เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการวางแผนภาษีปี 2567 ใครที่ยังไม่มีตัวช่วยลดหย่อนภาษีเห็นทีจะต้องเร่งมือสักหน่อย เพราะอย่างที่รู้ ยิ่งวางแผนภาษีเร็วก็ช่วยให้เรามีเวลาตรวจสอบความถูกต้องได้มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นจะมีเวลาให้พิจารณาทางเลือกการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อช่วยลดหย่อนภาษีได้มากขึ้นด้วย
ขั้นตอนการวางแผนภาษีก็ไม่ยุ่งยาก เริ่มจาก ‘ประเมินเงินได้เพื่อคำนวณภาษี’ สูตรการหาเงินได้สุทธิก็ง่ายๆ [เงินได้สุทธิ = เงินได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน] ตัวอย่างเช่น คุณ A มีรายได้ต่อเดือน 55,000 บาท ได้รับโบนัสอีก 340,000 บาท (รายได้ + โบนัส) 1,000,000 – (ค่าใช้จ่ายตามมาตรา 40 (1)) 100,000 – (ค่าลดหย่อนส่วนตัว) 60,000 = (เงินได้สุทธิ) 840,000 บาท
หลังจากที่รู้ตัวเลขของเงินได้สุทธิ ค่อยเอาไปคำนวณหา ‘ภาษีที่ต้องจ่าย’ ด้วยสูตร [ภาษีที่ต้องจ่าย = เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี] โดยคำนวณหาจำนวนภาษีตามวิธีคิดอัตราภาษีเงินได้แบบขั้นบันได สามารถดูเทียบได้จากตารางด้านล่างนี้
ขั้นตอนต่อมาคือ ‘เช็กตัวช่วยลดหย่อนภาษี’ สิทธิพึงได้ที่ผู้เสียภาษีทุกคนพึงรู้ ซึ่งกรมสรรพากรอัปเดตตัวช่วยลดหย่อนภาษีปี 2567 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มค่าใช้จ่าย ได้แก่ ค่าลดหย่อนพื้นฐาน, ค่าลดหย่อน/ยกเว้น ด้านการออมและการลงทุน, มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากนโยบายภาครัฐ และค่าลดหย่อนเพื่อบริจาค สามารถดูเงื่อนไขและจำนวนเงินที่นำไปลดหย่อนได้ในแต่ละรายการจากตารางด้านล่างนี้
จะเห็นว่าในบรรดาตัวช่วยลดหย่อนภาษีข้างต้น มีเครื่องมือที่ช่วยให้เราเซฟภาษีได้แบบเหนือชั้น ผ่านการออมและการลงทุน ไม่ว่าจะเป็น RMF, SSF และ ThaiESG
- RMF หรือ Retirement Mutual Fund คือ กองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ โดยมีเงื่อนไขหลักคือ ต้องลงทุนอย่างน้อย 5 ปีต่อเนื่อง หรืออย่างน้อยที่สุดคือปีเว้นปี และต้องมีอายุครบ 55 ปีจึงจะสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ ทั้งนี้ นโยบายการลงทุนจะมีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ ทั้งในและต่างประเทศ ข้อดีคือ ไม่มีกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำต่อปี
สิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษี ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี (**เมื่อรวมกับสิทธิลดหย่อนภาษีเพื่อการเกษียณอื่นๆ รวมกันต้องไม่เกิน 500,000 บาท)
- SSF หรือ Super Savings Fund คือกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว ที่มาทดแทนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF (Long Term Equity Fund) เงื่อนไขคือ ต้องถือหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10 ปีนับจากวันที่ซื้อ แต่ไม่จำเป็นต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี เหมาะกับคนที่ต้องการออมระยะกลาง-ยาว ตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป หรือคนที่อายุต่ำกว่า 45 ปี
สิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษี ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี (**เมื่อรวมกับสิทธิลดหย่อนภาษีเพื่อการเกษียณอื่นๆ รวมกันต้องไม่เกิน 500,000 บาท)
- ThaiESG หรือ Thailand ESG Fund คือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน โดยมีนโยบายการลงทุนในหุ้นไทยและตราสารหนี้ไทย ที่ให้ความสำคัญในเรื่องความยั่งยืน เช่น หุ้นไทยยั่งยืน SET ESG Ratings หรือตราสารหนี้ด้านความยั่งยืน ESG Bond สำหรับระยะเวลาการลงทุนต้องถือหน่วยลงทุนเป็นเวลา 5 ปีเต็มนับจากวันที่ซื้อ โดยจะนับแบบวันชนวัน ไม่ใช่นับแบบปีปฏิทิน ซื้อปีไหน ลดหย่อนปีนั้น และไม่บังคับว่าต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี
สิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษี ข้อดีคือไม่ถูกนำไปนับรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ และสามารถลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษีและไม่เกิน 300,000 บาท (**เมื่อรวมกับสิทธิลดหย่อนภาษีเพื่อการเกษียณอื่นๆ รวมกันต้องไม่เกิน 500,000 บาท)
‘ประกันชีวิต’ เครื่องมือลดหย่อนภาษีที่ได้ทั้งความคุ้มค่าด้านภาษีและความคุ้มครองชีวิต
นอกจากการลงทุนข้างต้น ยังมีเครื่องมือการลงทุนที่สามารถใช้สิทธิในการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั่นก็คือ ‘ประกันชีวิต’ ปัจจุบันแบบผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่นำมาลดหย่อนภาษียังออกแบบให้ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย เช่น ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Whole Life) เป็นประกันที่คุ้มครองตลอดชีวิต โดยต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยตามระยะเวลาที่กำหนด มีข้อดีคือ ค่าเบี้ยประกันภัยถูก นำไปลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 100,000 บาท ตามจำนวนค่าเบี้ยประกันภัยที่จ่ายจริง
ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (Term Insurance) จะให้ความคุ้มครองตามระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น ไม่มีเงินคืนระหว่างทาง และไม่ได้รับจำนวนเงินเอาประกันภัยคืน ผู้รับประโยชน์จะได้ผลประโยชน์ก็ต่อเมื่อเสียชีวิตเท่านั้น สัญญาประกันภัยที่มีระยะเวลาของความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป เบี้ยประกันภัยคุ้มครองชีวิตสามารถนำมาใช้เป็นสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี (ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร)
ประกันชีวิตแบบบำนาญ (Annuity) เป็นประกันที่เน้นการออมเงินที่การันตีรายได้หลังเกษียณ ไม่มีการคืนเงินระหว่างทาง และต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยต่อเนื่องตามระยะเวลาที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ และสามารถนำเบี้ยประกันภัยมาใช้เป็นสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี (ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร)
ถ้าถามว่าประกันชีวิตแบบไหนเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดต้องยกให้ ‘ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์’ ที่ใครๆ ก็มองว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและให้ความคุ้มครองในระยะยาว เพราะเป็นประกันชีวิตที่มาในรูปแบบของการออมเงิน และมีความคุ้มครองชีวิตควบคู่ไปด้วยในเวลาเดียวกัน เมื่อส่งเบี้ยประกันภัยครบตามจำนวนที่เลือกไว้ จะได้รับจำนวนเงินเอาประกันภัยคืนพร้อมผลตอบแทนที่บริษัทประกันนั้นๆ จะมอบให้
ข้อดีคือ ในบางแบบประกันจะมีทั้งเงินคืนระหว่างสัญญาและรับเงินก้อนเมื่อครบสัญญา หรือบางแบบประกันจะเป็นแบบรับเงินก้อนเดียวเมื่อครบสัญญา พร้อมทั้งหากผู้เอาประกันเสียชีวิตก่อนครบกำหนดสัญญาก็สามารถส่งต่อมรดกให้แก่ทายาทได้
สัญญาประกันภัยที่มีระยะเวลาของความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป เบี้ยประกันภัยคุ้มครองชีวิตสามารถนำมาใช้เป็นสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี (ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร)
น่าสนใจตรงที่มีประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ให้เลือกหลากหลายตามวัตถุประสงค์ของการทำประกันชีวิตและความสามารถในการส่งค่าเบี้ยประกันภัย แต่สำหรับใครที่มองหากรมธรรม์ที่เหมาะจะเป็นเครื่องมือวางแผนภาษีต้อง ‘PRUEasy Saver 10/4’ พรูอีซี่ เซฟเวอร์ 10/4 ประกันสะสมทรัพย์จากพรูเด็นเชียล
จุดเด่นของ พรูอีซี่ เซฟเวอร์ 10/4 คือ
- จ่ายเบี้ยฯ สั้นๆ แค่ 4 ปี คุ้มครองชีวิตยาวถึง 10 ปี
- รับเงินคืนทุกปี ปีละ 4%* ตั้งแต่สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1-9 ปีกรมธรรม์ที่ 10 รับ 404%*
- การันตีผลประโยชน์รวมตลอดสัญญา 440%*
- ลดหย่อนภาษีได้นาน 4 ปี สูงสุดปีละ 100,000 บาท ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด
- ค่าเบี้ยฯ 20,000-1,000,000 บาท
หมายเหตุ: *ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ‘พรูอีซี่ เซฟเวอร์ 10/4’ นอกจากจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่มองหาตัวช่วยลดหย่อนภาษี ยังเหมาะกับคนที่สนใจออมเงินในรูปแบบประกัน เพราะได้รับความคุ้มครองชีวิตตลอดอายุสัญญา
ใครที่สนใจซื้อตอนนี้ยิ่งคุ้มกว่าเดิม เพราะเขามีโปรโมชันสุดพิเศษ เพียงกรอกโค้ด WOW11 ตั้งแต่วันที่ 16-30 พฤศจิกายน 2567
- รับส่วนลดค่าเบี้ยฯ ปีแรก 8% เมื่อจ่ายค่าเบี้ยฯ ตั้งแต่ 50,000-79,999 บาท
- รับส่วนลดค่าเบี้ยฯ ปีแรก 10% และรับ Shopee Gift Code มูลค่า 1,000 บาท เมื่อจ่ายค่าเบี้ยฯ ตั้งแต่ 80,000-99,999 บาท
- รับส่วนลดค่าเบี้ยฯ ปีแรก 10% และรับ Shopee Gift Code มูลค่า 2,000 บาท เมื่อจ่ายค่าเบี้ยฯ ตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไป
- ผ่อน 0% นาน 4 เดือน สำหรับผู้ถือบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารทหารไทยธนชาต, เซ็นทรัล เดอะวัน, ธนาคารกรุงศรี, กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์วีซ่า, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารยูโอบี
หมายเหตุ:
- ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไข ข้อยกเว้น ก่อนการตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง
- การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด
- เงื่อนไขการรับโปรโมชันหรือสิทธิพิเศษเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด และไม่ถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อกำหนดในกรมธรรม์
- สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี (ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร)
สนใจผลิตภัณฑ์ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://link.prudential.co.th/22rbv
อย่าลืมว่ายิ่งเริ่มวางแผนภาษีเร็ว ก็ยิ่งมีทางเลือกเซฟภาษีได้เยอะ เพราะทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรให้เวลาตัวเองในการศึกษา ทำความเข้าใจ และเปรียบเทียบตัวเลือกต่างๆ เพื่อค้นหาสิ่งที่เหมาะกับเราที่สุด
อ้างอิง: