7 THINGS WE LOVE ABOUT BLACKPINK’S FASHION ศิลปินกลุ่มที่มีอิทธิพลมากสุดในวงการแฟชั่น
การคัมแบ็กในรอบ 2 ปี ของ BLACKPINK พร้อมเพลงใหม่อย่าง Pink Venom สามารถสร้างปรากฏการณ์มากมายตามคาด ทุบสถิติครั้งใหม่บน YouTube โดยขึ้นแท่นเป็นมิวสิกวิดีโอที่เปิดตัวด้วยยอดวิวสูงสุดประจำปี 2022 ที่ 90.4 ล้านครั้งภายใน 24 ชั่วโมงแรก แถมเป็นเพลงภาษาเกาหลีใต้เพลงแรกที่เปิดตัวอันดับ 1 บน Global Chart ของ Spotify ที่จัด 50 อันดับเพลงที่มีการสตรีมมากสุดรายวันอีกด้วย
แต่ไม่ใช่แค่เฉพาะงานเพลงเท่านั้นที่โดดเด่น แต่ในโลกของแฟชั่น ทั้ง 4 สาวอย่าง Jennie, Lisa, Jisoo และ Rosé ต่างเจิดจรัสไม่ต่างกัน พวกเธอถือได้ว่าเป็นแฟชั่นไอคอนของเจเนอเรชันใหม่อย่างแท้จริงผ่านบทบาทมากมาย เช่น แบรนด์แอมบาสเดอร์ของแบรนด์แฟชั่นระดับโลก การขึ้นปกนิตยสารชั้นนำ รวมถึงสไตล์ส่วนตัวที่สร้างแรงกระเพื่อม Sold Out ทุกชิ้นที่พวกเธอสวมใส่ ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็พร้อมจะกลายเป็นเทรนด์ทวิตเตอร์ระดับโลกทุกครั้ง
“BLACKPINK is the revolution” จึงไม่ใช่แค่เนื้อเพลงเท่านั้น แต่ทั้ง 4 สาวได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเธอคือของจริงที่เข้ามาปฏิวัติวงการแฟชั่นและบันเทิงให้เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล วันนี้ THE STANDARD POP จะมาเผย 7 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราเห็นด้วยถึงสถานะแฟชั่นไอคอนของพวกเธอ
1. STRONG BRAND IMAGE
ตามคำกล่าวของนิตยสาร Vogue ได้ให้คำจำกัดความพวกเธอในปี 2021 ว่า “ไม่มีใครรัก BLACKPINK ในปี 2021 มากเท่ากับวงการแฟชั่น” คำกล่าวนี้ไม่เกินจริงเลย เพราะแค่ระยะเวลาการเดบิวต์ในฐานะศิลปินมา 6 ปี สมาชิกแต่ละคนต่างเซ็นสัญญากับแบรนด์แฟชั่นและแบรนด์บิวตี้ระดับโลกในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ ซึ่งหลายคนได้คาดการณ์ว่าสัญญาของสมาชิกแต่ละคนทำเงินไม่ต่ำกว่าตัวเลข 7 หลักแน่นอน
เริ่มกันที่ Lisa นักร้องสาวสัญชาติไทยผู้มียอดผู้ติดตามสูงที่สุดในทั้ง 4 คน แค่เธอคนเดียวสามารถกวาดแบรนด์ใหญ่ได้ถึง 3 แบรนด์ ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นที่ Celine ผูกขาดกับเธอตั้งแต่นั่งฟรอนต์โรว์ เดินแบบ และขึ้นแคมเปญ หรือ Bvlgari แบรนด์จิวเวลรีระดับโลก และแบรนด์บิวตี้ M.A.C Cosmetics ด้าน Jennie ได้แบรนด์ใหญ่ยักษ์ระดับโลกถึง 2 แบรนด์ อย่าง Chanel ทั้งไลน์แฟชั่นและเครื่องประดับ และ Calvin Klein อีกหนึ่งแบรนด์ใหญ่ระดับกลางที่ล่าสุดเฉิดฉายบนบิลบอร์ดทั่วสหรัฐอเมริกาแล้วตอนนี้ เช่นเดียวกับ Jisoo ที่ควบสอง ทั้งไลน์แฟชั่นและบิวตี้ให้กับแบรนด์ Dior และล่าสุดแบรนด์จิวเวลรีอย่าง Cartier
