Forbes เปิดเผยรายชื่อ 50 ผู้หญิงสูงวัยสุดเก่งและสุดแกร่ง ผู้ทรงอิทธิพลประจำภูมิภาคเอเชีย ซึ่งมาจากทุกสาขาอาชีพในทุกแวดวงธุรกิจ สังคม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการเมือง โดยผู้หญิงกลุ่มนี้มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป และอยู่ในตำแหน่งผู้นำหรือแกนนำที่ได้รับการยอมรับนับถือในวงการมาอย่างยาวนาน
สำหรับรายชื่อของผู้หญิงที่ติดโผเข้ามาและเป็นที่รู้จักกันดีในวงกว้าง เช่น มิเชล โหยว่ นักแสดงระดับตำนานชาวมาเลเซีย, แอน ฮุย ผู้กำกับและนักเขียนบทชื่อดังชาวฮ่องกง วัย 73 ปี และ มาเรีย เรสซา ผู้สื่อข่าวชาวฟิลิปปินส์ วัย 58 ปี เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปี 2021
ในส่วนของประเทศไทยมีหญิงเก่งอยู่ในรายชื่อจากการจัดทำของ Forbes อยู่ 4 คน
คนแรกคือ จรีพร จารุกรสกุล ประธานผู้ร่วมก่อตั้งเครืออุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ยักษ์ใหญ่ WHA Group และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังที่คอยผลักดันแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก หรือ EEC
จรีพรเป็นผู้หญิงไทยแถวหน้าที่ได้รับการยอมรับในเรื่องแนวคิดเพื่อการพัฒนาประเทศ บทบาทของเธอในฐานะผู้นำองค์กรใหญ่อย่าง WHA Group สอดรับกับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่สำคัญทั่วโลก อาทิ การเปิดรับนักลงทุนชาวจีนท่ามกลางสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และการกระจายการลงทุนไปสู่โครงสร้างพื้นฐานด้านการดูแลสุขภาพท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด
คนที่ 2 คือ สุภิญญา จันสุตะ หรือ เจ๊ไฝ เชฟสตรีทฟู้ดระดับมิชลินสตาร์ เจ้าของตำนานไข่เจียวปูราคาหลักพันผู้เลื่องชื่อ โดย Forbes ให้เหตุผลของการจัดเจ๊ไฝเข้ามาอยู่ในรายชื่อผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลในเอเชีย เป็นเพราะการทุ่มเททำงานในอาชีพของตนเองมาอย่างยาวนาน และสามารถรักษามาตรฐาน ทั้งรสชาติและวัตถุดิบให้คงที่มาตลอด 40 ปี ยืนยันได้จากรางวัลมิชลินที่เจ้าตัวได้รับหลายปีต่อเนื่องกันนับตั้งแต่ปีแรกในปี 2018 ยังไม่นับรวมการที่เจ๊ไฝเป็นเชฟสตรีทฟู้ดคนแรกที่ได้รับรางวัล 50 Best’s Icon Award ในปี 2021 ที่ผ่านมาด้วย
คนที่ 3 คือ มาดามแป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.เมืองไทยประกันภัย หรือ MTI ควบตำแหน่งผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติไทย ซึ่งความโดดเด่นของมาดามแป้งไม่ได้อยู่ที่ทรัพย์สินมหาศาล และการเป็นทายาทผู้สืบทอดธนาคารพาณิชย์ชั้นนำรายใหญ่ของไทยเท่านั้น แต่ผลงานในฐานะผู้บริหาร ผู้จัดการทีมชาติ และดีไซเนอร์ผู้ออกแบบกระเป๋าแบรนด์หรู Hermès ก็ได้พิสูจน์ความสามารถที่เก่งกาจของมาดามแป้งจนติดอยู่ในโผหญิงเก่งสุดแกร่งแห่งเอเชียได้ไม่ยาก
ปิดท้ายด้วยหญิงไทยคนสุดท้ายคือ รื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผู้หญิงไทยคนแรกที่ได้รับตำแหน่งดังกล่าวตั้งแต่ปี 2017 ซึ่งภายใต้การบริหารงานของรื่นวดี ได้ยกระดับตลาดทุนไทยให้มีความโปร่งใสมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดระเบียบเพื่อป้องกันปัญหา Insider Trading และการยกระดับกวาดล้างการหลอกลวงฉ้อโกงในตลาดหุ้น รวมถึงการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) สามารถเข้าถึงตลาดหุ้นเพื่อระดมทุนขยับขยายธุรกิจ
นอกจากนี้ รื่นวดียังเป็นผู้ริเริ่มวางโครงสร้างพื้นฐานให้ตลาดหลักทรัพย์ไทยพร้อมรองรับสินทรัพย์ดิจิทัล โดยสำนักงาน ก.ล.ต. ภายใต้การนำทัพของเธอนั้นมีบทบาทอย่างยิ่งในการจัดการความปั่นป่วนของโลกคริปโตและ NFT
อ้างอิง:
