- Tesla ราคาหุ้นพุ่งแรงอีกครั้ง หลังนักวิเคราะห์ปรับเป้าใหม่ โดยปิดตลาด 780 ดอลลาร์ (+19.9%) ปรับตัวขึ้นแรงสุดในรอบ 6 ปี หลังจากที่ Argus Research ปรับราคาเป้าหมายใหม่ของหุ้น Tesla เป็น 808 ดอลลาร์ จากเดิม 556 ดอลลาร์ พร้อมคาดการณ์กำไรต่อหุ้นเป็น 8.01 ดอลลาร์ จากเดิม 5.96 ดอลลาร์ และจะขยับไปถึง 2 เท่าในปี 2021 เหตุผลในการปรับครั้งนี้เนื่องจากผลประกอบการไตรมาส 4 ของ Tesla แข็งแกร่ง โดยนับตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม ราคาหุ้น Tesla ปรับตัวขึ้นมา +84% จากราคาเปิดต้นเดือนที่ 425 ดอลลาร์ และถูกปรับเป้าหมายราคาขึ้นมาตลอดเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งความเชื่อมั่นดังกล่าวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ Tesla รายงานการส่งมอบรถยนต์รุ่นต่างๆ ได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้
- คณะกรรมการสาธารณสุขแห่งชาติของจีน (NHC) แถลงยืนยันว่า ณ วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ มีผู้เสียชีวิตจากโรคปอดอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีนเพิ่มขึ้นอีก 64 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตในจีนเพิ่มขึ้นเป็น 425 ราย ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 3,235 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 20,438 ราย ส่วนผู้ป่วยที่ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล หลังจากมีอาการดีขึ้นแล้วนั้นอยู่ที่ 632 ราย
- ราคาน้ำมัน WTI ร่วง จ่อหลุดระดับเหนือ 50 ดอลลาร์ โดยผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันในจีนหดตัวถึง 20% หรือลดลงราว 3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งคาดว่าจะเป็นการหดตัวของดีมานด์การใช้น้ำมันที่มากที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินในปี 2008-2009 และช่วงเหตุการณ์ 911 ส่งผลให้ OPEC จำเป็นต้องเรียกประชุมด่วน พิจารณาลดกำลังการผลิต เพื่อพยุงราคาน้ำมันอีกครั้ง
- ฮ่องกงประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 4 หดตัว -2.9% ขณะที่ไตรมาส 3 หดตัว -2.8% ซึ่งเป็นการหดตัวอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยความไม่สงบทางการเมือง ซึ่งส่งผลให้อุตสาหกรรมการเงินและการค้าที่เป็นอุตสาหกรรมหลักในประเทศหดตัวลง
- สหรัฐฯ ประกาศตัวเลข PMI เดือนธันวาคม อยู่ที่ 50.9 ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ระดับ 48.5 และสูงกว่าเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 47.8 นับว่าเป็นการฟื้นตัวดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ นับตั้งแต่ครึ่งหลังปี 2019 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีบ่งชี้ว่า ภาคการผลิตเกินครึ่งหนึ่งมีแนวโน้มกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตอีกครั้ง
สรุปภาพรวมตลาดวานนี้
- ดัชนี Dow Jones, S&P 500 และ Nasdaq กลับมาปรับตัวขึ้นอีกครั้งในรอบ 5 วันทำการ จากตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ รวมไปถึงผลประกอบการของ Apple ที่ออกมาดีกว่าคาด สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้นที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นยุโรปที่กลับมาปรับตัวขึ้นอีกครั้ง หลังจาก ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ได้ออกมาแถลงยืนยันว่า จีนจะสามารถควบคุมสถานการณ์โรคระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาได้ ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลจากเศรษฐกิจที่อาจชะลอตัว และกลับเข้าซื้อหุ้นอีกครั้งหลังจากที่ตลาดร่วงลงมาแรงในช่วงก่อนหน้านี้
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นจากการคลายความกังวลต่อภาวะน้ำมันล้นตลาด และกลุ่ม OPEC เตรียมพิจารณาระยะเวลาลดกำลังการผลิตอีกครั้ง หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนายังไม่ดีขึ้น ด้านราคาทองคำปรับตัวลง หลังความกังวลเรื่องเศรษฐกิจที่อาจชะลอตัวมีแนวโน้มลดลง รวมไปถึงการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยจากที่ก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้นมาแรง
สหรัฐฯ
- Dow 30 ปิดที่ 28399.81 เพิ่มขึ้น 143.78 (0.51%)
- S&P 500 ปิดที่ 3248.93 เพิ่มขึ้น 23.41 (0.73%)
- Nasdaq ปิดที่ 9273.4 เพิ่มขึ้น 122.47 (1.34%)
ยุโรป
- DAX ปิดที่ 13045.19 เพิ่มขึ้น 63.22 (0.49%)
- FTSE 100 ปิดที่ 7326.31 เพิ่มขึ้น 40.3 (0.55%)
- Euro Stoxx 50 ปิดที่ 3661.27 เพิ่มขึ้น 20.36 (0.56%)
- FTSE MIB ปิดที่ 23460.01 เพิ่มขึ้น 222.98 (0.96%)
เอเชีย
- Nikkei 225 ปิดที่ 22971.94 ลดลง -233.24 (-1.01%)
- S&P/ASX 200 ปิดที่ 6923.3 ลดลง -93.9 (-1.34%)
- Shanghai ปิดที่ 2746.61 ลดลง -229.92 (-7.72%)
- SZSE Component ปิดที่ 9779.67 ลดลง -902.24 (-8.45%)
- China A50 ปิดที่ 12815.75 ลดลง -975.61 (-7.07%)
- Hang Seng ปิดที่ 26356.98 เพิ่มขึ้น 44.35 (0.17%)
- Taiwan Weighted ปิดที่ 11354.92 ลดลง -140.18 (-1.22%)
- SET ปิดที่ 1496.06 ลดลง -18.08 (-1.19%)
- KOSPI ปิดที่ 2118.88 ลดลง -0.13 (-0.01%)
- IDX Composite ปิดที่ 5884.17 ลดลง -55.88 (-0.94%)
- BSE Sensex ปิดที่ 39872.31 เพิ่มขึ้น 136.78 (0.34%)
- PSEi Composite ปิดที่ 7137.03 ลดลง -63.76 (-0.89%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดที่ 50.8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -0.76 (-1.47%)
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปิดที่ 55.3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -1.32 (-2.33%)
- ราคาทองคำปิดที่ 1580.35 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง -7.55 (-0.48%)
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters
- กรุงเทพธุรกิจ