สายสัมพันธ์ระหว่างโลกศิลปะ วัฒนธรรม และแบรนด์ CHANEL ถือเป็นสิ่งที่หยั่งรากมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ยุคของผู้ก่อตั้ง Gabrielle Chanel ผู้ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างสรรค์แฟชั่นที่พลิกโฉมสตรีสมัยใหม่ หากยังมีบทบาทสำคัญในแวดวงศิลปะ เธอออกแบบเครื่องแต่งกายให้กับนักแสดงละครเวที นักแสดงฮอลลีวูด และนักเต้นในโรงละคร รวมถึงร่วมงานกับเพื่อนศิลปินชั้นนำระดับโลกอย่าง Jean Cocteau, Pablo Picasso และ Salvador Dalí

จนถึงปัจจุบัน CHANEL ยังคงสืบสานเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้ง ด้วยการเป็นมากกว่าแบรนด์แฟชั่น หากแต่เป็นผู้สนับสนุนสำคัญของศิลปะและวัฒนธรรมในหลากหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันอุตสาหกรรมภาพยนตร์ การสนับสนุนนักออกแบบรุ่นใหม่ การบูรณะสถาปัตยกรรม ตลอดจนการให้พื้นที่กับวรรณกรรม ดนตรี และแม้กระทั่งศิลปะการทำอาหาร

ในฐานะทั้งผู้ขับเคลื่อนและผู้บันทึกเรื่องราวร่วมสมัย CHANEL ยังคงรักษาจิตวิญญาณแห่งอิสรเสรีของเมซงไว้ได้อย่างมั่นคง และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ THE STANDARD POP อยากพาคุณไปเจาะลึกโครงการ Arts & Culture ของเมซง ว่าพวกเขาสร้างแรงบันดาลใจให้ศิลปินรุ่นใหม่ได้อย่างไร และทำไม CHANEL ยังคงเป็นหนึ่งในพลังสำคัญที่ขับเคลื่อนโลกศิลปะร่วมสมัยมาจนถึงปัจจุบัน

CHANEL Connects Podcast

พอดแคสต์เป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญที่ CHANEL ใช้ในการผลักดันเรื่องศิลปะและวัฒนธรรม ซึ่งพวกเขาสร้างรายการ CHANEL Connects มาแล้วกว่า 5 ซีซัน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและเชื่อมโยงศิลปะหลายแขนงเข้าด้วยกัน ผ่านการพูดคุยเชิงลึกกับแขกรับเชิญจากหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ดนตรี การทำอาหาร การแสดง การเต้นรำ ปรัชญา และอื่นๆ ซึ่งแขกเหล่านี้จะมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับงานสร้างสรรค์ ผลงานที่ผ่านมา รวมถึงมุมมองต่อการเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างวัฒนธรรมและศิลปะร่วมสมัยในยุคปัจจุบัน

สำหรับซีซันล่าสุด พวกเขาถ่ายทำรายการพอดแคสต์กันที่ La Pausa บ้านพักส่วนตัวของ Gabrielle Chanel ณ ริมชายฝั่งเฟรนช์ริเวียรา ซึ่งเป็นจุดกำเนิดทุกแรงบันดาลใจของผู้ก่อตั้งแบรนด์ และยังคงดำเนินรายการโดย Yana Peel ประธานฝ่ายศิลปะวัฒนธรรมและมรดกของ CHANEL ที่เธอจะชวนให้เหล่าแขกคนสำคัญจากวงการต่างๆ มาร่วมแลกเปลี่ยนบทสนทนา ไม่ว่าจะเป็น นักแสดงหญิงเจ้าของรางวัลออสการ์ Lupita Nyong’o, ศาสตราจารย์ด้านปรัชญา Emanuele Coccia, Francesca Hayward จาก The Royal Ballet, นักเขียนจาก The New Yorker อย่าง Lauren Collins, เชฟมิชลิน Mauro Colagreco และอีกมากมาย

Arts & Culture Magazine

เมื่อกลางปี 2025 แบรนด์ CHANEL ได้ประกาศเปิดตัว Arts & Culture Magazine เพื่อต่อยอดจากเจตนารมณ์ด้านศิลปะที่เมซงยึดมั่นมากว่าศตวรรษ นิตยสารเล่มนี้ถือเป็นการเฉลิมฉลองความร่วมมือกับศิลปินและสถาบันวัฒนธรรมตลอด 5 ปีที่ผ่านมา โดยรวบรวมทั้งผลงานและบทความที่สะท้อนพลังความคิดสร้างสรรค์ของศิลปินรุ่นใหญ่และศิลปินรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นผลงานของ Cao Fei และ LuYang ศิลปินมัลติอาร์ตจากจีน, Savanah Leaf ผู้กำกับหญิงชาวอังกฤษเจ้าของรางวัล BAFTA, หรือ Tracey Emin ศิลปินร่วมสมัยชาวอังกฤษ รวมถึงผลงานของผู้ชนะรางวัล CHANEL NEXT PRIZE