สุดท้าย Rosé ที่กวาดแบรนด์ Saint Laurent ไลน์แฟชั่น และ YSL Beauty ไลน์บิวตี้ รวมถึง Tiffany & Co. ไปครองเช่นกัน ซึ่ง Anna Wintour บรรณธิการของ Vogue อเมริกา และผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของวงการแฟชั่น ก็ได้เห็นสิ่งนี้และได้ยินยอมให้ Rosé มาร่วมงาน Met Gala เมื่อปี 2021 ที่ก็สร้างอิมแพ็กอย่างไม่รู้จบ
2. BECOMING TREND SETTERS
BLACKPINK คือหนึ่งใน Trend Setter ที่สำคัญที่สุดของโลก ณ เวลานี้ เพราะไม่ว่าพวกเธอจะหยิบจับหรือใส่อะไรก็ล้วนสร้างกระแสได้อย่างมหาศาล เริ่มด้วย Celine ที่ต้องขอบคุณ Lisa เพราะการมาของเธอสร้างมูลค่าอย่างมหาศาลให้แบรนด์นี้กลับมาผงาดได้อีกครั้ง หลังจาก Phoebe Philo ดีไซเนอร์ผู้เคยชุบชีวิตแบรนด์นี้ให้กลับมาประสบความสำเร็จได้ลาออกไป การมาของ Hedi Slimane อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ฐานลูกค้าเก่าๆ ชอบนัก แต่เมื่อได้ Lisa มาก็ดูเหมือนทั้งลูกค้าเก่าและใหม่ต่างกลับมาอยากได้กระเป๋าใบที่ Lisa ถือกันทั้งนั้น ดังนั้นการจะกล่าวว่าพวกเธอคือว่าที่แฟชั่นไอคอนคนใหม่ของโลกก็ดูไม่เกินจริงไปนัก
เช่นเดียวกันกับ Gildas Loaëc หนึ่งในผู้ก่อตั้งแบรนด์ Maison Kitsuné ที่เคยให้สัมภาษณ์ถึงการที่ Jennie ถูกถ่ายภาพที่สนามบินขณะสวมใส่เสื้อผ้าแบรนด์ดังกล่าว ทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่ทำให้แบรนด์เริ่มโด่งดัง เพราะหลังจากที่มีภาพของเธอปรากฏ คนดังในแวดวง K-Pop เริ่มใส่แบรนด์ดังกล่าว ซีรีส์เกาหลีก็เริ่มที่จะเลือกใช้เสื้อผ้าจาก Maison Kitsuné และเนื่องจากซีรีส์เกาหลีโด่งดังในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และญี่ปุ่น ทำให้แบรนด์กลายเป็นที่รู้จักและประสบความสำเร็จในเอเชีย รวมถึงเกาหลี โดยปัจจุบันแบรนด์มีสาขารวมทั้งหมด 25 สาขา
3. IMPACTABLE ENGAGEMENT
และเพื่อยืนยันว่าภาพลักษณ์ของพวกเธอแข็งแรงเหลือเกิน ยอดเอ็นเกจเมนต์บนโซเชียลมีเดียต่างๆ คือตัวชี้วัดว่าแต่ละคนนั้นได้รับความนิยมและถูกกล่าวถึงเป็นอย่างมากบนโลกโซเชียลมีเดีย ในทุกๆ อิริยาบถที่ปรากฏไม่ว่าจะในบทบาทอะไรก็ตาม เว็บไซต์ Launchmetrics เปิดเผยว่าการปรากฏตัวของ Jennie ที่แฟชั่นโชว์ของ Chanel สร้างมูลค่าทางสื่อมากกว่า 3.