“คิดจะไปสู้อีกเหรอ เดี๋ยวก็ตายเอาหรอก”
น่าจะเป็นประโยค ‘บอกรัก’ ที่ได้ยินแล้วไม่รื่นหู แต่ถ้ามองในโลกการ์ตูนดราก้อนบอล นี่คือประโยคสั้นๆ ที่เต็มไปด้วยความรักและความเป็นห่วงของจีจี้ที่สลัดฐานะลูกสาวราชาปีศาจมาเป็น ‘ภรรยา’ ของซุนโกคู นักรบชาวไซย่าที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล
ถึงแม้ใจความสำคัญของการ์ตูนระดับตำนานอย่างดราก้อนบอลจะให้น้ำหนักไปที่การต่อสู้ปล่อยพลังของเหล่ายอดมนุษย์จากดวงดาวต่างๆ เป็นหลัก และแน่นอนว่า ‘สปอตไลต์’ เกือบทั้งหมดจะถูกฉายไปที่ความเก่งกาจของซุนโกคู
ส่วนจีจี้ที่เป็นภรรยากลับมีสถานะคล้ายกับเงาที่ถูกหลงลืม หรือถ้าจะมีใครจดจำก็มักจะหนีไม่พ้นภาพของภรรยาแสนจู้จี้ขี้บ่นที่คอยห้ามไม่ให้สามีออกไปฝึกวิชาและต่อสู้อยู่เสมอ
แน่นอนว่าความสนุกของดราก้อนบอลอยู่ที่การร่วมลุ้นไปกับความเก่งกาจของโกคู ในฐานะซูเปอร์ไซย่าร่างต่างๆ ที่ทำให้เขากลายเป็น ‘สิ่งมีชีวิต’ ที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล (ในภาคนั้นๆ)
แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง เราจะเห็นว่านอกจากสเกลพลังที่ขยายเขตได้ไม่มีสิ้นสุด จริงๆ แล้ว ‘ภายใน’ ของเขายังคงเป็นเพียงคนที่ชื่นชอบในการต่อสู้ หลงใหลการได้ประมือกับคนที่เก่งกว่า และมองเห็นการปกป้องโลกเป็นภารกิจอันดับหนึ่งไม่เคยเปลี่ยนแปลงนับจากวันแรกที่ยังเป็นเด็กชายประหลาดที่มีหางงอกออกมาแม้แต่น้อย
ผิดกับจีจี้ที่เคยเป็นเด็กสาวร่าเริง สนุกสนานไปกับการต่อสู้ ถึงขนาดกิจกรรมที่โกคูและจีจี้ทำร่วมกันในเดตแรกคือการประลองยุทธ และทำให้จีจี้หลงรักโกคูตั้งแต่ตอนนั้น (รวมกับความเชื่อและคำสัญญาที่โกคูให้ไว้ว่าจะแต่งงานกับเธอ)
กระทั่งโกคูเติบโตและพัฒนาฝีมือไปไกลเกินกว่าที่จีจี้จะประมือเล่นสนุกด้วยได้ จีจี้จะทำอะไรได้มากไปกว่าการเฝ้ามองแผ่นหลังของชายผู้ที่เป็นรักค่อยๆ ห่างไกลออกไปด้วยความเป็นห่วง และคอยดูแลโกคูให้ดีที่สุดเท่าที่ภรรยาคนหนึ่งจะทำได้
เธอเปลี่ยนแปลงจากเด็กสาวที่สนุกสนานกับการต่อสู้กลายเป็นแม่บ้านคอยจัดการงานบ้าน และทำอาหารไว้คอยสามีและลูกๆ ที่ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าพวกเขาจะมัวแต่เพลิดเพลินกับการฝึกวิชาและต่อสู้จนลืมกลับบ้านมากินมื้อเย็นอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันหรือเปล่า
ถ้าเราสามารถชื่นชมโกคูที่ฝึกฝนตัวเองอย่างหนักเพื่อพัฒนาการเป็นซูเปอร์ไซย่าร่างต่างๆ ให้ได้มากที่สุด จีจี้ก็ควรได้รับการยอมรับในฐานะ ‘ซูเปอร์ภรรยา’ ที่ต้องพัฒนาและแบกรับความรู้สึกหนักอึ้งไม่ต่างกันเอาไว้
แม้จีจี้อาจจะไม่เชี่ยวชาญเรื่องวิชาการต่อสู้ แต่เธอก็เชี่ยวชาญวิชาชีวิตมากพอที่จะรู้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อมีความรัก มีสามี มีลูก และอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวคือการประคองความสัมพันธ์ให้สามารถอยู่รอดได้โลกความจริง ไม่ใช่ความสนุกสนานในโลกแห่งจินตนาการอีกต่อไป
จีจี้มักถูกต่อว่าอยู่เสมอเมื่อเธอออกปากบังคับไม่ให้สามีไปฝึกวิชา แถมยังตีกรอบวางเส้นทางชีวิตของลูกชายอย่างโกฮังและโกเท็นไว้อย่างเด็ดขาดเสร็จสรรพ
เรามักจะเกิดคำถามขึ้นมาในใจว่า ถ้าโกคูและลูกๆ ไม่ออกต่อไปสู้ แล้วโลกถูกทำลายขึ้นมาล่ะ จะทำอย่างไร?