นิตยสารเล่มนี้ยังเปรียบเสมือนบันทึกมรดกสำคัญของเมซง ภายในความหนากว่า 250 หน้าเต็มไปด้วยเนื้อหาที่เข้มข้นและเปี่ยมด้วยคุณค่า ตั้งแต่ภาพถ่ายโดย Roe Ethridge ที่ถ่ายทอดคอลเล็กชันในประวัติศาสตร์ของแบรนด์, บทสัมภาษณ์สถาปนิก Peter Marino ผู้สร้างสรรค์งานออกแบบสถานที่สำคัญของ CHANEL, บทความโดยนักประวัติศาสตร์ศิลปะ RoseLee Goldberg ไปจนถึงภาพถ่ายเชิงสัญลักษณ์ เช่น ถาดสีขาวทรงเปลือกหอยประดับไข่มุก, ขวดน้ำหอม CHANEL No.5, และคอลลาจลายสิงโตที่สะท้อนราศีของผู้ก่อตั้งแบรนด์

ปกของนิตยสารก็ไม่ธรรมดา โดยเลือกใช้ภาพถ่ายรูปปั้น Gabrielle Chanel ฝีมือ Jacques Lipchitz เมื่อปี 1921 ที่สวมแว่นตาเมทัลลิกจากคอลเล็กชัน Fall 2002 ส่วนภายในเล่มยังใช้กระดาษหลากหลายชนิด เพื่อสร้างประสบการณ์การอ่านที่แตกต่างทั้งด้านภาพและสัมผัส ทำให้นิตยสารเล่มนี้ไม่เพียงแค่ชวนมองจากปก แต่ยังเป็นผลงานเชิงศิลป์ที่พาผู้อ่านดำดิ่งสำรวจโลกของ CHANEL อย่างลึกซึ้งและละเมียดละไมในทุกหน้า

CHANEL & Cinema

CHANEL มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับโลกภาพยนตร์มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่การทำเครื่องแต่งกายให้กับนักแสดงในภาพยนตร์ การทำเสื้อผ้าสำหรับเหล่าเฮาส์แอมบาสเดอร์เพื่อเดินพรมแดง การสนับสนุนผู้กำกับหญิงและคนทำหนังคลื่นลูกใหม่ การจัดฉายภาพยนตร์พิเศษ รวมทั้งการรักษามรดกภาพยนตร์ด้วยการบูรณะฟิล์มเก่าสำหรับหนังฝรั่งเศสที่ทรงคุณค่า โดยเฉพาะกับงานเทศกาลภาพยนตร์ Deauville American Film Festival ที่เมซงแห่งนี้เป็นพาร์ตเนอร์อย่างเป็นทางการของงานมาเป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน โดยนับว่างานนี้เป็นที่รู้จักในระดับสากล และยังเป็นพื้นที่ที่เฉลิมฉลองความหลากหลายของภาพยนตร์อเมริกันที่มีตั้งแต่หนังโปรดักชันใหญ่ ไปจนถึงหนังอิสระจากผู้กำกับสายอินดี้

ในขณะที่เฮาส์แอมบาสเดอร์และเซเลบริตี้คนสำคัญของแบรนด์อย่าง Tilda Swinton, Sofia Coppola, Kristen Stewart, Margaret Qualley และ Penélope Cruz ต่างสวมใส่ชุดของ CHANEL บนพรมแดงในงานประกาศรางวัลและเทศกาลหนังต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเวนิส คานส์ หรือเบอร์ลิน โดยแต่ละลุคก็มีความคลาสสิก สง่างาม ทั้งยังสะท้อนบุคลิกของนักแสดงและคาแรกเตอร์ในภาพยนตร์ด้วยเช่นกัน

Exceptional Patron of The Paris Opera

ความสัมพันธ์ของ CHANEL และโลกแห่งการเต้นรำนั้นมีมายาวนานนับร้อยปี โดยผู้ก่อตั้งแบรนด์ Gabrielle Chanel เคยออกแบบเครื่องแต่งกายให้เหล่านักเต้นที่มีชื่อเสียงในยุคนั้นเพื่อให้พวกเขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระแต่ก็มีความสง่างามในด้านแฟชั่น จนถึงปัจจุบันนี้ เมซงก็ยังคงสานต่อเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้งด้วยการร่วมสนับสนุนโครงการ Nouvel Air, Nouvelle Ère ของ Paris Opera ที่จะเริ่มต้นขึ้นในปี 2027 

โดยพวกเขาจะปรับปรุงสถาปัตยกรรมของ 4 สถานที่สำคัญของโอเปร่าในกรุงปารีส ได้แก่ Palais Garnier, Opera Bastille และโรงเรียนสอนเต้นรำที่ Nanterre และ Ateliers Berthier เพื่อให้มีความทันสมัย อำนวยความสะดวกสำหรับกิจกรรมในอนาคต รวมทั้งเป็นการรักษาเกียรติยศของโลกโอเปร่าสำหรับคนรุ่นต่อไปด้วยเช่นกัน

