แม้จะเพิ่งก้าวเข้าสู่วันแรกของเทศกาลสงกรานต์เท่านั้น แต่การเปิดเผยโดยรองโฆษก คสช. ถึงจำนวนผู้กระทำความผิดและถูกดำเนินคดีในวันแรกของช่วง 7 วันอันตรายมีมากกว่า 1,168 คน ขณะที่ผู้กระทำผิดสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมี 2,344 ครั้ง และทำการยึดรถกรณีเมาแล้วไปแล้ว 202 คัน
ช่วงเช้าวันนี้ (12 เม.ย.) พันเอกหญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช. เผยว่าในช่วงวันแรกของเทศกาลสงกรานต์ปีนี้มีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวอย่างหนาแน่น จึงส่งผลให้การจราจรในหลายพื้นที่ติดขัดเป็นช่วงๆ โดยเฉพาะเส้นทางสายหลักที่มุ่งสู่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนรวมถึงกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และจิตอาสา ร่วมกันอำนวยความสะดวกประชาชน อำนวยการจราจรตามจุดบริการและจุดตรวจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่สถานีขนส่งหลักที่เป็นจุดเชื่อมต่อการเดินรถ ไม่ว่าจะเป็นสถานีขนส่งประจำจังหวัด หรือสถานีขนส่งตามเขตใหญ่ๆ ใน กทม. อย่างสถานีหมอชิต สายใต้ใหม่ และเอกมัย โดยเจ้าหน้าที่ได้ออกตรวจและดูแลความเรียบร้อยในภาพรวม ตลอดจนป้องปรามอาชญากรรมเพื่อให้ผู้เดินทางได้รับความสะดวกเช่นกัน
ทั้งนี้รองโฆษก คสช. ยังได้เปิดเผยต่อเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการขับขี่ยานพาหนะด้วยมาตรการ ‘ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ’ ที่ คสช. และรัฐบาลใช้ดูแลประชาชนในช่วงเทศกาลมาตลอดนั้น ซึ่งจากการตรวจสอบสถิติในวันแรก (11 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบผู้กระทำผิดในลักษณะที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุโดยประมาท 2,344 ครั้ง โดยจำเป็นต้องเก็บรักษารถไว้ 202 คัน แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์ 158 คัน และรถยนต์ 44 คัน รวมถึงยึดใบขับขี่รถจักรยานยนต์อีก 20 คน และยึดใบอนุญาตขับขี่รถโดยสารสาธารณะ/รถยนต์ 121 คน ส่งผู้กระทำความผิดดำเนินคดีทั้งสิ้น 1,168 คน
“ความคับคั่งของยานพาหนะที่มีเป็นช่วงๆ ในพื้นที่ผ่านชุมชนเมืองใหญ่นั้น เจ้าหน้าที่ได้พยายามเร่งระบายรถที่ชะลอตัวหรือหยุดเป็นเวลานานเพื่อให้การจราจรเลื่อนไหลไปได้อย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม ในห้วงนี้สภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อนจัดอาจส่งผลต่อสภาพยานพาหนะและการขับขี่ การพิจารณาพักรถเป็นระยะๆ ระหว่างการเดินทางอาจช่วยให้การเดินปลอดภัยยิ่งขึ้น” รองโฆษก คสช. กล่าวทิ้งท้าย
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: