เป็นเรื่องแปลกของอุตสาหกรรมแฟชั่น วงการที่นำเสนอเรื่องความสวยความงามของเสื้อผ้า กระเป๋าและรองเท้า โดยมีฐานลูกค้าเป็นผู้หญิงกว่า 80% ของทั้งหมด กลับกลายเป็นว่ามีดีไซเนอร์ผู้ออกแบบที่เป็นเพศหญิงเทียบเป็นสัดส่วนแล้วนั้นถือว่าน้อยมาก แม้ว่าจุดเริ่มต้นของบางแบรนด์มาจากผู้ก่อตั้งที่เป็นผู้หญิงแต่สิ่งนั้นกลับไม่ใช่วิถีตกทอดที่แบรนด์เลือกสานต่อ สิ่งสำคัญคือความคิดสร้างสรรค์ที่สามารถขับเคลื่อนแบรนด์ไปข้างหน้ามากกว่า
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเกินกว่าครึ่งดีไซเนอร์แบรนด์แฟชั่นชั้นนำจะเป็นผู้ชาย ก็มีดีไซเนอร์ผู้หญิงทรงอิทธิพลแทรกตัวอยู่ พวกเธอมีแนวคิดเป็นของตัวเอง สร้างปรากฏการณ์และเปลี่ยนแปลงนิยามความงาม ความหรูหราผ่านมุมมองของผู้หญิง พวกเธอเหล่านี้ล้วนเป็นข้อพิสูจน์ยืนยันว่าความคิดสร้างสรรค์ไม่มีเพศจำกัด วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ 7 ดีไซเนอร์หญิงผู้ทรงอิทธิพลของยุคนี้กันว่ามีใครบ้าง
Veronique Nichanian
สำหรับ Veronique Nichanian เป็นตัวอย่างของดีไซเนอร์หญิงที่น่าสนใจอย่างมาก เพราะเธอเป็นดีไซเนอร์ผู้หญิงที่ออกแบบเสื้อผ้าผู้ชาย เธอดำรงตำแหน่งอาร์ติสติกไดเรกเตอร์ให้กับ Hermès ฝั่ง Menswear มายาวนานกว่า 35 ปี โดยในยุคที่เสื้อผ้าผู้ชายถูกตีกรอบให้ดูฟอร์มอล Veronique ทลายกรอบด้วยการนำเสนอเสื้อผ้าสไตล์ Relaxed Elegance ผ่านการผสมผสานเนื้อผ้าแนวสปอร์ตแวร์เข้ากับงานเทเลอริ่งได้อย่างลงตัว เสื้อผ้าของเธอมีความแคชชวลแต่ดูเรียบหรูที่ใส่ได้ในชีวิตจริงแต่ยังคงดูแพงและไร้กาลเวลา แม้จะเป็นผู้หญิง แต่ Veronique กลับเข้าใจความต้องการของผู้ชายอย่างลึกซึ้ง เสื้อผ้าของเธอเน้นความเรียบง่ายที่แฝงด้วยดีเทลและการเลือกใช้วัสดุชั้นดี เธอเข้าใจว่าฐานลูกค้าคนซื้อ Hermès ไม่ได้มองหาเสื้อผ้าตามเทรนด์พวกเขาต้องการสิ่งที่เหนือไปกว่านั้น ซึ่งระยะเวลา 35 ปีพิสูจน์ว่าเธอนั้นเข้าใจอย่างถ่องแท้
Phoebe Philo
Phoebe Philo สร้างชื่อของตัวเองจาก Chloe แบรนด์หรูจากฝรั่งเศสที่เธอยกระดับความเฟมินีนให้ดูเท่ขึ้นจนเป็นที่นิยมอย่างสูง เธอสร้างปรากฏการณ์อีกครั้งในปี 2008 เมื่อเข้ามาดูแลงานครีเอทีฟให้กับ Celine เธอเปลี่ยนภาพลักษณ์ของแบรนด์จากแบรนด์ฝรั่งเศสธรรมดาให้ดูเรียบหรูแบบมีชั้นเชิง รวมถึงสร้างเทรนด์อย่าง Quiet Luxury และ Normcore ผ่านงานดีไซน์เนี้ยบ เรียบง่ายและดูโก้ ชิ้นงานที่ดูไม่พยายามแต่โดดเด่นที่สุดในห้อง จนหลายแบรนด์พยายามทำตาม aesthetic ที่เธอสร้างขึ้น ในปี 2023 เธอกลับมาพร้อมกับแบรนด์ Phoebe Philo โดยได้แบ็กอัปเป็นเครือบริษัทอย่าง LVMH ถือหุ้นบางส่วน เสื้อผ้าของ Phoebe สะท้อนตัวตนของเธออย่างแท้จริง ดีไซน์มินิมอลแต่ทรงพลังอัดแน่นไปด้วยชิ้นงานเทเลอร์สุดคม คัตติงเนี้ยบ รวมถึงหนังคุณภาพสูง หลังจากเปิดตัวไม่นาน แบรนด์ Phoebe Philo กลายเป็นแบรนด์ที่ถูกพูดถึงตลอดเวลาพอปล่อยคอลเลกชันออกมา ซึ่งแม้ราคาจะสูง แต่แฟนๆของ Phoebe ต่างเชื่อในวิสัยทัศน์และมาตรฐานที่เธอสร้างไว้จนยอมจ่ายเพื่อให้ได้ครอบครองชิ้นงานของเธอ โดย Phoebe เปลี่ยนแนวคิดความลักชัวรีจากการเน้นโลโก้สู่ความหรูหราแบบมีคุณภาพด้านการตัดเย็บ และรายละเอียดที่คนเห็นก็รู้ทันทีว่าเป็นงานของเธอ
Stella McCartney
ดีไซเนอร์สาวแกร่งผู้ยืนหยัดด้านสิ่งแวดล้อม Stella McCartney สร้างเฮดไลน์ในวงการแฟชั่นจากการที่เธอเข้ารับตำแหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของแบรนด์ Chloe ต่อจาก Karl Lagerfeld ด้วยวัย 25 ปีเท่านั้น ก่อนจะเปิดแบรนด์ภายใต้ชื่อของตนเองในปี 2001 โดยยึดหลักงานออกแบบรักษ์โลก ไม่ใช้หนังสัตว์และใช้ขนสัตว์ ซึ่งขัดกับรากฐานของแบรนด์ลักชัวรี เธอพิสูจน์ว่าแฟชั่นรักษ์โลกก็สามารถหรูหรา ใส่ได้จริง และขายได้จริง เธอปลุกกระแส Sustainable Fashion ให้แบรด์อื่นๆ เริ่มหันมาทำตาม รวมถึงการเป็นพันธมิตรกับบริษัทผลิตใยผ้าเพื่อพัฒนา Textile Innovation ใหม่ๆ มาใช้ทดแทน เช่น Mylo หนังที่ทำขึ้นจากเห็ดที่เธอใช้มาทำกระเป๋า Falabella จนขายดีไปทั่วโลก โดยงานดีไซเนอร์ของเธอดูเซ็กซี่ โก้ และหรูหรา ย้ำชัดว่าแฟชั่นรักษ์โลกไม่น่าเบื่อเลยแม้แต่น้อย Stella เชื่อว่าแฟชั่นที่ดีต้องเป็นมิตรต่อผู้สวมใส่และกับโลก ไม่ใช่แค่สวย แต่ต้องมีจริยธรรมและความหมายในตัวเอง เธอเป็นไอดอลของดีไซเนอร์สายรักษ์โลกด้วยแนวคิดสุดโต่งที่ทำได้จริง
Chemena Kamali
ชื่อของ Chemena Kamali ถือว่าใหม่มากหากเทียบกับดีไซเนอร์หญิงทั้งหมดจากลิสต์นี้ แต่ Chemena สร้างปรากฏการณ์ให้วงการแฟชั่นกลับมาให้ความสนใจและพูดถึง Chloé อีกครั้งหลังจากที่เปลี่ยนดีไซเนอร์หลายต่อหลายคน ประสบการณ์ของ Chemena ค่อนข้างโชกโชนเพราะเธอเคยทำงานร่วมกับ Phoebe Philo และ Clare Waight Keller ที่ Chloé รวมถึง Anthony Vaccarello ที่ Saint Laurent มาแล้ว ก่อนจะกลับมารับตำแหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของ Chloé ในช่วงปลายปี 2023 ซึ่งผลงานเดบิวต์ของเธอคอลเลกชัน Fall/Winter 2024 ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์อย่างล้นหลามจากงานดีไซน์ที่อิงจากจิตวิญญาณของแบรนด์แต่นำมาปรับใหม่ให้ดูร่วมสมัยมากขึ้น เธอเชื่อใน Honest Femininity หรือความสวยงามที่จริงใจ ตรงไปตรงมา เสื้อผ้ากลิ่นอายโบฮีเมียนยุค 70 ดูมีอิสระ สวมใส่สบายและเป็นมิตรกับผู้หญิงทุกรูปแบบ เลยไม่แปลกหากชื่อของ Chemena จะถูกจับตามองเพราะมุมมองงานดีไซน์ผู้หญิงถึงผู้หญิงของเธอนั่นเอง
Silvia Venturini Fendi
ทายาทตระกูล Fendi ผู้ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับ Karl Lagerfeld พลิกโฉมให้ Fendi กลายเป็นแบรนด์แฟชั่นชั้นนำ Silvia Venturini Fendi เริ่มทำงานกับแบรนด์ครั้งแรกในปี 1997 ในตำแหน่ง Artistic Director แผนกแอ็กเซสซอรี ก่อนจะเข้ามาดูแลไลน์เสื้อผ้าของ Menswear และ Childrenwear ในเวลาต่อมา เธอคือผู้อยู่เบื้องหลังงานดีไซน์กระเป๋าระดับไอคอนิกของแบรนด์อย่างกระเป๋ารุ่น Baguette และ Peekaboo มุมมองของ Silvia