×

กาง 6 มาตรการรับคนเข้า-ออกไทยช่วงเทศกาลปีใหม่ คาดเกิน 1.5 แสนต่อวัน

โดย THE STANDARD TEAM
18.12.2023
  • LOADING...
ตรวจคนเข้าเมือง ปีใหม่

วานนี้ (17 ธันวาคม) พล.ต.ต. เชิงรณ ริมผดี ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 (ผบก.ตม.2) และโฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวถึงความพร้อมในการเตรียมรองรับนักท่องเที่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ว่า คาดการณ์ว่าจะมีคนไทยและต่างชาติเดินทางเข้า-ออกระหว่างประเทศโดยเฉพาะสนามบินสุวรรณภูมิกว่าวันละ 1.5 แสนคน จากเดิมราววันละ 1.2 แสนคน เนื่องจากนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว วีซ่าฟรี ของรัฐบาล

 

พล.ต.ต. เชิงรณ กล่าวว่า ปัจจุบันสนามบินอาจมีความแออัดของผู้โดยสาร เนื่องจากการขยายตัวของเที่ยวบินและคนเดินทางที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อเทียบกับพื้นที่อาคารผู้โดยสารที่มีในปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องใช้วิธีบริหารจัดการเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้เดินทางในช่วงที่มีเที่ยวบินหนาแน่น ซึ่งจะมียอดคนเข้าประเทศสูงสุดราว 5,000-6,000 คนต่อชั่วโมง และคนออกประเทศสูงสุดราว 4,000 -5,000 คนต่อชั่วโมง ทาง บก.ตม.2 ในฐานะรับผิดชอบการตรวจคนเข้า-ออกทางด่าน ตม. สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ และหาดใหญ่ ทำหน้าที่คัดกรองคนเข้า-ออกประเทศภายใต้หลักความมั่นคงของประเทศ ได้กำหนดมาตรการรองรับสำคัญ ได้แก่

 

  1. จัดกำลังพลเสริมหน้าที่เวร โดยให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเสริมเวรประจำเคาน์เตอร์ก่อนเวลาเข้าเวรปกติ 3-4 ชั่วโมง เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนกำลังพล โดยได้รับการสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจากด่านต่างๆ ทั่วประเทศจาก ผบช.สตม. มาอีก 150 นาย ซึ่งจะสามารถจัดกำลังพลประจำเคาน์เตอร์ตรวจเข้าและออกได้มากที่สุด ทั้งนี้ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ได้ขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองงดขาด ลาพักผ่อน เพื่อช่วยกันดูแลพี่น้องที่เดินทางระหว่างประเทศได้อย่างเต็มกำลัง
  1. ใช้วิธีการเกลี่ยปริมาณผู้โดยสารขาเข้าที่สนามบินสุวรรณภูมิทั้ง 3 โซน ให้สมดุลกัน โดยหากฝั่งใดที่มีผู้โดยสารลงเครื่องหลายเที่ยวบินพร้อมกัน เป็นคลื่นคนขนาดใหญ่ หากโถง ตม. ฝั่งนั้นเริ่มเต็ม ก็จะมีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองโบกให้ผู้โดยสาร ไปโซนถัดไปที่หนาแน่นน้อยกว่า ซึ่งจะทำให้ได้รับการตรวจหนังสือเดินทางได้เร็วขึ้น
  1. ผู้โดยสารที่มีเด็กเล็ก มีผู้สูงอายุ และผู้พิการ จะมีการคัดแยกให้รับการตรวจที่ช่องทาง Priority เพื่อความสะดวกในการรับการตรวจ
  1. สำหรับผู้โดยสารคนไทยได้ลดขั้นตอนการสแกนลายนิ้วมือที่ช่องตรวจหนังสือเดินทางไทยทั้งขาเข้าและขาออก เนื่องจากคนไทยมีฐานข้อมูลหนังสือเดินทางไทยในระบบอยู่แล้ว
  1. ประสานงานร่วมกับสายการบิน กรณีพบผู้โดยสารที่เสี่ยงตกเครื่องในขาออก ให้ประสานกับทาง ตม. ขาออก เพื่ออำนวยความสะดวกให้ทันขึ้นเครื่อง
  1. พัฒนาระบบ Automatic Channel ขาออก สนามบินสุวรรณภูมิ ให้รองรับการตรวจคนต่างชาติที่ใช้ E-Passport กว่า 70 ชาติทั่วโลก โดยเริ่มใช้งานตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2566 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นของขวัญปีใหม่ของ สตม. ตามนโยบายของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

 

พล.ต.ต. เชิงรณ กล่าวอีกว่า ในช่วงเที่ยวบินลงที่สุวรรณภูมิพร้อมกัน บางชั่วโมงสูงถึง 25 เที่ยวบิน จะมีคลื่นผู้โดยสารขนาดใหญ่โถมเข้าที่โถง ตม. ซึ่งอาจมีภาพการสะสมของผู้โดยสาร ซึ่งทาง ตม. ได้มีมาตรการเร่งระบาย โดยใช้เวลาตรวจคัดกรองกว่า 7 ขั้นตอนตามมาตรฐานความมั่นคงทันทีที่ยื่นพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่ โดยจะใช้เวลาไม่เกินคนละ 45 วินาทีเท่านั้น นอกจากนั้นยังมีการทดลองจับเวลาผู้โดยสารที่เดินเข้าโถง รอคิว และรับการตรวจต่อคน พบว่าใช้เวลารอเข้ารับการตรวจราว 18-20 นาที ซึ่งทาง ตม. จำเป็นต้องคัดกรองคนร้ายชาวต่างชาติที่อาจแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวมาด้วยเช่นกัน

 

ส่วนขาออกที่สุวรรณภูมิต้องเผื่อเวลาในขั้นตอนการ Check In ที่เคาน์เตอร์สายการบิน การผ่านจุดตรวจค้นตามหลักความปลอดภัยสากล  การผ่าน ตม. และการเดินไปที่หลุมจอดเพื่อขึ้นเครื่อง ซึ่งโดยรวมอาจต้องเผื่อเวลาไว้ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง ซึ่งในส่วนของ ตม. หลังจากที่มีการใช้ Automatic Channel ขาออก สนามบินสุวรรณภูมิ ให้รองรับการตรวจคนต่างชาติที่ใช้ E-Sassport กว่า 70 ชาติทั่วโลกแล้ว พบว่าสามารถระบายความหนาแน่นของผู้โดยสารได้ดีขึ้นราว 6,000 คนต่อชั่วโมง จากเดิมตรวจระบายได้เพียง 4,100 คน

 

“ยืนยันว่านายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวมถึง ผบช.สตม. ให้ความสำคัญกับการอำนวยความสะดวกภายใต้หลักความมั่นคง และ ตม. ถือเป็นหน้าตาของประเทศ จึงต้องใส่ใจในการปฏิบัติให้ดีที่สุด โดยเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะเรียกคืนบรรยากาศการท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคักเหมือนเดิม โดย พล.ต.ท. อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. จะเดินทางไปมอบนโยบายแก่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินสุวรรณภูมิในวันที่ 21 ธันวาคม 2566 ต่อไป” พล.ต.ต. เชิงรณ กล่าว 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X