×

ไม่ได้มีแค่ It’s Okay to Not Be Okay แต่นี่คือลิสต์ซีรีส์เกาหลีที่จะช่วยเยียวยาหัวใจและให้พลังบวก

03.08.2020
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • แม้ My Mister จะเป็นซีรีส์ที่ดำเนินเรื่องอย่างเนิบช้า แต่กลับมีรายละเอียดมากมายให้ผู้ชมได้เก็บเกี่ยว โดยที่บางครั้งตัวละครไม่จำเป็นต้องมีบทสนทนาด้วยซ้ำ อีกทั้งยังให้ความรู้สึกว่าตัวละครก็เป็นคนประเภทที่เราอาจพบเจอได้ในชีวิตจริง ท่ามกลางความเลวร้าย คนดีๆ ก็เป็นเหมือนหยดน้ำเย็นๆ ปลอบประโลมจิตใจ 
  • “ปาฏิหาริย์ไม่มีจริงหรอก แต่น้ำใจจากคนดีๆ รอบข้างต่างหากที่ทำให้เกิดปาฏิหาริย์” – ยงชิก When the Camellia Blooms

It’s Okay to Not Be Okay ซีรีส์ที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ แม้ฉาบด้วยความร้ายๆ ของนักเขียน โกมุนยอง นางเอกของเรื่องที่รับบทโดย ซอเยจี, ความหล่อแบบไม่บันยะบันยังของ คิมซูฮยอน ที่รับบท มุนคังแท รวมถึงเรื่องดาร์กๆ ความเจ็บปวดจากแผลใจของเหล่าคนไข้ในโรงพยาบาลจิตเวชรื่นรมย์ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหล่าตัวละครต่างมีบทบาทสำคัญที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จทั้งในแง่ความนิยมและมอบผลกระทบทางบวกให้สังคม เพราะทั้งตัวละครและคนดูต่างได้เรียนรู้ชีวิตที่แหว่งเว้า พบจุดเปลี่ยน ร่วมเยียวยาบาดแผลในใจ และกล้าเผชิญหน้ากับปัญหาเพื่อเติบโตไปข้างหน้า 

 

ไม่ได้มีแค่ซีรีส์ It’s Okay to Not Be Okay ที่ดูแล้วได้เยียวยาหัวใจ ยังมีซีรีส์เกาหลีอีกหลายเรื่องที่สอดแทรกความรู้สึกเช่นเดียวกันนี้เอาไว้ และนี่คือลิสต์ซีรีส์เกาหลีใน Netflix ที่ช่วยชุบชูจิตใจ ดูแล้วได้เยียวยาหัวใจไปพร้อมๆ กัน

 

 

“คนเดียวที่คุณต้องเข้าใจจริงๆ ยิ่งกว่าใครๆ ก็คือตัวคุณเอง”
– จีแฮซู

 

It’s Okay, That’s Love

It’s Okay, That’s Love ซีรีส์โรแมนติกฟีลกู๊ดที่เล่าเรื่องราวความรักอันซับซ้อนระหว่าง จางแจยอล (โชอินซอง) นักเขียนที่ทั้งหล่อเหลาและฝีมือดี มองจากภายนอกเขาดูเป็นคนที่เพอร์เฟกต์สุดๆ จนอาจทำให้หลายคนหมั่นไส้ แต่เบื้องลึกที่ไม่มีใครรู้คืออาการป่วยทางใจจากความทรงจำเลวร้ายในวัยเด็กที่ค่อยๆ ส่งผลกระทบมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างช้าๆ กระทั่งเมื่อจางแจยอลต้องมาอยู่ร่วมบ้านกับ จีแฮซู (กงฮโยจิน) จิตแพทย์สาวผู้มาพร้อมบุคลิกสุดมั่นใจ แต่ความรู้สึกไม่ชอบหน้าในตอนแรกกลับค่อยๆ เปลี่ยนไปเมื่อทั้งคู่ได้ค้นพบบาดแผลทางใจของกันและกัน  

 

นอกจากเส้นเรื่องความรักของตัวละครหลักแล้ว It’s Okay, That’s Love ยังนำเสนอเรื่องราวของผู้ป่วยจิตเวชผ่านตัวละครรายล้อมอีกมากมาย ซึ่งแสดงให้ผู้ชมเห็นว่าพวกเขาก็เหมือนๆ กับเราทุกคนที่เดินปะปนกันอยู่บนท้องถนน ซึ่งยารักษาที่ดีที่สุดคือความรักความเข้าใจจากคนรอบตัวนั่นเอง เช่นเดียวกับที่จิตแพทย์ในเรื่องกล่าวไว้ว่า เราทุกคนก็เป็นคนป่วยกันทั้งนั้น ความปวดใจก็เป็นความเจ็บป่วยอย่างหนึ่งเช่นเดียวกับไข้หวัด เราทุกคนต้องยอมรับสิ่งนั้นและเข้าใจความเจ็บปวดของกันและกัน ซึ่งการทำเช่นนั้นจะทำให้โลกนี้สวยงามยิ่งกว่าที่เคยเป็น”