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เช่นเดียวกับ Jisoo เมื่อเธอโพสต์รูปหลังจากโชว์ของ Dior สามารถสร้างมูลค่าสื่อได้สูงถึง 1.74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ส่วน Lisa ที่เข้าร่วมดูโชว์ของ Celine ที่ผ่านมา นอกจากแฟนจำนวนนับพันชีวิตที่มาให้กำลังใจส่งเสียงเชียร์แล้วนั้น ยังสามารถสร้างมูลค่าทางสื่อแค่เฉพาะในจีนกว่าหลักเกือบร้อยล้านเลยทีเดียว ด้าน Roséเองก็สามารถขยายฐานลูกค้าของแบรนด์อย่าง Tiffany & Co. ให้กว้างมากขึ้น รวมถึงเหล่าเจเนอเรชันใหม่ที่หันมาสนใจในตัวแบรนด์มากขึ้นเช่นกัน Alexandre Arnault ผู้บริหาร Tiffany & Co.ให้สัมภาษณ์ผ่าน WWD ว่าจากการเซ็นสัญญากับ Rosé ทำให้แบรนด์ขยายฐานลูกค้ามากยิ่งขึ้น “เป็นเวลามากกว่า 2 ปีที่ Rosé ได้แนะนำ Tiffany ให้กับแฟนคลับของเธอได้รู้จักและขยายฐานลูกค้าของเรา เธอมีความสามารถในการสื่อสารแคมเปญ และทำให้เราได้ลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น”
4. POWER OF PERSONAL SOCIAL MEDIA
ใครที่ติดตาม K-Pop มานานจะรู้ว่าการที่ศิลปินจะมีโซเชียลมีเดียเป็นของตัวเองเป็นเรื่องต้องห้าม แต่การที่ศิลปินสามารถโต้ตอบหรือแชร์โมเมนต์กับแฟนคลับช่วยสร้างความนิยมให้ศิลปินอีกเท่าตัว BTS ถือเป็นวงแรกๆ ที่ทางต้นสังกัดอนุญาตให้พวกเขาสามารถโต้ตอบกับแฟนๆ ผ่านทวิตเตอร์ได้ แต่ BLACKPINK เองก็เป็นศิลปินเกาหลีแรกๆ เช่นกันที่สามารถมีโซเชียลมีเดียเป็นของตัวเองอย่างอินสตาแกรมได้
ด้วยยอดผู้ติดตามรวมกันมากกว่า 275 ล้านคน และค่าเฉลี่ยคนกดไลก์ราวๆ 3 ล้านคนต่อโพสต์ ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของค่ายเพลง เพราะการที่แฟนๆ ได้เห็นภาพส่วนตัวหรือโมเมนต์ที่นอกเหนือจากการอยู่บนเวทีของพวกเธอนั้นได้ขยายฐานแฟนคลับของเธอให้ไปไกลระดับโลก และยังเป็นพื้นที่แสดงตัวตนและสไตล์ส่วนตัวของพวกเธออีกด้วย แรงกระเพื่อมตรงนี้เองที่ส่งไม้ต่อให้พวกเธอได้ขึ้นแท่นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแบรนด์ดังระดับโลกในเวลาต่อมา และยังทลายกรอบให้ศิลปินเกาหลีคนอื่นๆ เริ่มหันมาเปิดอินสตาแกรมส่วนตัวกันมากขึ้น
5. SMART COLLABORATION
คอลลาบอเรชันเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการต่อยอด ทั้งในแง่ของการสร้างเม็ดเงินและการกล่าวถึงเป็นวงกว้าง สำหรับทั้ง 4 สาวนี่ยังถือว่าแค่เริ่มต้นเท่านั้น Lisa ที่ควบทั้งฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ M.A.C Cosmetics ชิมลางด้วยการออกคอลเล็กชันเครื่องสำอางก่อนใครในวง แน่นอนว่าทุกไอเท็มขายดีและเกือบ Sold Out ทุกชิ้น เช่นเดียวกับ Jennie ที่กระโดดไปออกแบบคอลเล็กชันแว่นตาร่วมกับแบรนด์สุดเก๋อย่าง Gentle Monster มาถึงสองคอลเล็กชันติดต่อกันแล้ว และได้รับกระแสตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก
แต่ที่เราชอบที่สุด ขอยกให้กับการร่วมงานกับแบรนด์อย่าง PUBG Mobile เกมมือถือชื่อดัง ที่ไม่ใช่แค่จะมีเพลงพิเศษสำหรับเกมนี้โดยเฉพาะเท่านั้น แต่แฟนๆ ยังสามารถซื้อเสื้อผ้าตามสไตล์ของทั้ง 4 สาวสวมใส่ในเกมได้อีกด้วย เป็นการขยายกรอบแฟชั่นสู่ตลาดเกมได้อย่างฉลาด ใครที่ไม่ชอบเล่นเกมอย่างน้อยต้องอยากลองซื้อเสื้อผ้าสไตล์ BLACKPINK ให้ตัวละครได้ใส่บ้างเหละ
6. STAGE PRESENCE
สิ่งที่ทำให้พวกเธอแตกต่างและเป็นที่น่าจดจำกว่าวงเกิร์ลกรุ๊ปตั้งแต่เดบิวต์ในปี 2016 ด้วยเพลงฮิตอย่าง ‘Whistle’ และ ‘Boombayah’ คือภาพลักษณ์ที่แตกต่างกัน โดยที่ทุกคนโดดเด่นมีออร่าในแบบของตัวเองเท่าๆ กัน โดยไม่มีใครดูโดดเด่นจนเกินเพื่อน หลายคนน่าจะทราบถึงระบบการวางตำแหน่งของศิลปินเกาหลี โดยที่เซ็นเตอร์ส่วนใหญ่มักจะโดดเด่นกว่าคนอื่น แต่ด้วยสไตล์และตัวตนที่แตกต่างกันยามอยู่บนเวที ทำให้พวกเธอโดดเด่นในแบบของตัวเองได้อย่างน่าประหลาดใจ และออร่าเฉพาะนี้เองที่ทำให้พวกเธอถูกจับตามองโดยแบรนด์แฟชั่นเฮาส์ระดับโลกมากมายที่หมายมั่นอยากให้พวกเธอมาเป็นตัวแทนของแบรนด์
7. WHEN MUSIC MEETS FASHION
ภาพลักษณ์คือสิ่งที่วงการดนตรี K-Pop โดยเฉพาะนักร้องไอดอลให้ความสำคัญไม่แพ้การทำเพลงเลย หลายครั้งศิลปินจะประสบความสำเร็จ หรือเพลงจะฮิตไหมนั้น เรื่องของภาพลักษณ์มีส่วนสำคัญในการช่วยสร้างภาพจำให้ติดตาและเป็นที่พูดถึง และแน่นอนว่าค่าย YG Entertainment ไม่เคยแผ่วในเรื่องนี้เลย ศิลปินที่ประสบความสำเร็จมากๆ อย่าง BIGBANG และ 2NE1 ล้วนมีภาพลักษณ์ที่เปรี้ยวเข็ดฟันแบบจำได้ขึ้นใจกันทั้งนั้น ไม่ต้องแปลกใจที่ BLACKPINK จะถูกตั้งเป้าให้มีภาพลักษณ์ระดับไอคอนเช่นเดียวกัน
และสไตล์ของ 4 สาวมาจากวิสัยทัศน์ของ Kyoung Won Choi สไตลิสต์ผู้ดูแลเสื้อผ้าของพวกเธอจากต้นสังกัด YG Entertainment เปิดเผยผ่านบทสัมภาษณ์เมื่อปี 2018 ผ่านทาง WWD ว่าเธอเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะกับบุคลิกของแต่ละคน เพื่อชูตัวตนของแต่ละคนให้มีจุดเด่นเป็นของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันก็ดูเข้ากันได้อย่างลงตัว พร้อมทั้งเปิดเผยว่าต้นสังกัดของสาวๆ ลงทุนในด้านนี้อย่างเต็มที่ “YG ต้องการให้สาวๆ แตกต่างจากวงอื่นๆ ตั้งแต่แรก และฉันก็ได้รับการสนับสนุนในการสไตลิ่งอย่างเต็มที่ YG แนะนำให้ฉันรู้จักกับบรรดาดีไซเนอร์ และให้งบยืดหยุ่นสำหรับจัดชุดต่างๆ” จากกระแสความนิยมนี้เอง ไม่ว่าพวกเธอจะแต่งตัวออกงาน มิวสิกวิดีโอตัวใหม่ หรือสไตล์ส่วนตัว มักถูกนำไปแกะลุคโดยชาวโซเชียลเสมอ จนบางครั้งสร้างปรากฏการณ์ของ Sold Out จากชุดที่พวกเธอสวมใส่
ภาพ: Getty Images / Courtesy of brand / YG / BLACKPINK