×

6 พรรคการเมืองโชว์วิสัยทัศน์ อนาคตประเทศไทย ส่งเสียงถึงคนรุ่นใหม่ ก่อนลุยสนามเลือกตั้ง

16.11.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

6 MINS READ
  • 6 พรรคการเมืองร่วมนำเสนอวิสัยทัศน์ถึงอนาคตประเทศไทย ส่วนใหญ่มองเห็นว่าโครงสร้างการเมืองมีปัญหาทั้งตัวบุคคลและกติกา รวมถึงอำนาจบางอย่างที่เข้ามาแทรกแซง
  • หลายพรรคนำเสนอนโยบายเพื่อเป็นทางเลือก ขณะที่บางพรรคมุ่งไปยังปัญหาการเมือง ความทุกข์ร้อนก่อน แต่ทุกพรรคบอกว่าทำหมดถ้าทำเพื่อประชาชน

เช้าวันนี้ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้จัดโครงการเสวนาวิชาการ อนาคตประเทศไทย วิสัยทัศน์ของพรรคการเมือง โดยเชิญตัวแทนจากพรรคการเมือง ทั้งคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่เพื่อเสนอมุมมองและวิสัยทัศน์ของแต่ละพรรคการเมือง

 

นักการเมืองที่มาในวันนี้ได้แก่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งพรรคเพื่อไทย, ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่, ไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป, ภราดร ปริศนานันทกุล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย และ จักษ์ พันธุ์ชูเพชร ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ขาดแต่เพียง อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ไม่มาปรากฏตัวในวันนี้ และไม่ส่งผู้แทนมาร่วมขึ้นเวทีแต่อย่างใด

 

บรรยากาศการจัดงานในวันนี้ มีการเปิดบูธให้แต่ละพรรคการเมืองได้นำเสนอแนวคิดพรรคของตัวเอง ทุกพรรคมีการปรากฏตัวของรุ่นใหญ่บนเวที ที่ด้านล่างในแต่ละบูธจะมีรุ่นเล็กมาประจำ และเชิญชวนประชาชนพูดคุย อาทิ ไอติม-พริษฐ์ วัชรสินธุ, เขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์, สุรชาติ เทียนทอง, พรรณิการ์ วานิช เป็นต้น

 

ผู้ฟังส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักศึกษาที่ยังไม่เคยผ่านการเลือกตั้งมาเลยในชีวิต

 

และต่อไปนี้คือวิสัยทัศน์และอนาคตประเทศไทยจากแต่ละพรรคการเมืองที่เราจะต้องตัดสินใจเลือกพวกเขามาเป็นผู้แทนฯ ของเรา

 

 

ประชาธิปัตย์ขอเป็นแสงสว่างประเทศไทย เพื่อออกจากวงจรนี้

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ บอกว่า พรรคประชาธิปัตย์จะยึดปัญหาประชาชนเป็นตัวตั้ง หากมองสภาพปัจจุบันจะเห็นว่าเศรษฐกิจย่ำแย่ และมีปัญหารายได้เหลื่อมล้ำสูง ซึ่งเป็นปัญหาโครงสร้าง

 

เวลานี้ประเทศไทยติดกับดักประเทศรายได้เศรษฐกิจปานกลาง มีปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน เราต้องเร่งฟื้นฟูรายได้คนส่วนใหญ่ ประกันรายได้ให้เกษตรกร เปิดพื้นที่ไปสู่ความเจริญ เป็นเมืองมหานคร สานต่อโครงการรถไฟ เชื่อมโยงจีนกับอาเซียน จะสานต่อสิ่งที่รัฐบาลทำไว้ แต่ต้องเป็นประโยชน์ต่อประชาชน

 

อภิสิทธิ์ยังบอกอีกว่า ทุกนโยบายต้องมีการประเมินผลกระทบต่อการกระจายรายได้ ซึ่งนี่จะเป็นมิติใหม่ของการบริหารเศรษฐกิจยุคใหม่

 

