×

7 THINGS WE LOVE ABOUT SPRING/SUMMER 2025 BEST SHOWS โชว์ยอดเยี่ยมจาก 4 หัวเมืองใหญ่

06.10.2024
  • LOADING...

จบลงอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับแฟชั่นวีคซีซัน Spring/Summer 2025 ซึ่งเหมือนเดิมที่จัดขึ้นตามหัวเมืองยักษ์ใหญ่ นิวยอร์ก, ลอนดอน, มิลาน และปารีส โดยครั้งนี้ถือเป็นฤดูกาลที่สร้างสีสันได้เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นจำนวนเซเลบริตี้ระดับโลกที่ตบเท้านั่งฟรอนต์โรว์ รวมไปถึงคอลเล็กชันเสื้อผ้าของดีไซเนอร์หลายแบรนด์ที่หันมาเน้นประชันความคิดสร้างสรรค์กันมากขึ้น

 

ไฮไลต์ของแต่ละเมืองล้วนเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ภาพรวมของแฟชั่นวีคซีซันนี้น่าสนใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการย้ายประเทศโชว์ของทั้ง ALAÏA และ Off-White ที่นิวยอร์ก, การกลับมาของซูเปอร์โมเดล Bella Hadid ที่โชว์ของ Saint Laurent และแฟชั่นโชว์ครั้งแรกที่จัดขึ้นใน Disneyland โดยแบรนด์ Coperni ที่ได้ Kylie Jenner ในชุดเจ้าหญิงเดินปิดโชว์ รวมถึงโชว์ครั้งแรกของ Alessandro Michele ครีเอทีฟไดเรกเตอร์คนใหม่แห่งแบรนด์ Valentino ที่เขาได้นำความฟุ้งฝันแฟนตาซีอันโด่งดังยุค Gucci กลับมาที่บ้านใหม่ในปารีสอีกครั้ง

 

เพื่อเป็นการปิดจบแฟชั่นวีค THE STANDARD POP ขอรวบ 7 โชว์ที่ดีที่สุดจากเมืองแฟชั่นทั้ง 4 เมือง นิวยอร์ก, ลอนดอน, มิลาน และปารีส มาให้อ่านกัน 

 


 

HERMÈS IN PARIS

 

แม้ยอดขายของสินค้าลักชัวรีจะหดตัวลง แต่ยอดขายของ HERMÈS กลับสวนทางกัน ส่วนหนึ่งมาจากงานดีไซน์ที่เหนือกาลเวลาและคุณภาพของสินค้า ที่สุดท้ายแล้วสามารถเอาชนะทุกอย่างได้ ซึ่ง Nadège Vanhee-Cybulski ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของ HERMÈS สามารถตอบโจทย์ของลูกค้าได้เกือบทุกข้อ และเพื่อเป็นการต่อยอดโมเมนตัมคอลเล็กชันนี้ของ HERMÈS ถือเป็นการทดลองงานดีไซน์ใหม่ๆ ให้ลูกค้าได้ตื่นเต้น

 

สิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวเราคือ ‘ความเซ็กซี่’ งานดีไซน์รอบนี้ของ Vanhee-Cybulski แม้จะเป็นการนำเอายูนิฟอร์มหรือเสื้อผ้าทหารมาใช้เป็นแรงบันดาลใจ แต่กลับเซ็กซี่ผ่านการเล่นแมตทีเรียลอย่างผ้าเชียร์และเสื้อครอปเพื่อโชว์ผิวหนังมากขึ้น รวมถึงกางเกงเอวสูงเข้ารูปที่ดูตั้งใจเพื่อเรียกฐานลูกค้าที่เด็กลง เสื้อผ้าของ HERMÈS ทั้งหมดดูใส่ได้จริงบนแมตทีเรียลหรูหราคลาสสิกในราคาที่จับต้อง (ไม่) ได้ ถ้าเรามีเงินมากพอ เรายังต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีก

 

 


 

BOTTEGA VENETA IN MILAN

 

หนึ่งในโชว์โดดเด่นที่สุดในมิลานคืองานดีไซน์จาก Bottega Veneta โดย Matthieu Blazy การตีความและต่อยอดซิกเนเจอร์ Intrecciato ลายหนังสานอันโด่งดังของแบรนด์ผ่านเสื้อผ้าสุด Effortless ที่ผสานงานคราฟต์ลงบนเสื้อผ้าและแอ็กเซสซอรีได้อย่างแยบยล สิ่งที่ต่างจากเดิมในซีซันนี้คือ Blazy กล้าที่จะสนุกมากขึ้น แรงบันดาลใจจากวัยเด็กอันไร้กรอบของเขาส่งผลให้งานดีไซน์ครั้งนี้ดูทดลองมากขึ้น เรามีโอกาสได้เห็นเสื้อผ้าชิ้นครีเอทีฟสุดโต่งที่ได้รับการดีไซน์เพื่อโชว์นี้โดยเฉพาะ

 

รวมถึงองค์ประกอบอื่นๆ อย่างการใช้สีสันฉูดฉาด แมตทีเรียล และซิลูเอต ซึ่งทั้งหมดสร้างมวลรวมให้คอลเล็กชันดูน่าสนใจและมีมิติมากขึ้นจากก่อนๆ รวมถึงการแทรกกิมมิกงานอาร์ตเหมือนทุกครั้ง โดยครั้งนี้ Bottega Veneta ได้เซ็ตเก้าอี้นั่งของแขกด้วย Beanbag รูปสัตว์ต่างๆ ไม่แปลกเลยที่โชว์นี้จะเป็นโชว์อันน่าจดจำในทุกองค์ประกอบจากมิลานครั้งนี้

 

 


 

S.S.DALEY IN LONDON

 

ดีไซเนอร์ชาวอังกฤษที่น่าจับตามองมากที่สุดตอนนี้ต้องยกให้ Steven Stokey-Daley จากแบรนด์ S.S.DALEY ชื่อของเขาเริ่มเป็นที่รู้จักหลังจาก Harry Styles นำชุดของเขาไปสวมใส่ในมิวสิกวิดีโอ Golden และเขายังมานั่งให้กำลังใจที่คอลเล็กชัน Spring/Summer 2025 นี้ด้วยในฐานะหนึ่งในผู้ถือหุ้นของแบรนด์

 

ความน่าสนใจครั้งนี้ของ S.S.DALEY คือคอลเล็กชันนี้เป็น Womenswear เต็มรูปแบบครั้งแรกของเขา Stokey-Daley ขึ้นชื่อเรื่องเสื้อผ้า Menswear ที่นำเอากลิ่นอายของอังกฤษมาผสมผสานเข้ากับงานเทเลอร์ของเขา เสน่ห์ที่หลายคนหลงใหลในแบรนด์ของเขารวมถึง Styles ที่มักเลือกชุดจากแบรนด์ไปสวมใส่อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งสิ่งที่เรากล่าวมาได้ปรากฏบนเสื้อผ้าผู้หญิงด้วยเช่นกัน การเล่นกับเนื้อผ้าที่หลากหลายรวมถึงงานตัดเย็บที่ดูไม่น่าเบื่อ ส่งให้คอลเล็กชันนี้ของเขาน่าสนใจ เราเชื่อว่าหนึ่งในลูกค้าคนสำคัญของเขาอย่าง Emma Corrin ที่มานั่งฟรอนต์โรว์ จะต้องนำชุดของเขาไปใส่สร้างไวรัลในเร็ววันอย่างแน่นอน

 

 


 

LOEWE IN PARIS

 

จุดเด่นที่ทำให้โชว์ของ LOEWE นั้นพิเศษในทุกๆ ซีซันคือความคิดสร้างสรรค์ของ Jonathan Anderson ครีเอทีฟไดเรกเตอร์คนปัจจุบัน ซึ่งกว่า 10 ปีที่ดำรงตำแหน่งนี้ เขายังไม่หยุดสร้างเซอร์ไพรส์เลยแม้แต่ครั้งเดียว และคอลเล็กชันนี้เขาได้พิสูจน์อีกครั้งว่าเขาคือพ่อมดแห่งวงการแฟชั่นตัวจริงเสียงจริง อย่างแรกเลยงานของ Anderson ไม่เคยง่าย ซึ่งเป็นจุดแข็งของเขา เสื้อผ้ารูปทรงประหลาดของเขาเปรียบได้กับงานศิลปะที่สวมใส่ได้จริง ลูกบ้าที่เขาใส่เต็มในงานดีไซน์ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถจัดการได้ แต่ Anderson ทำได้อย่างยอดเยี่ยม

 

เขาสามารถผสมผสานระหว่าง ‘งานขาย’ และ ‘งานโชว์’ ได้กำลังพอดิบพอดี แม้เดรสลายดอกทรงบอลลูนอาจจะยากไปสักนิดในชีวิตจริง แต่รองเท้าโลฟเฟอร์, ผ้าใบหุ้มข้อ, กระเป๋าทรงใหม่ และแว่นตากันแดดรูปทรงประหลาด น่าจะเป็นไอเท็มขายดีจนถูกพบเห็นบ่อยในซีซันหน้าเป็นแน่ การจะบาลานซ์สองโลกสุดขั้วได้ขนาดนี้นั้นทำไม่ง่ายเลย ซึ่ง Anderson สามารถมาสเตอร์ได้ทั้งหมด

 

 


 

ALAÏA IN NEW YORK

 

โชว์ที่สร้างเสียงตอบรับได้ดีในนิวยอร์กแฟชั่นวีครอบนี้ต้องยกให้โชว์ของ ALAÏA โดย Pieter Mulier ที่ครั้งนี้ย้ายจากปารีสมาโชว์ที่นิวยอร์กแทน โดยจากความหลงใหลในสถาปัตยกรรม Mulier จึงเลือกจัดโชว์ Spring/Summer 2025 ที่พิพิธภัณฑ์ Guggenheim ฝีมือการออกแบบของสถาปนิก Frank Lloyd Wright ซึ่งเขายังเลือกโครงสร้างของตึกมาใช้เป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการสร้างสรรค์ ผ่านการตัดเย็บและซิลูเอตที่รับกับรูปร่างของนางแบบแต่ละคน