มีความขี้เล่นจะเห็นได้จากแรงบันดาลใจจากกระเป๋าทั้งสองที่มาจากไอเดียแนวคิดสนุกๆ ของเธอ Silvia ยังสร้างจักรวาลของผู้ชาย Fendi ให้มีความอ่อนช้อยมากกว่าเข้มขรึมด้วยการหยอดความเฟมินินลงไป เพราะเธอเชื่อว่าการแต่งตัวไม่ควรมีกฎเกณฑ์ หลังจาก Karl เสียชีวิตลงและ Kim Jones ออกจากตำแหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์ Silvia จึงได้มีโอกาสออกแบบไลน์ Womenswear ซึ่งหลายคนต่างชื่นชมซิลูเอตเฟมินินและเสน่ห์ของ Fendi ในมุมของผู้หญิงจากเธอ และคิดว่าอาจไม่จำเป็นต้องหาดีไซเนอร์คนใหม่มาดีไซน์อีกต่อไป
Sarah Burton
อีกหนึ่งดีไซเนอร์ผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลของวงการแฟชั่น นั่นก็คือ Sarah Burton อดีตมือขวาของ Alexander McQueen ดีไซเนอร์ผู้ล่วงลับ เธอเข้ารับตำแหน่งต่อจากเขาทันทีโดยยังรักษาความดรามาติก ความดาร์กโรแมนติก และงานคราฟต์ระดับสูงเอาไว้ แต่เพิ่มเติมความโรแมนติกตัวตนของเธอลงไปเพื่อให้แบรนด์ในยุคของเธอนั้นเข้าถึงได้ง่ายขึ้น รวมถึงยังเน้นโครงสร้างที่สะท้อนความเป็นผู้หญิงมากขึ้น Alexander McQueen ในช่วงที่เธอยังความลักชัวรี theatrical อยู่ แต่ดูสง่างามขึ้น กว่า 13 ปี Sarah ได้ออกจากกรอบของเธอในปี 2024 กับตำแหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์ให้กับแบรนด์หรู Givenchy หลายคนมองว่าเธอจะเป็นผู้เชื่อมต่อระหว่างความคลาสสิกของ Hubert de Givenchy และ Modern Femininity ของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผลงานแรกของเธอสร้างความตื่นเต้นให้กับวงการแฟชั่นอย่างมาก เธอนำ Givenchy กลับสู่ความหรูหรา เรียบโก้ผ่านเทคนิคการตัดเย็บระดับโอต์กูตูร์ เธอลบภาพผู้หญิงสายดาร์กให้ดูเป็นธรรมชาติขึ้น เชื่อว่าเธอน่าจะสร้างตำนานบทใหม่ให้กับแบรนด์หรูนี้ได้อีกครั้งอย่างแน่นอน
Miuccia Prada
หากกล่าวถึงผู้ทรงอิทธิพลด้านแฟชั่นชื่อของ Miuccia Prada จะต้องติดอยู่อันดับต้นๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้ เธอคือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์แฟชั่นอย่าง Prada และ Miu Miu จนกลายเป็นอาณาจักรแฟชั่นขนาดใหญ่ที่มีส่วนสำคัญในอุตสาหกรรมแฟชั่นเป็นอย่างมาก เธอสร้างชื่อจากงานดีไซน์แบบ ‘Ugly Chic’ แนวคิดย้อนแย้งที่เธอนำมาใช้เพื่อสร้างตัวตนของแบรนด์ให้แตกต่างจากแบรนด์อื่นอย่างสิ้นเชิง เธอเปลี่ยนมุมมองของวงการแฟชั่นด้วยคอลเล็กชั่นที่ตั้งคำถามต่อสังคม ศิลปะ และการเมืองในแบบฉบับของเธอเอง คอลเล็กชันของ Prada และ Miu Miu มักสร้างความเซอร์ไพรส์และไวรัลตลอดเวลา รวมถึงเป็น Trendsetter ของวงการแฟชั่นเพราะ Miuccia ไม่เคยตามเทรนด์ใครทั้งนั้น เธอจะสร้างเทรนด์ของเธอขึ้นมาเอง ปัจจุบัน Prada ได้ Raf Simons เข้ามาช่วยแชร์ไอเดียในการออกแบบ ในขณะที่ Miu Miu นั้นเธอยังดูแลเรื่องงานดีไซน์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ Miuccia จึงถือเป็นต้นแบบของดีไซเนอร์ผู้หญิงของวงการแฟชั่นอย่างแท้จริง