Tribeca Film Festival Partnership

CHANEL ร่วมงานกับเทศกาลภาพยนตร์ Tribeca มาตั้งแต่ปี 2005 เพื่อสนับสนุนความหลากหลายและการเล่าเรื่องผ่านสายตาของผู้หญิงในวงการภาพยนตร์ จนกระทั่งในปี 2015 เมซงได้เปิดตัวโครงการ Through Her Lens ที่มีเป้าหมายชัดเจนในการเป็นกระบอกเสียงและพลังสนับสนุนให้กับผู้กำกับหญิงและ Non-binary ในสหรัฐอเมริกา โครงการนี้มอบการสนับสนุนอย่างรอบด้าน ทั้งในรูปแบบทุน การพัฒนาโปรเจกต์ และเวิร์กช็อปเข้มข้นที่ผู้เข้าร่วมจะได้ทำงานร่วมกับเมนเทอร์มืออาชีพ เพื่อขัดเกลาไอเดียและต่อยอดให้กลายเป็นภาพยนตร์ที่จับต้องได้จริง

ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา Through Her Lens ได้กลายเป็นเวทีสำคัญที่ช่วยผลักดันผู้กำกับหญิงและนอนไบนารีจากหลากหลายเชื้อชาติ ให้มีพื้นที่นำเสนอผลงานสู่สายตาระดับสากล อีกทั้งยังเป็นประตูบานใหม่ที่เปิดโอกาสให้ผู้กำกับรุ่นใหม่ได้ถ่ายทอดมุมมองและสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง

CHANEL Next Prize

CHANEL Next Prize เป็นโปรเจกต์สำคัญที่ตอกย้ำว่า CHANEL เห็นคุณค่าของนวัตกรรมด้านศิลปะและวัฒนธรรมของคนรุ่นใหม่ เพราะนี่คือรางวัลสำหรับมอบให้แก่ศิลปินหน้าใหม่จากหลากหลายแขนงที่พวกเขามีความกล้าที่จะเป็นผู้บุกเบิกริเริ่มโครงการใหม่ๆ ด้วยความทะเยอทะยาน ไม่ว่าจะเป็นด้านศิลปะ ภาพยนตร์ การแสดง หรือดนตรี โดยผู้ชนะรางวัลทั้ง 10 คน จะได้รับคำปรึกษาในการทำงานเป็นเวลา 2 ปี รวมทั้งเงิน 100,000 ยูโรสำหรับการสร้างสรรค์งานให้เกิดขึ้นจริง

โปรเจกต์รางวัลนี้เริ่มต้นครั้งแรกในปี 2021 ภายใต้การดูแลจากโครงการของ CHANEL Culture Fund ที่คอยสนับสนุนบุคคลที่ทำงานเพื่อวัฒนธรรมร่วมสมัย และพวกเขาก็ยังมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมาเป็นผู้ตัดสิน อาทิ นักแสดงมากฝีมือผู้เป็นเฮาส์แอมบาสซาเดอร์ของแบรนด์ Tilda Swinton, ศิลปินจีนร่วมสมัย Cao Fei, ภัณฑารักษ์ Legacy Russell และ Hans Ulrich Obrist เป็นต้น

The Literary Rendezvous at Rue Cambon 

Gabrielle Chanel ค้นพบความหมายของอิสรภาพผ่านโลกวรรณกรรม ตั้งแต่วัยเด็กที่เติบโตในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า หนังสือเปรียบเสมือนเพื่อนผู้ใกล้ชิดที่เปิดประตูให้เธอได้เรียนรู้ชีวิตในหลากหลายแง่มุม และพาเธอทำความรู้จักกับนักคิดและนักเขียนหญิงผู้ทรงอิทธิพลในยุคนั้น ความสัมพันธ์อันแนบแน่นกับตัวอักษรและความคิดนี้เองที่กลายเป็นรากฐานสำคัญ ให้เธอกล้าที่จะปฏิวัติวงการแฟชั่นในแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน

ด้วยเหตุนี้เอง CHANEL จึงไม่เคยมองข้ามความสำคัญของวรรณกรรม นำมาสู่การก่อตั้งโครงการ Literary Rendezvous at Rue Cambon ในปี 2021 โดยมี Charlotte Casiraghi เฮาส์แอมบาสเดอร์ ร่วมเป็นกำลังสำคัญในการเชื้อเชิญนักเขียนหญิงและแขกคนสำคัญของแบรนด์ มาแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับวรรณกรรม หนังสือเล่มโปรด หรือแม้งานเขียนส่วนตัว เพื่อสะท้อนถึงพลังของตัวอักษรที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนได้จริง

โครงการนี้ยังมีส่วนร่วมจาก เบ็คกี้ รีเบคก้า เฮาส์แอมบาสเดอร์ชาวไทย ที่ได้ขึ้นพูดคุยในช่วง IN THE LIBRARY WITH ถ่ายทอดรสนิยมการอ่านและหนังสือที่หล่อหลอมแต่ละช่วงชีวิตของเธอ ตั้งแต่ The Strength in Our Scars ที่ช่วยให้เธอเข้าใจโลกและตัวเองมากขึ้น ไปจนถึง Little Women ของ Louisa May Alcott ที่มอบแรงบันดาลใจจากตัวละครหญิงแกร่งในวรรณกรรม