×

จับตา 8 กลุ่มหุ้น รับอานิสงส์-ผลกระทบ หลังก้าวไกลชนะการเลือกตั้ง

15.05.2023
  • LOADING...

จากผลการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีที่ออกมาล่าสุดปรากฏว่า พรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่ได้รับคะแนนสูงสุดอันดับ 1 ประมาณ 14.2 ล้านเสียง โดยคาดว่าจะได้จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จำนวน 150 ที่นั่ง จากทั้งหมด 500 ที่นั่ง ถือว่าเป็นผลการเลือกตั้งที่พลิกจากความคาดหมายของหลายฝ่ายก่อนหน้านี้ 

 

ขณะที่พรรคอันดับ 2 ที่ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุดรองลงมาคือ พรรคเพื่อไทย ได้รับคะแนนเสียงประมาณ 10.8 ล้านเสียง คาดว่าจะได้ ส.ส. จำนวน 142 ที่นั่ง แม้การจัดตั้งจะยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่บ้างหลังจากนั้น แต่ในมุมมองของ Bloomberg ประเมินว่า กลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าจะได้ประโยชน์แบ่งออกเป็น 8 กลุ่ม คือ

 

1. ท่องเที่ยว

 

จากที่พรรคส่วนใหญ่มองว่าท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ช่วยเพิ่มการจ้างงานและรายได้ให้ประเทศได้อย่างรวดเร็ว ทำให้อุตสาหกรรมนี้ถูกคาดหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนเป็นพิเศษจากรัฐบาลใหม่ อย่างเช่น กรณีของพรรคเพื่อไทยได้ประกาศว่าจะเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็น 3 ล้านล้านบาทภายในปี 2570 จากการยกระดับประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางการคมนาคม และมีนโยบายที่จะขยายปริมาณการรองรับผู้โดยสารของสนามบินเป็น 120 ล้านคนภายใน 4 ปี

 

2. สินค้าจำเป็น 

 

ผู้ผลิตสินค้าจำพวกอาหารแช่แข็ง อาหารพร้อมรับประทาน และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น่าจะได้แรงหนุนจากกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นหลังการเลือกตั้ง โดยบริษัทที่อาจได้รับประโยชน์ เช่น บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF), บมจ.โอสถสภา (OSP), บมจ.เบทาโกร (BTG), บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG), บมจ.คาราบาวกรุ๊ป (CBG), บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) และ บมจ.ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ (TFMAMA)

 

3. ค้าปลีก

 

จากเงินช่วยเหลือประชาชนที่มากขึ้น ต้นทุนค่าไฟฟ้าและต้นทุนพลังงานที่ต่ำลง จะช่วยให้ประชาชนเหลือเงินสำหรับการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของแชมพูไปจนถึงอาหารและสมาร์ทโฟน ทำให้บริษัทอย่าง บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC), บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC), บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO), บมจ.คอมเซเว่น (COM7) และ บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) น่าจะได้รับประโยชน์ 

 

4. ซีเมนต์และอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน

 

จากนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่บอกว่า จะเพิ่มรายได้เกษตรกร 3 เท่าตัวภายใน 4 ปี คาดว่าจะช่วยให้เกษตรกรกว่า 8 ล้านครัวเรือนใช้จ่ายมากขึ้นกับการก่อสร้างบ้านใหม่ ส่งผลบวกต่อบริษัทอย่าง บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC), บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO), บมจ.ดูโฮม (DOHOME), บมจ.อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (ILM) และ บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) 

 

5. กัญชา 

 

แม้จะมีความไม่แน่นอนสำหรับอนาคตของอุตสาหกรรมกัญชา หลังจากที่ไทยเป็นประเทศแรกของเอเชียที่ประกาศกัญชาเสรี ทั้งพรรคก้าวไกลและเพื่อไทยต่างประกาศนโยบายต่อต้านกัญชาเสรี และต้องการที่จะจำกัดการใช้กัญชา ทำให้บางบริษัทอาจได้รับผลกระทบ เช่น บมจ.อิชิตัน กรุ๊ป (ICHI), บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF), บมจ.โออิชิ กรุ๊ป (OISHI) และ บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) 

 

6. ผู้ผลิตไฟฟ้า

 

พรรคการเมืองส่วนใหญ่มีนโยบายที่จะปรับลดค่าไฟฟ้าในระหว่างการหาเสียง หลังจากที่ประชาชนบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าค่าไฟฟ้าแพงขึ้นมาก โดยพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยต่างมีนโยบายในด้านนี้ ซึ่งอาจกระทบต่อหุ้นอย่าง บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF), บมจ.ราช กรุ๊ป (RATCH), บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) และ บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) 

 

7. ค้าปลีกน้ำมัน

 

ที่ผ่านมารัฐบาลไทยต่างให้การช่วยเหลือการค้าปลีกน้ำมันดีเซลและก๊าซหุงต้มมาโดยตลอด เพื่อลดภาระเงินเฟ้อ ขณะที่รัฐบาลใหม่มีแนวโน้มที่จะลดเงินช่วยเหลือลง และต้องการช่วยเหลือกลุ่มรายได้น้อยแทน ซึ่งอาจกระทบต่อหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นและค้าปลีก เช่น บมจ.ปตท. (PTT), บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP), บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR), บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) และ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) 

 

8. กลุ่มที่อิงกับการเมือง

 

นอกจากนี้บริษัทที่อิงกับพรรคการเมืองบางแห่ง อย่างเช่น กรณีของพรรคเพื่อไทยที่แม้มีโอกาสจะได้เป็นรัฐบาล แต่ไม่ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ เช่น บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) และ บมจ.โรงพยาบาลพระราม 9 (PR9) ซึ่งเชื่อมโยงกับตระกูลชินวัตร หรืออย่าง บมจ.แสนสิริ (SIRI) ที่เชื่อมโยงกับ เศรษฐา ทวีสิน หนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising