×

5 วิธีจัดการปัญหาสิวของหนุ่มสาววัยทำงานที่รับรองว่าเวิร์ก

05.01.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins read
  • รู้จักวิธีจัดการสิวของหนุ่มสาววัยทำงาน ตั้งแต่เข้าใจสาเหตุ ทำความเข้าใจเรื่องการล้างหน้า ทาครีมกันแดดด้วยผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้อง รวมถึงการปรับไลฟ์สไตล์ชีวิตเพื่อให้การจัดการสิวเป็นไปอย่างได้ผล

แม้จะผ่านพ้นช่วงวัยรุ่นมาแล้ว แต่คนวัยทำงานหลายคนยังเผชิญกับปัญหาสิวที่ไม่หมดไปสักที THE STANDARD จึงรวบรวมวิธีรับมือปัญหาสิวของหนุ่มสาววัยทำงาน ไม่ว่าสิวของคุณจะเกาะแน่นแค่ไหน ถ้ามาทำความเข้าใจตั้งแต่สาเหตุไปจนถึงการรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นเจ้าของสุขภาพผิวใสไร้สิวอย่างได้ผล

 

 

Step 1: เข้าใจสาเหตุของสิววัยทำงาน

หลายคนมีความเข้าใจแบบทฤษฎีเดิมๆ เช่น ‘สิวเกิดจากความสกปรก จึงต้องล้างหน้าให้สะอาดหมดจด’ หรือ ‘สิวเกิดจากการที่ร่างกายผลิตน้ำมันที่ชั้นผิวหนังมากเกินไป เมื่อเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วเกิดการอุดตันรูขุมขนก็จะทำให้เกิดสิว’ แต่สำหรับสิวของหนุ่มสาววัยทำงานนั้นไม่ได้มีสาเหตุมาจากความมันส่วนเกินหรือความสะอาดเสมอไป หากแต่เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ฮอร์โมนเกิดการเปลี่ยนแปลง บวกกับรูปแบบการใช้ชีวิตที่ไม่เหมือนเดิม ตั้งแต่เริ่มทำงานก็นอนดึกต่อเนื่อง บางวันเครียด บางวันดื่มหนัก ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ชีวิตที่เร่งรีบทำให้ไม่ได้รับประทานอาหารที่ปรุงสดใหม่ (ส่วนใหญ่พึ่งอาหารแช่แข็งอุ่นไมโครเวฟ) รูปแบบการใช้ที่ไม่ถูกสุขลักษณะแบบนี้ส่งผลต่อฮอร์โมนจนเสียสมดุล กระบวนการผลัดเซลล์ผิวทำงานได้ไม่เต็มที่ สิวจึงเกิดขึ้นได้ง่าย

We Say: แม้การปรับรูปแบบชีวิตของหนุ่มสาววัยทำงานจะทำได้ยาก แต่ต้องเริ่มต้นปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อปรับสมดุลของฮอร์โมนให้คงที่ ซึ่งสามารถทำได้โดยเข้านอนในช่วงเวลาที่เหมาะสม ควรนอนหลับให้ได้อย่างน้อย 6 ชั่วโมง และควรเข้านอนเวลาเดิมอย่างสม่ำเสมอจนร่างกายสามารถจดจำพฤติกรรมการนอนได้ การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอมีผลทำให้สิวลดลงได้จริง

 

 

Step 2: ลบวิธีล้างหน้าผิดๆ เมื่อเป็นสิว
การรักษาความสะอาดเป็นจุดเริ่มต้นของผิวใสไร้สิวก็จริง แต่สำหรับคนที่เป็นสิวอยู่แล้วมักจะเข้าใจผิดว่ายิ่งต้องประโคมผลิตภัณฑ์ล้างหน้าเพื่อทำให้ผิวสะอาดมากที่สุด บางคนทั้งล้าง ทั้งขัด และเช็ดหน้าวันละหลายครั้ง เพราะมีความเชื่อว่าจะช่วยป้องกันไม่ให้สิวเพิ่มขึ้น ความจริงคือการทำความสะอาดผิวที่เป็นสิวมากไปอาจเกิดหายนะมากกว่าผลดี เพราะการล้างหน้าหลายครั้งจะทำให้ความชุ่มชื้นถูกชะล้างออกไปด้วย สิ่งที่ตามมาคือผิวหน้าแห้ง เคราตินจึงทำการปกป้องผิว ซึ่งการมีเคราตินเยอะๆ ส่งผลให้รูขุมขนเกิดการอุดตันง่ายกว่าปกติ สิวจึงยิ่งเห่อออกมามากกว่าเดิมเสียอีก

