วันนี้ (28 พฤษภาคม) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 1 สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ ในช่วงเช้า ก่อนเข้าสู่วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ได้มีวาระพิจารณาร่างกฎหมายหลายฉบับที่สำคัญ เริ่มจากพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 และ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจทรัพย์สินดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ที่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม
จากนั้น เข้าสู่วาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ โดยมีสาระสำคัญคือ เปลี่ยนชื่อสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เป็น ‘สำนักงานพระคลังข้างที่’ ซึ่ง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน เป็นสมาชิกคนเดียวที่ลุกขึ้นอภิปราย โดยระบุว่าไม่ขัดข้องกับเนื้อหาของร่างกฎหมาย แต่ท้วงติงกระบวนการของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เร่งรัดกว่าปกติ ด้วยการตั้งกรรมาธิการเต็มสภา 3 วาระรวด
ทำให้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กางข้อบังคับการประชุมสภา ชี้แจงว่า เมื่อ ครม. ร้องขอ ให้ที่ประชุมลงมติว่าจะเห็นชอบหรือไม่ ก่อนที่จะเข้าสู่การลงมติ 3 วาระ ซึ่งมีการลงคะแนนเสียงเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์
ต่อมาเป็นวาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ในชั้นรับหลักการ ซึ่ง ครม. เป็นผู้เสนอ มีสาระสำคัญเพื่อให้ รฟม. สามารถดำเนินกิจการรถไฟฟ้าและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการตั๋วร่วม ทำให้การเดินทางมีความสะดวก คล่องตัวแก่ประชาชน ที่สมาชิกฝ่ายค้านแสดงความไม่เห็นด้วย แต่ท้ายสุดก็ผ่านวาระรับหลักการด้วยมติ เห็นด้วย 295 เสียง ไม่เห็นด้วย 144 งดออกเสียง 1 เสียง
ทั้งนี้ ในการตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว สมาชิกจากพรรคกล้าธรรมได้เสนอชื่อ กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส. ชลบุรี พรรคประชาชน เป็นกรรมาธิการในสัดส่วนของพรรค ซึ่งก่อนหน้านี้กฤษฎิ์ได้ประกาศแยกทางกับพรรคประชาชนเพราะอุดมการณ์ไม่ตรงกัน และได้นั่งอยู่ร่วมกับ สส. ของพรรคกล้าธรรมในห้องประชุมด้วย