วันนี้การศึกษาไม่ตอบโจทย์โลกสมัยปัจจุบัน ที่ผ่านมาวัตถุประสงค์หลักคือการให้ความรู้ แต่ต่อไปไม่ใช่แล้ว ต้องสร้างทักษะให้ทุกคนไปประกอบอาชีพการงานได้ ต้องพัฒนาทักษะชีวิตควบคู่กันไป

 

อภิสิทธิ์บอกบนเวทีอีกว่า เราจะต้องเตรียมพร้อมต่อการปรับตัวเข้าสู่สังคมสวัสดิการที่ครอบคลุม เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ กองทุนการออมเเห่งชาติ จะต้องขยายให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม

 

“และจะทำไม่ได้เลยถ้าไม่กระจายอำนานไปท้องถิ่น” อภิสิทธิ์ ย้ำ

 

ช่วงท้ายหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์สรุปว่า ทั้งหมดที่ได้กล่าวไปจะทำไม่ได้ หากการเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ตอบสนองต่อประชาชน อาจนำไปสู่ความขัดแย้ง รุนแรงและสูญเสีย

 

“พรรคประชาธิปัตย์จะเป็นแสงสว่างของประเทศไทย ที่จะนำประเทศไทยให้หลุดพ้นจากวงจรนี้ เราได้พิสูจน์มาแต่เริ่มต้นแล้ว และวันนี้มีการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคจากสมาชิกทั่วประเทศ ทั้งหมดจึงเห็นชัดว่าตั้งอยู่บนพื้นฐานความต้องการของประชาชน พรรคประชาธิปัตย์ได้สืบทอดความซื่อสัตย์สุจริตมาตลอดเกือบ 80 ปี ที่พรรคเราได้ยึดถือมา”

 

 

เมื่อถูกถามถึงทัศนะต่อการจัดการศึกษาด้านสังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ ที่มองว่าไม่ตอบโจทย์ความต้องการของประเทศ อภิสิทธิ์มองว่า คนทุกคนมีดีในตัวเอง เราส่งเสริมให้เขาค้นพบสิ่งนั้นให้เร็วที่สุดตั้งแต่ ม.ต้น และเราต้องจัดให้เกิดหลักสูตรเฉพาะตัว

 

ทำไมเราต้องบังคับให้เรียนสาระการเรียนรู้แบบสำเร็จรูป สังคมศาสตร์ก็ป้อนคนให้มีโอกาสในทุกๆ ด้าน แนวโน้มคือ สังคมศาสตร์จะตอบโจทย์ต้องมีความเป็นสหวิทยาการที่มากขึ้น ต้องมีหลักสูตรที่ตอบสนอง โดยมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ต้องลดอำนาจของกระทรวงศึกษาธิการ สกอ. และกระทรวงใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยเปิดโอกาสให้หน่วยงานเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนเรียนรู้ของนักศึกษา เพื่อให้มีโอกาสในการก้าวเข้าไปทำงานในหน่วยงานเหล่านั้น

 

อภิสิทธิ์ถูกถามว่า มีทัศนคติอย่างไรที่ กกต. จะมีการเลื่อนการเลือกตั้ง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์บอกว่า การเลือกตั้งเป็นผลประโยชน์ของประเทศไม่ใช่นักการเมือง เราจะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวโลก ประชาชนกำลังรอคอย และหวังโอกาสที่จะใช้การเลือกตั้งพลิกฟื้นเศรษฐกิจ เป้าหมายคือควรจะรักษากรอบเวลานี้ คสช. ควรที่จะเปลี่ยนกติกาทั้งหลายที่เป็นอุปสรรคออกไปทั้งหมด

 

วันนี้มีการอ้างความไม่พร้อมของพรรคการเมืองบางพรรค ถ้าเป็นแบบนี้ก็จะมีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา กกต. ต้องหาวิธีแก้ปัญหาให้ได้ ไม่มีเหตุผลใดที่จะเลื่อน ต้องเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศ สร้างโอกาสให้กับประชาชน

 

 

พรรคประชาชนปฏิรูป เน้นปฏิบัติแก้ทุกข์ร้อนประชาชน มองยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นเรื่องต้องมี

ไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป บอกว่า พรรคประชาชนปฏิรูปคือ พรรคระบบใหม่ แตกต่างจากพรรคเก่าด้วยการ ‘ปฏิบัติ’ ให้เห็น โดยพรรคจะต้องเป็นเครื่องมือของประชาชนในทุกๆ จังหวัด ผ่านกลไกของสภาประชาชนปฏิรูปของแต่ละจังหวัด เป็นเวทีให้ประชาชนมามี ‘บทบาท’ ไม่ใช่การมีส่วนร่วม ต้องการให้ประชาชนมีบทบาทโดยตรง เพื่อตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อำนาจรัฐในจังหวัดนั้นๆ

 

พรรคสนับสนุนประชาชนที่มีจิตสาธารณะที่ต้องการแก้ไขความทุกข์ร้อนในแต่ละจังหวัด เพราะหากหวังหน่วยงานรัฐ พรรคการเมืองมาแก้ ก็จะเห็นว่าเป็นปัญหามาโดยตลอด เพราะฉะนั้นต้องให้ประชาชนมีความเข้มแข็ง สร้างให้พรรคเป็นองค์กรสาธารณประโยชน์ เพื่อคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกสถานะ เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ทุกข์ร้อน เป็นภารกิจอันดับแรกของพรรค

 

ไพบูลย์ ย้ำว่า พรรคประชาชนปฏิรูปไม่ใช่พรรคที่มีนโยบายสวยหรู แต่เป็นนโยบายเอาจริงเอาจังที่มุ่งมั่นด้วยการกระทำ และทำตั้งแต่ยังไม่เลือกตั้ง

 

เมื่อถามถึงยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไพบูลย์มองว่า เป็นแผนหนึ่งที่ประเทศไหนก็ต้องมี บริษัท มหาวิทยาลัยก็ต้องมีแผน ไม่มีคงไม่ได้ การใช้คำว่ายุทธศาสตร์ก็ถูกอีก เพื่อให้ชัดว่าเราจะเดินไปทางไหน เมื่อมีแล้วทุกคนก็ทำ อย่าเอาอารมณ์ตัวเองมาเล่นงานประเทศชาติ คนที่บอกว่าไม่ต้องมีแผน ไม่ใช่คนที่จะเป็นผู้นำประเทศ ส่วนตัวสนับสนุนให้มี แต่เมื่อเดินหน้าไปแล้วมีปัญหาตรงไหนก็แก้ และเดินไปสู่ความยั่งยืน

 

 

เพื่อไทย ‘เราจะคว้าโอกาสของโลกยุคใหม่’ ทำให้ทุกคนมีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย เปิดเวทีด้วยการถามนิสิตในห้องประชุมที่กำลังจะได้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรกว่า จะไปหรือไม่? หลายคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไป”

 

คุณหญิงสุดารัตน์ออกตัวโดยใช้ ‘พี่’ เป็นสรรพนามเรียกตัวเอง ก่อนจะบอกว่า “พรรคพี่ถูกยุบหลายรอบ” แต่หากดูอดีตที่ผ่านมาตั้งแต่ไทยรักไทย จะเห็นว่าเราเชื่อในศักยภาพคนไทย หลักคิดของเรา ไม่ว่าจะตัวเล็กแค่ไหน เกษตรกร นิสิต นักธุรกิจ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ เราเอา ‘คน’ เป็นเซ็นเตอร์ ตามสโลแกน ‘หัวใจเพื่อประชาชน’ และเมื่อเชื่อในศักยภาพของคน เราจึงร่วมกันคิดกับประชาชน หานโยบายจากประชาชน กระจายโอกาส กระจายเม็ดเงินกลับไปที่ประชาชน

 

คุณหญิงสุดารัตน์ย้ำว่า อนาคตประเทศเริ่มจากการพัฒนาคนก่อน และการพัฒนาคนของโลกยุคใหม่ได้เปรียบคนรุ่นเก่า ทรัพย์สินของโลกยุคใหม่มีเพียงปลายนิ้ว ลึกกว้าง โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องเรียน เพราะเทคโนโลยีพัฒนาแบบไร้ขีดจำกัด จึงต้องดึงเอาสิ่งเหล่านี้มาเป็นโอกาสของคนไทยทุกคน