We Say: เมื่อเป็นสิว ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ระคายเคืองผิว อาจเป็นสบู่เจล หรือสบู่ก้อนก็ได้ โดยทำความสะอาดผิวในตอนเช้าและตอนเย็น ไม่ขัดหรือถูผิวหน้าแรงๆ เพื่อป้องกันไม่ให้สิวที่มีอยู่แล้วเกิดการอักเสบตามมา

 

 

Step 3: เป็นสิวก็แต่งหน้าได้ แค่เลือกใช้เครื่องสำอางให้ถูกวิธี

ผู้หญิงวัยทำงานหลายคนคงไม่กล้าไปทำงานหรือพบเจอผู้คนด้วยการเปลือยหน้าสดเป็นแน่ เข้าใจว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเติมเครื่องสำอางไม่ให้ลุคโดยรวมดูแย่เกินไป แม้ในขั้นตอนแก้ไขปัญหาสิว การหลีกเลี่ยงด้วยการไม่แต่งหน้าดูจะเป็นวิธีที่ควรทำ แต่ความจริงการแต่งหน้าสามารถทำได้ เพียงแต่มีเรื่องที่ต้องระมัดระวังพอสมควร และคนเป็นสิวควรทำตามอย่างเคร่งครัดเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาสิวให้ดีขึ้น

We Say: หัวใจหลักของการแต่งหน้าในคนที่เป็นสิวขึ้นอยู่กับการเลือกผลิตภัณฑ์อย่างถูกต้องเหมาะสม กฎง่ายๆ ที่เราอยากให้จำไว้คือหลีกเลี่ยงรองพื้นที่มีส่วนประกอบของน้ำมันสูง ซึ่งพบมากในรองพื้นเนื้อลิควิดและแบบครีม รวมถึงคุชชันที่กำลังนิยมใช้กันด้วย ตัวช่วยที่เหมาะสมคือเปลี่ยนมาใช้แป้งผสมรองพื้นและแป้งฝุ่นแทนการใช้รองพื้น ส่วนการใช้คอนซีลเลอร์ก็สามารถทำได้ เพียงเลือกคอนซีลเลอร์ที่ใช้กับผิวเป็นสิวโดยเฉพาะ โดยใช้แต้มเฉพาะจุดเพื่อปกปิดรอยแดงของสิว

 

 

Step 4: งดครีมกันแดดเนื้อซิลิโคน

แม้การทาครีมกันแดดจะเป็นสิ่งที่ห้ามลืมในชีวิตประจำวัน แต่รู้ไหมว่าครีมกันแดดบางประเภทส่งผลเลวร้ายต่อผิวที่เป็นสิวแบบคาดไม่ถึง โดยเฉพาะครีมกันแดดเนื้อซิลิโคนที่หลายคนชื่นชอบ ด้วยเท็กซ์เจอร์ที่ทาง่าย ลื่นสบายผิว แถมยังช่วยให้เครื่องสำอางติดทนและสวยเนียน ท่ามกลางความคิดที่แสนสบายใจเหล่านั้น หารู้ไม่ว่าเจ้าเนื้อซิลิโคนนี่ตัวดีเลยล่ะ เพราะเป็นตัวการสำคัญของการอุดตันรูขุมขน อันเป็นต้นเหตุของการเกิดสิวนั่นเอง