 

 

“ปาฏิหาริย์ไม่มีจริงหรอก แต่น้ำใจจากคนดีๆ รอบข้างต่างหากที่ทำให้เกิดปาฏิหาริย์”

– ยงชิก

 

When the Camellia Blooms

คาเมลเลียคือดอกไม้ที่แสดงความอดทนและแข็งแกร่ง ทุกปีในฤดูหนาวดอกคาเมลเลียจะเบ่งบาน และนั่นคือความหมายเปรียบเทียบว่าแม้ในช่วงที่อากาศหนาวเหน็บอย่างโหดร้าย ดอกคาเมลเลียก็ยังเบ่งบานสร้างความงดงามให้ผู้คน 

 

ทงแบค (กงฮโยจิน) แม่เลี้ยงเดี่ยวยังสาวของลูกชายวัย 7 ขวบ สมาชิกใหม่ของเมืององซาน นอกจากสายตาอคติของเพื่อนบ้านจากสถานะที่เป็นอยู่ ทงแบคยังเลือกที่จะเปิดร้านเหล้าที่ผู้ชายในเมืองพากันไปอุดหนุน สิ่งเหล่านี้ทำให้เธอกลายเป็นขี้ปากของคนในละแวกนั้นอย่างช่วยไม่ได้ แต่ไม่ใช่กับ ยงชิก (คังฮานึล) ตำรวจหนุ่มที่หลงรักทงแบคตั้งแต่แรกเห็น ไม่ใช่แค่เพราะความสวยภายนอก แต่เขายังมองเห็นถึงความงดงามภายในจิตใจของเธอด้วย

 

When the Camellia Blooms เป็นซีรีส์ที่นอกจากจะเล่าเรื่องราวชีวิตที่ต้องดิ้นรนของตัวละครหลักอย่างทงแบคแล้ว ยังนำเสนอเรื่องราวความรักของคนเป็นแม่หลากหลายรูปแบบได้อย่างลึกซึ้งกินใจจนเรียกน้ำตาผู้ชมได้หลายฉาก ทั้งยังสอดแทรกความรู้สึกอบอุ่นใจของชีวิตคนในชนบท ที่แม้ว่าจะไม่ชอบหน้ากัน แต่เมื่อเกิดเรื่องร้ายก็ไม่ลังเลที่จะเข้าไปช่วยเหลือ แล้วยังแอบเพิ่มปมฆาตกรรมเพื่อเพิ่มดีกรีความตื่นเต้นให้ผู้ชมอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์น้ำดีที่ครบรสมากๆ ดูแล้วอบอุ่นหัวใจอย่างที่สุด การันตีคุณภาพด้วยรางวัลแดซังจากเวที Baeksang Arts Awards ปีล่าสุด

 

 

“เมื่อสมองและหัวใจกำลังพูดสองสิ่งที่แตกต่างกัน เสียงจากหัวใจมักถูกต้องเสมอ
เพียงทำตามหัวใจของคุณ แล้วคุณจะไม่เสียใจ”

– อีอิกจุน

 

Hospital Playlist

หากซีรีส์การแพทย์หลายๆ เรื่องเคยทำให้คุณต้องเครียดไปกับเคสเลือดสาดต่างๆ ที่เหล่าคุณหมอต้องทุ่มพลังสมองทั้งหมดที่มีเพื่อรักษาผู้ป่วย แต่สำหรับ Hospital Playlist นั้นเป็นซีรีส์การแพทย์แสนอบอุ่นหัวใจที่เล่าถึงชีวิตคุณหมอที่ทุ่มเทเวลาเพื่อคนไข้อย่างไม่อิดออด ร้อยเรียงไปกับชีวิตส่วนตัวนอกเวลางานที่เราไม่ค่อยเห็นซีรีส์การแพทย์เรื่องอื่นๆ นำเสนอมากนัก รวมไปถึงความสัมพันธ์อันยาวนานของคุณหมอทั้ง 5 คนที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่สมัยยังเป็นนักเรียนแพทย์ จนกระทั่งปัจจุบันที่ทุกคนกลายมาเป็นอาจารย์หมอผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ  

 

นอกเหนือจากนั้น ความอบอุ่นของเรื่องยังถูกแสดงออกผ่านบทเพลงเพราะๆ ที่ใช้ประกอบซีรีส์ในแต่ละตอน (เหล่าคุณหมอฟอร์มวงเล่นเอง ร้องเอง!) ซึ่งล้วนเป็นเพลงเก่าจากยุค 80-90 ที่ทำให้คนดูได้ย้อนวันวานไปด้วยกัน ขณะเดียวกันเรื่องราวของตัวละครรายล้อมก็สามารถเรียกน้ำตา ทั้งยังเป็นกำลังใจให้เรามองเห็นคุณค่าชีวิตของตัวเอง เพราะเรื่องความเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ ที่แม้คนไข้จะยอมแพ้ แต่เหล่าคุณหมอแห่งโรงพยาบาลยุลเจไม่เคยยอมแพ้ และทำทุกอย่างเพื่อให้พวกเขามีชีวิตต่อไปได้