 

Mulier ยังเลือกหยิบกลิ่นอายความเป็นสปอร์ตซึ่งสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนอเมริกันที่เน้นความคล่องตัวมาใช้บนคอลเล็กชันนี้เช่นกัน เราจึงมีโอกาสได้เห็นการผสมผสานระหว่างผ้ายืดที่นำมาใช้บนเกาะอก หรือผ้าร่มที่นำมาจับจีบประกอบให้เป็นชุดจัมป์สูท นอกจากจะได้ซูเปอร์โมเดล Kendall Jenner มาร่วมเดินโชว์แล้วนั้น ยังได้เหล่าทัพซูเปอร์โมเดลยุค 80 มานั่งชมโชว์ รวมถึง Rihanna ที่มาสายตามเคย

 

 


 

CHLOÉ IN PARIS

 

หลังจากชุบชีวิตสาว Chloé ให้ลืมตาอ้าปากในคอลเล็กชันแรกได้สำเร็จ ชื่อของ Chemena Kamali ก็ได้รับการกล่าวถึงในทันที เพียงแค่ซีซันเดียว Kamali สามารถเข้าชิงรางวัล Designer of the Year จากเวที British Fashion Awards ซึ่งก็ถือว่าไม่ธรรมดาเลย สื่อแฟชั่นมักกล่าวว่าการจะตัดสินว่าดีไซเนอร์จะรอดหรือไม่รอดนั้นให้ดูที่คอลเล็กชันที่ 2 ซึ่ง Kamali พิสูจน์ว่าเธอนี่แหละคือตัวจริงที่สามารถพา Chloé กลับมาได้อีกครั้ง

 

หากคอลเล็กชันแรกเราเห็นเธอดึงจิตวิญญาณดั้งเดิมของ Chloé ในเวอร์ชันสาวฮิปปี้ยุค 70 รอบนี้ Kamali ปรับโหมดให้ผู้หญิง Chloé ดูเข้าถึงง่ายขึ้นไปอีก เธอเลือกที่จะนำงานดีไซน์จากยุคทองของ Stella McCartney อย่างการใช้ลายพิมพ์มาปัดฝุ่นใหม่ และงานของ Phoebe Philo โดยการนำไอเท็มยอดฮิตอย่างกางเกงขาบานกลับมาอีกครั้ง คอลเล็กชันนี้กลมกล่อมและลงตัวทั้งในแง่ของความคิดสร้างสรรค์, ภาพลักษณ์ของผู้หญิง Chloé ในบริบทอื่นๆ ที่นอกเหนือจากฮิปปี้ และงานขายที่น่าจะขายดีอย่างแน่นอน

 

 


 

SAINT LAURENT IN PARIS

 

อีกหนึ่งดีไซเนอร์ที่ผลงานดีขึ้นเรื่อยๆ ก็ต้องยกให้ Anthony Vaccarello ครีเอทีฟไดเรกเตอร์จากแบรนด์ Saint Laurent ซึ่งในซีซันนี้เขาได้เลือก Yves Saint Laurent ผู้ก่อตั้งแบรนด์ มาเป็นแรงบันดาลใจหลักผ่านงานดีไซน์ของชุดสูทสไตล์ Power Dressing แบบยุค 80 กับซิลูเอตโอเวอร์ไซส์ที่เน้นคัตติ้งและบ่าเสริมไหล่ที่ใหญ่กว่าปกติ ถือเป็นการสดุดีทั้งดีไซเนอร์และซิกเนเจอร์โค้ดของแบรนด์

 

อีกหนึ่งคนที่เป็นแรงบันดาลใจในคอลเล็กชันนี้คือ Loulou de la Falaise เพื่อนสนิทและมิวส์ของ Saint Laurent กับสไตล์โบฮีเมียน อีกหนึ่งโค้ดสำคัญของ Saint Laurent ก่อนจะปิดท้ายด้วยพาเหรดเดรสสั้นหลากสีและแจ็กเก็ตงานปัก คอลเล็กชันนี้ของ Vaccarello เหมือนเป็นการย้อนกลับสู่รากเหง้าอันแข็งแรงของแบรนด์ โดยนำมาปรับใหม่ให้ร่วมสมัยผ่านการเลือกใช้แมตทีเรียลและรูปทรงที่ต่างไปจากเดิม ในแง่ของการนำ DNA แบรนด์มาใช้นั้น Vaccarello สอบผ่านฉลุย เพราะนอกจากจะเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วนั้น เขายังสามารถต่อยอดได้อย่างยอดเยี่ยม และบวกเพิ่มอีกหนึ่งคะแนนที่สามารถพาซูเปอร์โมเดล Bella Hadid กลับมาเดินแบบได้อีกครั้งหลังจากหายไป 2 ปี

 

 

ภาพ: Getty Images, Courtesy of Brands

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

X
Close Advertising