We Say: เลือกครีมกันแดดสูตรครีมหรือสูตรเจลสำหรับผิวเป็นสิวโดยเฉพาะ ซึ่งตามท้องตลาดมีหลายยี่ห้อที่ผลิตออกมาตอบโจทย์คนเป็นสิว เช่น Eucerin, Cetaphil, La Roche-Posay, Smooth-E และ Spectraban ซึ่งมีลักษณะอ่อนโยน บางเบา เหมาะสำหรับผิวที่บอบบางและระคายเคือง

 

 

Step 5: รักษาสิวทั้งยากินและยาทา

แพทย์ผิวหนังและความงาม โยชิกิ โนบุโกะ ระบุกฎของการรักษาสิวอย่างมีประสิทธิภาพเอาไว้ในหนังสือ กฎแห่งผิวสวย ว่า “เมื่อเป็นสิว หลายคนคิดว่าต้องหายาทา แต่สิวในผู้ใหญ่มีสาเหตุจากฮอร์โมนเสียสมดุล การทายาฆ่าเชื้อแบคทีเรียจึงไม่ใช่วิธีรักษาสิวจากต้นเหตุ ยาทาสิวจึงเป็นเพียงตัวช่วยเท่านั้น สิ่งสำคัญคือการปรับรูปแบบการใช้ชีวิต หากจำเป็นต้องรับประทานยาเพื่อช่วยเสริมการรักษาจากภายใน แต่การใช้ยาปฏิชีวนะต่อเนื่องเป็นเวลานานจะส่งผลข้างเคียงได้ จึงควรเลือกยาสมุนไพรจีนเป็นทางเลือก ซึ่งแม้จะมีผลข้างเคียงเหมือนกัน แต่อาจน้อยกว่ายาปฏิชีวนะ”

 

We Say: หากต้องเลือกยาทาสำหรับผิวเป็นสิว มีเรื่องต้องระวังดังนี้

  • สำหรับคนผิวบอบบาง ไม่ควรเลือกยาทาสิวชนิดที่มีกรดไกลซีรีซิน (Glycyrrhizic Acid) เพราะแม้จะยับยั้งการอักเสบและช่วยฆ่าเชื้อสิว แต่มีความระคายเคืองสูงมาก ยาทาสิวที่มีส่วนผสมของยาปฏิชีวนะมีทั้งชนิดครีม โลชั่น และเจล ซึ่งเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับทุกสภาพผิว และไม่มีผลข้างเคียงเหมือนยากิน
  • ยาทาและผลิตภัณฑ์ประเภทที่มี AHA เป็นส่วนประกอบที่อยู่ในรูปของสบู่หรือโทนเนอร์เช็ดผิวจะทำให้ผิวแห้งง่าย การที่ผิวแห้งมาก เคราตินจะออกมาปกป้องผิว ทำให้เกิดการอุดตันมากขึ้นและเสี่ยงต่อการเป็นสิว ถ้าอยากลดการอุดตัน เลือกยาที่มีส่วนผสมของสารอะดาพาลีน (Adapalene)
  • ยากินที่มีขายตามคลินิกผิวหนัง ส่วนมากจะมีส่วนประกอบของวิตามินต่างๆ ที่มีคุณสมบัติของการควบคุมการขับน้ำมันในผิว แต่ไม่ใช่จะได้ผลดีกับทุกคน หากใครรับประทานยาแล้วไม่ค่อยเห็นผลก็ควรหยุด แล้วใช้วิธีทายาแต้มสิวดีกว่า ส่วนยาปฏิชีวนะมีผลข้างเคียงคือท้องเสีย ท้องผูก และวิงเวียนศีรษะ ไม่ควรกินต่อเนื่อง เพราะไม่ส่งผลดีต่อการทำงานของตับ
  • ยาฮอร์โมน หรือยาคุม ที่มีความเชื่อกันว่ากินแล้วสิวลด สิวหาย หลักความจริงคือยาฮอร์โมนไม่ได้มีหน้าที่รักษาสิว และไม่ใช่ยาที่จะเอามาใช้ทั่วไปได้ ดังนั้นจึงควรคำนึงว่ายาคุมกำเนิดไม่ใช่ยารักษาสิวอย่างที่หลายคนนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหา
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X