 

 

“หากคุณคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
ตัวคุณเองคือคนตัดสินใจ”
– พัคดงฮุน

 

My Mister

พัคดงฮุน (อีซอนกยุน) หัวหน้าวิศวกรในบริษัทใหญ่ที่วันหนึ่งถูกปรับลดตำแหน่งอย่างไม่ชอบธรรม แต่นั่นก็ยังดีกว่าพี่น้องอีกสองคนที่ดูเหมือนไม่เอาอ่าว คนหนึ่งตกงาน อีกคนก็มองไม่เห็นอนาคต พัคดงฮุนจึงกลายเป็นความหวังเดียวของคนในครอบครัวอย่างช่วยไม่ได้ แม้จะมีหน้าที่การงานดี แต่กลับต้องรับภาระในการรับผิดชอบคนอีกมากมาย เขาได้พบกับ อีจีอัน (ไอยู) ลูกจ้างชั่วคราวในบริษัทที่ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ถึงขนาดที่ไม่มีใครรู้จักชื่อเธอด้วยซ้ำ 

 

ด้วยชีวิตที่ต้องดิ้นรนอย่างสุดขีด อีจีอันจึงต้องทำทุกอย่างที่ได้เงิน และเธอเลือกที่จะร่วมมือกับประธานในการกำจัดพัคดงฮุนออกไปจากบริษัทโดยใช้วิธีดักฟัง ซึ่งนั่นกลับกลายเป็นการทำความรู้จักโลกของพัคดงฮุนอย่างไม่รู้ตัว อีจีอันได้รับรู้ว่าคนที่รับเงินเดือนเดือนละ 5 ล้านวอนไม่ได้มีชีวิตที่ดีไปกว่าเธอมากสักเท่าไร และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่ทำให้ผู้ชมทั้งเสียน้ำตาและอบอุ่นหัวใจไปพร้อมๆ กัน

 

แม้ My Mister จะเป็นซีรีส์ที่ดำเนินเรื่องอย่างเนิบช้า แต่กลับมีรายละเอียดมากมายให้ผู้ชมได้เก็บเกี่ยว โดยที่บางครั้งตัวละครไม่จำเป็นต้องมีบทสนทนาด้วยซ้ำ อีกทั้งยังให้ความรู้สึกว่าตัวละครก็เป็นคนประเภทที่เราอาจพบเจอได้ในชีวิตจริง ท่ามกลางความเลวร้าย คนดีๆ ก็เป็นเหมือนหยดน้ำเย็นๆ ปลอบประโลมจิตใจ จนหลายๆ ครั้งก็ทำให้เราเผลอเอาใจช่วยและมีความสุขกับสิ่งดีๆ ที่ตัวละครได้รับไปด้วยเช่นกัน

 

 

“ถ้าโตขึ้นแล้วความฝันจะต้องหายไป ฉันยอมไม่โตดีกว่า…
ไม่เห็นต้องทำเป็นโตเพื่อคนอื่นเลย บางสิ่งที่ได้มา สักวันเราอาจเสียมันไปก็ได้”
– โกดงมัน


Fight for My Way
ทุกคนต่างมีความฝัน แต่จะมีสักกี่คนที่ไล่ตามความฝันได้สำเร็จ โดยเฉพาะคนธรรมดาที่ไม่ได้มีต้นทุนชีวิตสูงนัก ซีรีส์ Fight for My Way เล่าเรื่องราวของกลุ่มเพื่อน 4 คนที่เติบโตและเผชิญความลำบากมาด้วยกัน แม้ชีวิตจะมีทั้งช่วงเวลาที่ดีและเลวร้าย แต่พวกเขาก็ไม่เคยคิดจะยอมแพ้ต่อโชคชะตา โกดงมัน (พัคซอจุน) อดีตนักกีฬาเทควันโดอนาคตไกลที่ต้องจบความฝันลงด้วยความจำเป็น ปัจจุบันมีอาชีพเป็นพนักงานกำจัดปลวก ชเวเอรา (คิมจีวอน) ใฝ่ฝันอยากจะเป็นผู้ประกาศข่าว แต่ชีวิตจริงกลับเป็นได้เพียงพนักงานประชาสัมพันธ์ในห้าง

ดูเผินๆ อาจคิดว่า Fight for My Way เป็นเพียงซีรีส์โรแมนติกคอเมดี้ทั่วๆ ไป แต่จริงๆ แล้วแอบแฝงเนื้อหาที่เต็มไปด้วยแง่คิดในการใช้ชีวิต ทั้งยังสร้างแรงบันดาลใจอย่างมาก เทียบเคียงได้กับชีวิตจริงของคนวัยทำงานที่เต็มไปด้วยการแข่งขันรอบตัว สำหรับคนที่รู้สึกหมดกำลังใจหรือท้อแท้ในชีวิต ซีรีส์เรื่องนี้จะช่วยให้คุณมีไฟในการก้าวต่อไป

 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X