 

“เราจะคว้าโอกาสของโลกยุคใหม่มาเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนมีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น”

 

 

คุณหญิงสุดารัตน์ชี้ว่า พื้นฐานของประเทศไทยอยู่ที่การเกษตร วันนี้ไปเดินพบประชาชนพบว่า ปัญหานี้ไม่ได้กระทบแต่รากหญ้า ขึ้นมาที่ขนาดกลาง ขนาดย่อม ต้องเปิดโอกาสให้พวกเขาทำมาหากินได้

 

สำหรับประชาธิปไตยคือสิทธิเสรีภาพและโอกาสของเรา หากถูกปิดกั้นจะไม่สามารถนำโอกาสของเราและทรัพย์สินของโลกมาสู่การพัฒนาของเราได้

 

เมื่อถูกถามถึงวิกฤต ศรัทธาของระบอบประชาธิปไตย คุณหญิงสุดารัตน์บอกว่า ที่ผ่านมาเป็นการแย่งอำนาจกันของนักการเมืองและทหาร ที่เข้ามาปฏิวัติรัฐประหาร เพราะไม่ได้ปล่อยให้ประชาธิปไตยล้มลุกคลุกคลานด้วยตัวของมันเอง

 

ถ้าจะหยุดคือทุกพรรคการเมืองต้องปกป้องระบอบการปกครองที่เรียกว่าประชาธิปไตย เราต้องเริ่มต้นจากตัวเอง ปฏิรูปตัวเอง เคารพเสียงประชาชน เชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา ต้องเคารพการเลือกตั้ง เสียงออกมาอย่างไรต้องเคารพ และปรับปรุงตัวเองไม่ให้มีการทุจริตคอร์รัปชัน ที่สำคัญคือการฟังการมีส่วนร่วมของประชาชน ตราบใดที่เราไม่เชื่อมั่นในศักยภาพของประชาชน เราก็ไม่สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้

พรรครวมพลังประชาชาติไทย ต้องการสร้างพรรคการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริงให้เกิดขึ้น

จักษ์ พันธุ์ชูเพชร ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย บอกว่า ถ้าเรายังย่ำแบบเดิม เดินแบบเดิม การเมืองก็จะกลับมาแบบเดิม เราต้องออกจากกรอบนี้ให้ได้ ที่ผ่านมาเสียงของประชาชนไม่เคยไปถึงสภา เพราะพรรคการเมืองที่ผ่านมาล้วนแต่มีเจ้าของทั้งสิ้น และเมื่อพรรคการเมืองมีเจ้าของ มันคือบริษัทภายใต้ชื่อพรรคการเมือง เราต้องการสร้างพรรคการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริงขึ้น

 

เราจึงยืนยันว่าพรรครวมพลังประชาชาติไทยคือพรรคการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง เราให้สมาชิกทุกคนเป็นเจ้าของพรรคอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่สมาชิกไปหย่อนบัตรแล้วรอไปอีก 4 ปี คนที่เป็นสมาชิกของพรรคเป็นเจ้าของพรรค สมาชิกพรรคในฐานะเจ้าของพรรคเลือกกรรมการบริหารพรรคทุกตำแหน่ง รวมพลังประชาชาติไทย ทำไพรมารีโหวตทุกเขต แม้แต่การไปดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็ต้องถามประชาชนที่เป็นสมาชิกพรรคทั้งประเทศว่าเหมาะไหม

 

สามสิ่งที่ทำให้บ้านเมืองมีปัญหาคือ นักการเมืองขี้โกง ข้าราชการที่ไม่มีความจงรักภักดีต่อประชาชน นักธุรกิจที่แสวงหาประโยชน์ และการทุจริตคอร์รัปชัน จะยิ่งน่ากลัวเมื่อสามสิ่งนี้มารวมอยู่ในคนเดียว

 

 

พรรคอนาคตใหม่มองว่าการตลาดนโยบายแก้ไม่พอ สิ่งที่ต้องการคือเจตจำนงใหม่

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ บอกว่า นโยบายตอนนี้แทบจะเหมือนกันทุกพรรค เช่น การพัฒนาการศึกษา ไม่เอาระบบเกณฑ์ทหาร ทุกพรรคแทบจะไม่ต่างกัน

 

“แต่อนาคตใหม่ต่าง” ธนาธร บอก

 

ธนาธรบอกอีกว่า ช่วงเวลานี้ไม่ใช่การตลาดนโยบาย ไม่ใช่การผลิตนโยบายแต่ละตัวเพื่อแก้ปัญหาแต่ละจุด ปัญหาประเทศไทยใหญ่กว่านั้น ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่กดทับไว้อย่างจริงจังจะทำไม่ได้

 

หนึ่งในปัญหาที่ใหญ่คือ การแทรกแซงทางการเมืองของทหารของกองทัพ และอีกหนึ่งโครงสร้างที่เดินคู่กับกองทัพไทย ที่รวมกันเป็นอภิสิทธิ์ชนในสังคมไทย ผูกขาด และรวมอำนาจทางการเมือง คือกลุ่มทุนผูกขาดในประเทศไทย

 

ยกตัวอย่างเช่น นโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก ทุกคนเข้าใจและรู้ว่าไทยมีศักยภาพ เราสามารถควบคุมทางการตลาดของธุรกิจอาหารในตลาดโลกได้ แต่เมื่อมีนโยบายนี้ ท่านเห็นชาวนารวยขึ้นไหม นั่นเพราะถูกผูกขาดปัจจัยการผลิต ที่ดินถูกผูกขาดโดยคน 10% ปุ๋ยผูกขาดจาก 5 เจ้า เมล็ดพันธุ์ถูกเอากลับไปปรุงแต่งแล้วกลับมาทุ่มตลาด เพื่อผูกขาด ยาฆ่าแมลงอย่างพาราควอตนั้น คนในประเทศไทยตายมาแล้ว 100 กว่าคน แต่เราก็ไม่ยกเลิกเพราะมีคนสูญเสียประโยชน์จากสิ่งนี้

 

เมื่อคุมอำนาจทางการขาย ชาวนาถูกกดราคา แล้วรัฐต้องเข้าไปดูแล ภาษีของรัฐคือกำไรของนายทุน ประเทศไทยผูกขาดแหล่งทุน ชาวบ้านเข้าถึงแหล่งทุนยาก เรามี 14 ธนาคาร สำนักงานใหญ่อยู่กรุงเทพฯ หมด แต่เราไม่มีธนาคารท้องถิ่น

 

ทุนผูกขาดเพราะอิงแอบกับรัฐประหาร แอบสนับสนุนกองทัพ นอนเตียงเดียวกันมาตลอด ถ้าคุณไม่พูดถึงสิ่งเหล่านี้ คุณไม่อาจเปลี่ยนแปลงประเทศไทยได้เลย

 

“เราไม่ได้ตั้งพรรคขึ้นมาเพื่อให้เกิดความแตกแยก การตลาดนโยบายแก้ไม่พอ สิ่งที่ต้องการคือเจตจำนงใหม่ในการผลักดันสังคมไปข้างหน้าว่าเราจะเดินไปทางไหนในอีก 10 ปีข้างหน้า และผมอยากจะปักธงอนาคต และถ้าคุณเห็นด้วยกับเรา มาร่วมกับเรา”

 

 

เมื่อถูกถามว่าหากเป็นรัฐบาลจะมุ่งเน้นพัฒนาอะไร ธนาธรบอกว่าอยากสร้างอุตสาหกรรมรถไฟในประเทศไทย อนาคตใหม่ได้ทำการวิจัยและสรุปมาแล้ว คือไม่มีงานที่มีคุณภาพในต่างจังหวัด ในต่างจังหวัดมีงานที่มีคุณภาพที่จะจ่ายเงินเดือนสามหมื่นบาทน้อยมาก ต้องแก้ด้วยการสร้างอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศไทย

 

ธนาธรบอกว่าถ้าประเทศไทยเปลี่ยนมาใช้ระบบราง จะช่วยให้เราใช้ที่ดินน้อยลง ได้สุขภาวะที่ดีขึ้น ใช้พลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะรถยนต์ก่อให้เกิดความไม่เท่าเทียม เนื่องจากหลายคนรายรับไม่พอต่อการมีรถ

 

หากทุกคนเข้าไม่ถึงโอกาสคมนาคม ก็ไม่สามารถเข้าถึงการพัฒนาเศรษฐกิจ คำถามมีว่า ทำไมต้องเอาสิ่งเหล่านี้ไปอีสาน เพราะภาคอีสานมีประชาชนที่ยากจนสุด ต้องสร้างในอีสานเพื่อให้มีงานทำ เมื่อเราพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ได้ ไม่ต้องนำเข้า ได้ดุลการค้ามาก เสียดุลการค้าน้อย และไม่มีประเทศที่พัฒนาแล้วในโลกที่ทำเรื่องรถไฟไม่ได้

 

 

พรรคภูมิใจไทยลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน ส่งเสริมให้คนไทยเท่ากัน เท่าทัน และเท่าเทียม

ภราดร ปริศนานันทกุล พรรคภูมิใจไทย เริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามถึงทศวรรษที่หายไป และตอบคำถามด้วยการชี้ว่า “หายไปด้วยรัฐประหาร เสื้อเหลืองเสื้อแดง คอร์รัปชัน และวันหนึ่งมันก็วนกลับมาใหม่”

 

ภราดรบอกว่า เวลานี้ชนชั้นล่างไม่มีเงินในกระเป๋าแม้แต่จะจ่ายค่าเทอมให้ลูก วันนี้โพลถามประชาชนว่าอยากเห็นอะไรจากการเมืองมากที่สุด คำตอบแรกคือ อยากเห็นการเมืองช่วยเหลือเกษตร หนี้สิน ความยากจน

 

สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นคือประชาชนไม่มีจะกิน ผลสำรวจย้อนแย้งกับสิ่งที่ผู้มีอำนาจพูด รายได้ส่วนใหญ่กระจุกอยู่ที่คนรวย เสียงบ่นจากชาวบ้านจึงไม่หายไป และเกิดความเหลื่อมล้ำขึ้นในสังคม เพราะกติกาบ้านเมืองหรือกฎหมายไม่เป็นธรรม มันเอื้อประโยชน์ให้ทุนกลุ่มใหญ่โดยไม่ดูแลพี่น้องประชาชน

 

 

ภราดรบอกว่า พรรคภูมิใจไทยมีนโยบายลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน การลดอำนาจรัฐคือแก้ไขกรอบกฎหมายที่เป็นปัญหาต่อการประกอบสัมมาชีพ เพื่อให้เอื้อประโยชน์ต่อคนทุกคนในประเทศนี้อย่างเท่าเทียม

 

ต้องการกระจายผลประโยชน์เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ภราดรบอกว่า พรรคภูมิใจไทยจะแก้ด้วยการสร้างโครงสร้างใหม่ คือนำกำไรจากการขายข้าวสารกลับคืนให้กับชาวนา

 

สุดท้ายภราดรย้ำว่า พรรคภูมิใจไทยจะฟังมากกว่าพูด ทำมากกว่าพูด ทำให้เกิดเป็นสังคมแห่งการแบ่งปัน ส่งเสริมให้คนไทยเท่ากัน เท่าทัน และเท่าเทียม

 

และมองว่าการพัฒนาการเมืองไม่ได้เฉพาะเจาะจงอยู่ที่ Gen ใด Gen หนึ่ง เป็นเรื่องของคนทุกคน ของทุกพรรคการเมือง ที่จะต้องช่วยกันรับฟังความคิดเห็นของคนทั้งประเทศ เพื่อนำเอาความคิดเห็นมาประมวลและร้อยเรียงเป็นนโยบาย ว่าแต่ละพรรคการเมืองมีนโยบายแก้ปัญหาของประเทศนี้อย่างไร และเมื่อเวลามาถึงเราก็โยนการตัดสินใจไปที่ประชาชน

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising