชาสัมพันธ์การตลาดต้องแม่นยำและสื่อสารให้ถูกคน เรียกได้ว่า Pre-Season Marketing
เป็นกุญแจสำคัญที่นักการตลาดต้องโฟกัสในปีหน้า เพราะถ้ายิงกว้างมากไปจะต้องใช้งบประมาณสูง เพราะฉะนั้นข้อมูลจะมีส่วนช่วยได้อย่างมาก
- AI Marketing 2.0 โดยจากเดิม AI จะทำหน้าที่ช่วยนักการตลาดเขียนแคปชันและคอนเทนต์ต่างๆ เปรียบเสมือนเป็นเจ้าหน้าที่ทำการตลาด แต่ AI Marketing 2.0 จะเข้ามาช่วยคิดกลยุทธ์ สมัยก่อนถ้านักการตลาดเจอปัญหายิงโฆษณาแล้วไปไม่ถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายก็จะมานั่งปรับอัลกอริทึม แต่ AI Marketing 2.0 จะเข้ามาช่วยพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาด ปรับและเปลี่ยนทุกอย่างให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
- เรื่องของการทำ Regenerative Marketing เป็นแนวคิดการทำธุรกิจในต่างประเทศ ที่ผ่านมาหลายๆ ธุรกิจพยายามทำ Sustainable Marketing ให้มากกว่าแค่ความยั่งยืน สิ่งของที่ทิ้งไปต้องนำกลับมารีไซเคิลและสร้างมูลค่าได้มากกว่าเดิม ยกตัวอย่าง การพัฒนาสินค้า R&D ต่างๆ ต้องมองในเชิงของผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วจะสามารถนำกลับมาสร้างมูลค่าได้หรือไม่
- สุดท้ายนักการตลาดหนีไม่พ้นลูกค้า ในปีหน้าลูกค้าจะเอาแต่ใจตัวเองมากขึ้นและมีความต้องการที่แตกต่างกันมากขึ้น สอดรับกับข้อมูลจากอิปซอสส์ บริษัทวิจัยตลาดระดับโลก ที่ประกาศไว้เลยว่าเทรนด์สำคัญที่สุดในปีหน้าคือเทรนด์ Consumer 2.0
ถามว่าทำไมลูกค้าเอาแต่ใจมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาทุกๆ แบรนด์แข่งกันเอาใจลูกค้า ถ้าในฐานะลูกค้าเราก็ได้รับการเอาใจ ถ้าแบรนด์ไหนให้สิ่งที่ต้องการไม่ได้ก็เปลี่ยนใจไปหาแบรนด์อื่น และคนชอบความหลากหลายและเฉพาะตัวมากขึ้น ทำให้ร้านค้าสร้างฐานลูกค้าประจำยากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นข้อมูลจะช่วยทำให้รู้ว่าจะตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างไร และต้องมีสินค้าหลากหลายเข้ามาเป็นทางเลือกใหม่ๆ
แบรนด์ต้องเข้าใจ Customer Insight เชิงลึกให้ได้
นอกจากนี้ THE STANDARD WEALTH สรุป 10 เทรนด์การตลาดปี 2025 ที่น่าสนใจจาก อรรถวุฒิ เวศรานุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อะแด็ปเตอร์ ดิจิตอล กรุ๊ป ซึ่งฉายภาพในงาน The Secret Sauce Summit 2024 ที่ผ่านมาว่า หัวใจสำคัญในการสร้างแบรนด์ต้องเริ่มจากเข้าใจ Customer Insight เชิงลึกว่าอะไรเป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้า ใช้แบรนด์ หรือใช้ชีวิต แบบนั้นๆ จากนั้นต้องทำให้ทุกฝ่ายในองค์กรเข้าใจและนำข้อมูลไปปรับใช้ และนำ Customer Insight มาพัฒนาเป็นกลยุทธ์ เพื่อทำให้เกิดความได้เปรียบทางการแข่งขัน
ขณะเดียวกัน แบรนด์จะประสบความสำเร็จในการทำการตลาดยุคใหม่ต้องให้ความสำคัญกับโมเดล 5P (Success in Marketing New Principles 5P) ประกอบไปด้วย
- Prioritization โฟกัสใน High Impact Areas
- Privacy การเก็บข้อมูลลูกค้าต้องให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของลูกค้า
- Partners แบรนด์ยุคนี้เก่งคนเดียวไม่ได้ ต้องหาพาร์ตเนอร์เข้ามาช่วยกันสร้างการเติบโต
- Performance สร้าง Marketing Effectiveness ผสานเป้าหมายธุรกิจและ Data-Driven Decision ไว้ด้วยกัน
- Proactivity รักษาความเป็นผู้นำตลาด
“สุดท้ายแล้วเราอยู่ในยุคที่ทุกแบรนด์ทำทุกอย่างเหมือนกันหมด ไม่มีความต่าง ดังนั้นกลยุทธ์การใช้สื่อต้องเป็นคอนเทนต์ที่น่าสนใจ เพื่อให้ผู้บริโภคจำได้และสามารถเชื่อมโยงกับข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์ได้ด้วย” อรรถวุฒิย้ำ
ภาพ: Roman Samborskyi / Shutterstock