1. ที่ประชุมสุดยอดอาเซียนได้แสดงเจตนารมณ์ร่วมกันผ่านแถลงการณ์ ‘วิสัยทัศน์ผู้นำอาเซียนว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความยั่งยืน (ASEAN Leaders’ Vision Statement on Partnership of Sustainability) ซึ่งจะขับเคลื่อนประชาคมอาเซียน โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และก้าวไปสู่อนาคต ภายใต้กรอบของแนวคิดหลักของการเป็นประธานอาเซียนของไทย ‘ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน’
โดยจะสนับสนุนความร่วมมืออาเซียนในหลากหลายมิติ รวมถึงจะผลักดันให้การเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) แล้วเสร็จในปีนี้ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจระดับภูมิภาค และเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นในภูมิภาค โดยเฉพาะผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้า (Trade Tension) ระหว่างคู่ค้าที่สำคัญของอาเซียน
2. ผู้นำอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ได้รับรองปฏิญญากรุงเทพฯ ว่าด้วยการต่อต้านขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน แสดงเจตนารมณ์ของอาเซียนที่มุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาขยะทะเลอย่างจริงจังและยั่งยืน โดยสนับสนุนนวัตกรรม แนวคิด รวมทั้งเสริมสร้างศักยภาพด้านการวิจัย การประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และการสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ เพื่อสร้างภูมิภาคที่ยั่งยืนและปลอดภัยสำหรับประชาชนในทุกสถานการณ์
3. ผู้นำอาเซียนยังได้ร่วมกันเปิดตัว ‘ศูนย์เดลซ่า (DELSA)’ คลังเก็บสิ่งของช่วยเหลือทางไกลของอาเซียน ภายใต้โครงการจัดตั้งระบบโลจิสติกส์ฉุกเฉินสำหรับใช้ในกรณีเกิดภัยพิบัติของอาเซียนที่จังหวัดชัยนาท พร้อมยกระดับ ‘ศูนย์แพทย์ทหารอาเซียน (ASEAN Center of Military Medicine: ACMM)’ เป็นองค์กรของอาเซียนอย่างเป็นทางการ เพื่อเตรียมการรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันและภัยพิบัติ ซึ่งทั้ง 2 แห่งตั้งอยู่ในประเทศไทย
4. ที่ประชุมได้ออกแถลงการณ์ประกาศให้ปี 2019 เป็นปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน โดยให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความตระหนักรู้และอัตลักษณ์ของอาเซียนในระดับประชาชน ตั้งเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็ง รวบรวมความร่วมมือภายในภูมิภาค ส่งเสริมให้พลเมืองอาเซียนตระหนักถึงคุณค่าของวัฒนธรรมอาเซียน ภายใต้อัตลักษณ์อาเซียนและการเคารพกันบนพื้นฐานของความแตกต่างหลากหลาย ซึ่งจะดำเนินการจัดกิจกรรมตลอดทั้งปี รวมถึงการจัดตั้งเครือข่ายสมาคมอาเซียนในประเทศสมาชิก
5. ผู้นำอาเซียนได้สนับสนุนให้อาเซียนร่วมมือกัน เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก (FIFA World Cup) ปี 2034 หรืออีก 15 ปีข้างหน้า ที่ประชุมจึงอยากเชิญชวนให้พลเมืองอาเซียนทุกคนสนับสนุนสมาคมฟุตบอลในแต่ละประเทศสมาชิก เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ด้วยกัน
อ้างอิง:
- www.asean2019.go.th/th/news/statement-by-the-prime-minister-of-the-kingdom-of-thailand-at-the-opening-ceremony-of-the-34th-asean-summit/
- www.asean2019.go.th/th/news/pointers-for-press-conference-by-his-excellency-general-prayut-chan-o-cha-ret-prime-minister-of-the-kingdom-of-thailand-at-34th-asean-summit/