โดยที่ไม่เคยถามกลับมาเลยว่า แล้วถ้าสามีและลูกๆ ของเธอออกไปปกป้องโลกจนเสียชีวิตขึ้นมาล่ะ จะทำอย่างไร?
คำตอบนี้เกิดขึ้นมาในช่วงเวลาสั้นๆ ผ่านไทม์ไลน์อนาคต ก่อนที่ทรังซ์จะย้อนเวลากลับมาบอกข่าวเรื่องมนุษย์ดัดแปลงให้ทุกคนได้รู้ ในวันนั้นโกคูออกไปต่อสู้จนเสียชีวิต จีจี้กลายเป็นแม่ม่าย โกฮังออกเดินทางไปจัดการมนุษย์ดัดแปลงแทนพ่อ โดยที่คนเป็นแม่ไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่าลูกชายคนเดียวที่เหลืออยู่เป็นตายร้ายดีอย่างไร
หากโลกที่กำลังล่มสลายต้องได้รับการเยียวยา แล้วมีใครบ้างหรือเปล่าที่ช่วยเยียวยาความรู้สึกของคนเป็นแม่และภรรยาที่ต้องสูญเสียทุกอย่างคนนี้ได้
อาจจะมองว่าเห็นแก่ตัวไปบ้าง แต่เราจะสามารถพูดได้เต็มปากหรือเปล่าว่าสิ่งที่จีจี้คิดอยู่เป็นเรื่องที่ผิด
เธอมีสิทธิ์โกรธได้บ้างไหม เมื่อสามีที่ควรเป็นเสาหลักสนใจแต่การต่อสู้ โดยไม่เคยสนใจเรื่องการทำงาน หาเงินมาดูแลคนในบ้าน
เธอผิดจริงหรือเปล่าที่อยากให้ลูกเติบโตเป็นนักวิชาการที่มีอาชีพมั่นคงมากกว่าคนเป็นพ่อที่แสดงออกชัดเจนว่าสนใจการปกป้องโลกมากกว่าปกป้องครอบครัว
และถ้ามองให้ลึกลงไปกว่านั้น เราจะเห็นว่าจีจี้ไม่เคยจู้จี้เพื่อตัวเอง เธอเข้มงวดกับลูกเพราะอยากให้ลูกมีอนาคตที่ดี แต่สุดท้ายก็ยอมให้ลูกโดดเรียนไปฝึกวิชาแทบทุกครั้ง และคอยเป็นห่วงว่าทุกคนในบ้านจะมีอาหารที่ดีกินหรือเปล่า
เป็นห่วงไปถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการบอกให้ทุกคนใช้ครีมนวดและไดร์เป่าผม ดูเผินๆ เหมือนเป็นเรื่องตลก แต่ถ้ามองจากทรงผมของโกคู กูฮัง โกเท็น แล้วจะเห็นว่านี่คือเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามจริงๆ
ฉากหนึ่งที่เราชอบที่สุดคือตอนที่โกคูรับเงินจากมิสเตอร์ซาตานมาให้จีจี้ จำนวนเงินมากพอที่จะเอาไปใช้ทำอะไรก็ได้ แต่ความดีใจของเธอหยุดอยู่แค่ว่าจะได้เอาเงินไปส่งลูกเข้าโรงเรียนดีๆ และจ้างครูสอนพิเศษมาให้ลูกๆ ได้ ไม่มีความต้องการส่วนตัวปนอยู่แม้แต่น้อย
กับอีกฉากหนึ่งคือตอนที่เธอพูดว่า “ฉันดีใจมากเลยนะ อย่างกับฝันไปแน่ะ แค่โกคูพาขับรถเที่ยวก็ดีใจมากแล้ว”
ในขณะที่บางคู่วาดฝันถึงการมีคนรักพาไปเที่ยวต่างประเทศ พาไปดินเนอร์ในร้านอาหารหรูๆ ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา มีสามีคอยเป็นที่ปรึกษา เป็นที่พึ่งในวันที่หัวใจอ่อนแอ มีคนทำเซอร์ไพรส์ให้ทุกๆ วันสำคัญ และอีกสารพัดสิ่งที่เป็นภาพ ‘ความรัก’ ในฝันที่หลายคนต้องการ
เรานึกไม่ออกจริงๆ ว่าจีจี้ต้องผ่านอะไรมามากขนาดไหน ต้องกินข้าวคนเดียวกี่มื้อ ต้องนอนคนเดียวกี่คืน ต้องแอบไปร้องไห้เพราะเป็นห่วงว่าสามีอาจจะไม่ได้กลับมาหาเธออีกกี่ครั้ง
เธอต้องผ่านความเหงา เจ็บปวด และเข้มแข็งได้ขนาดไหน จึงสามารถมองว่า ‘การขับรถไปเที่ยว’ เป็นความสุขเหมือนฝันที่ไม่มีวันเกิดขึ้นจริงได้
และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือเธอเข้มแข็งมากพอที่จะบังคับให้ชาวไซย่าที่แข็งแกร่งที่สุดทิ้งทุกอย่างเพื่อไปสอบ ‘ใบขับขี่’ ได้สำเร็จ
ถ้าไม่ใช่ ‘ซูเปอร์ภรรยา’ ที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล เราก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะมีใครอีกบ้างที่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์