วันนี้ (19 พฤษภาคม) ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) รายงานการบุกเข้าทลายโกดังขนาดใหญ่ในพื้นที่อำเภอพันท้ายนรสิงห์ จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บและกระจายสินค้าปลอมแปลงเครื่องหมายการค้า ทั้งแบรนด์ไทยและต่างประเทศ ยึดของกลางได้กว่า 78,000 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 52 ล้านบาท พร้อมจับกุมผู้ดูแลชาวจีน 2 ราย คาดเชื่อมโยงนายทุนใหญ่ ลักลอบขายผ่านช่องทางออนไลน์ มียอดขายสูงถึงวันละกว่า 2,000 ชิ้น
ปฏิบัติการเข้าตรวจค้นดังกล่าวมีขึ้นเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปอศ. นำกำลังเข้าตรวจสอบโกดังลักษณะคล้ายอาคารเก็บสินค้า ซึ่งจากการตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่ามีการดัดแปลงพื้นที่ด้านหลังเพื่อใช้เป็นที่จัดเก็บสินค้าจำนวนมาก ภายในโกดังพบสินค้าปลอมเครื่องหมายการค้าหลากหลายประเภท ทั้งผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค เช่น อาหารเสริม ครีมบำรุงผิว เครื่องสำอาง ถุงยางอนามัย ไปจนถึงกระเป๋าแบรนด์เนม และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์ วิทยุสื่อสาร เป็นจำนวนมาก
ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว เซียน อายุ 27 ปี และ หาง อายุ 19 ปี ซึ่งรับหน้าที่เป็นผู้ดูแลและผู้จัดการสินค้าภายในโกดัง พร้อมทั้งตรวจยึดของกลางทั้งหมดรวมกว่า 78,000 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 52 ล้านบาท
พล.ต.ต. ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า การทลายโกดังสินค้าปลอมครั้งนี้ เป็นผลมาจากการขยายผลการจับกุมผู้ขายสินค้าปลอมผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แกะรอยจนทราบแหล่งที่ตั้งของโกดังแห่งนี้ และขออนุมัติศาลออกหมายค้นเข้าตรวจสอบ พบว่ามีการลักลอบจำหน่ายสินค้าปลอมผ่านช่องทางออนไลน์เป็นจำนวนมาก โดยมียอดขายสูงถึงกว่า 2,000 ชิ้นต่อวัน
พล.ต.ต. ทัศน์ภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันสถานการณ์การค้ามีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะสินค้าจากประเทศจีนที่เข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ทั้งสินค้าที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย โดยสินค้าที่ผิดกฎหมายส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางและกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ร่วมกันปราบปรามอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นเป้าหมายไปที่โกดังขนาดใหญ่ที่ใช้จัดเก็บสินค้า จากสถิติในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา สามารถตรวจยึดสินค้าปลอมได้แล้วถึง 6 ครั้ง รวมจำนวนกว่า 100,000 รายการ
สำหรับสินค้าปลอมที่ตรวจยึดได้ในครั้งนี้ ส่วนใหญ่เชื่อว่าถูกผลิตในประเทศจีน และลักลอบนำเข้ามาพร้อมกับสินค้าที่ถูกกฎหมาย หลังจากนี้ทางตำรวจจะประสานงานกับกรมศุลกากรเพื่อตรวจสอบและขึ้นบัญชีดำบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าสินค้าผิดกฎหมายต่อไป
ด้านตัวแทนผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายจากสินค้าปลอม เปิดเผยว่า พบสินค้าของตนเองถูกนำไปจำหน่ายบนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างน้อย 3 แพลตฟอร์มหลัก ซึ่งที่ผ่านมาได้พยายามแจ้งเรื่องร้องเรียนไปยังแพลตฟอร์มต่างๆ แต่การดำเนินการค่อนข้างล่าช้า ส่งผลให้สินค้าปลอมยังคงถูกจำหน่ายเป็นจำนวนมาก สร้างความเสียหายต่อผู้ประกอบการ และผู้บริโภคที่ได้รับสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ โดยสินค้าปลอมมักจำหน่ายในราคาที่ถูกกว่าสินค้าจริง หรือมีการให้ส่วนลดพิเศษ จึงอยากเรียกร้องให้ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันปิดกั้นช่องทางการขายสินค้าปลอมอย่างจริงจัง
ในส่วนของการดำเนินคดี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหามีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วในราชอาณาจักร ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 แก่ผู้ต้องหาชาวจีนทั้งสองคน
โดยพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวและส่งศาลฝากขัง พร้อมเตรียมขยายผลการสอบสวนไปถึงคนไทยที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนบริษัทหรือเป็นนอมินี รวมถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดในขบวนการนี้ต่อไป