หนึ่งในไฮไลต์ของงาน World Marketing Forum ครั้งที่ 3 ที่สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (Marketing Association of Thailand) ร่วมกับสหพันธ์การตลาดแห่งเอเชีย (Asia Marketing Federation) จัดขึ้นมา คือการบรรยายจากผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาการตลาดสมัยใหม่
ฟิลิป คอตเลอร์ (Philip Kotler) ปรมาจารย์ด้านการตลาดระดับโลก บิดาการตลาดสมัยใหม่ Live จากฟลอริดา สหรัฐอเมริกา บรรยายหัวข้อ A Lifetime of Marketing Wisdom Through the Winds of Change โดยเล่าถึงการเปลี่ยนแปลงในวงการการตลาด และแนวทางการตลาดยุค 6.0 ว่า การที่อยู่ในแวดวงการตลาดมากว่า 60 ปี สิ่งที่ได้เรียนรู้คือการตลาดเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จากการตลาด 1.0 มาจนถึงการตลาด 6.0 ทำให้ธุรกิจต้องเรียนรู้และปรับตัวตามให้ทันจึงจะคว้าชัยชนะ
“ภายใน 5 ปีจากนี้ ถ้าคุณยังทำธุรกิจเหมือนเดิม คุณก็จะไม่สามารถอยู่ในธุรกิจได้อีกต่อไป แต่จะโดนเตะออกจากธุรกิจ” ฟิลิประบุเช่นนั้น
บิดาการตลาดสมัยใหม่ ให้คำจำกัดความการตลาด 6.0 สิ่งที่เกิดขึ้นคือ MarTech หรือการผสานการตลาดเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัลสุดล้ำ โดยนักการตลาดจะต้องทำความเข้าใจกับเครื่องมือดิจิทัล เพื่อนำมาใช้เป็น ‘ตัวช่วย’ ในการสร้างประสิทธิภาพทางการตลาด เข้าถึงความต้องการของลูกค้าเชิงลึก (Insight) และเฉพาะเจาะจง (Personalized) เพิ่มยอดขายและกำไรได้ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ซีอีโอต้องการ
“เรามีคอมพิวเตอร์มากกว่าการเป็นเครื่องมือในการเขียน มีอินเทอร์เน็ต มีการปฏิวัติดิจิทัลต่างๆ มี Social Media, E-Commerce ทำให้การตลาดเปลี่ยนไปจากยุคการพิมพ์สู่ยุคเสียง ภาพเคลื่อนไหว และการปฏิสัมพันธ์แบบทันที โดย Machine Learning, AI, Algorithm สามารถคำนวณสูตรต่างๆ จากการเก็บข้อมูลลูกค้า (Customer Journey) ทำให้เข้าใจความต้องการของลูกค้าที่ซับซ้อนได้ดีขึ้น นำกลับไปวางแผนการตลาด นำเสนอวิธีการตลาดใหม่ๆ หรือแม้แต่รู้ข้อมูลคู่แข่ง เพื่อปรับแผนการตลาดได้ทันท่วงที ขณะที่ ChatGPT สามารถผลิตข้อความได้มากมาย ทำให้นักการตลาดสามารถนำเทคโนโลยีมาช่วยในการทำงานสร้างพลัง Content Marketing เพื่อให้มีเวลาไปคิดในเชิงสร้างสรรค์แทน”
นอกจากนี้ นักการตลาดยังสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลในการกำหนดกลยุทธ์และสื่อสารการตลาด เช่น การใช้ Social Media และ Influencer มาช่วยเพิ่มยอดขาย เทคโนโลยีดิจิทัล ยังจะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Immersive Marketing หรือการสร้างการตลาดเสมือนจริง
เช่น Metaverse ที่บริษัทหรือนักการตลาดพยายามจะสร้างโลกเสมือนจริงให้ผู้บริโภคไปอยู่ในนั้น มีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน เหมือนถูกกระตุ้นให้อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง
ขณะเดียวกัน ในมุมผู้บริโภคเองก็ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นความฉลาดในการตัดสินใจซื้อ รู้ข้อมูลผลิตภัณฑ์และบริการจากโลกออนไลน์ ทำให้ ‘โฆษณา’ จะเป็นสิ่งที่ถูกด้อยค่าลง กลายเป็นโลกใบใหม่ทั้งกับนักการตลาดและผู้บริโภค
“ผู้บริโภคจะเลือกซื้อแบรนด์ที่ดีที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องดูโฆษณาหรือคนขายเลย เพราะโลกดิจิทัลทำให้พวกเขามีข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าที่สืบค้นได้อยู่แล้ว สามารถประเมินราคาสินค้ากับคู่แข่ง และถ้าผู้บริโภครักในแบรนด์จะเป็นคนที่กลับมาช่วยโปรโมตแบรนด์ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญของแบรนด์คือ Smart Pricing (ราคาที่สมเหตุสมผล) และการมีแบรนด์ที่แข็งแรงด้วยคุณค่า เช่น แบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ดูแลสังคมทำให้โลกยั่งยืน มีช่องทางหลักในการสัมผัสกับลูกค้า (Touch Point) และมีความคิดสร้างสรรค์” บิดาการตลาดสมัยใหม่กล่าวสรุป