×

สรุป 5 ประเด็นร้อน ทีมทนาย พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ แจงคดีเว็บพนัน ขอความยุติธรรมที่ไม่ใช่วิถีอินทรีเลือกเหยื่อ เปิดตัว ‘นายพล ต.’ เอี่ยวเส้นทางการเงิน

โดย THE STANDARD TEAM
19.03.2024
  • LOADING...
สุรเชษฐ์ หักพาล

วันนี้ (19 มีนาคม) ณัฐวิชช์ เนติจารุโรจน์ พร้อมด้วย วราชันย์ เชื้อบ้านเกาะ ทนายความซึ่งเป็นที่ปรึกษากฎหมายของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวข้อเท็จจริงกรณีการเผยแพร่ข้อมูลทางสื่อสังคมออนไลน์จนเกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ 

 

ทั้งนี้ ทีมทนายความได้ชี้แจงใน 5 ประเด็น ดังนี้

 

ใบอนุโมทนาบัตรทอดกฐินพระราชทานวัดศาลาปูนวรวิหาร

 

ณัฐวิชช์กล่าวว่า กรณีที่มีการระบุว่า พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ นำเงินจากบัญชีม้าเว็บพนันออนไลน์ไปทำบุญทอดกฐินที่วัดศาลาปูนวรวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากการตรวจสอบพบว่า การโอนเงินที่ถูกอ้างว่าเป็นบัญชีม้ามีเพียงรายการเดียวที่เกิดขึ้นคือ การโอนเงินจำนวน 200,000 บาท เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2565 จากบัญชีธนาคารชื่อ เบญจมิน ที่ พ.ต.ท. คริษฐ์ ปริยะเกตุ (ผู้ต้องหาคดีเว็บพนันเครือข่ายมินนี่ และลูกน้องคนสนิทของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์) ถืออยู่ และ พ.ต.ท. คริษฐ์ เป็นผู้โอนเงินจำนวนดังกล่าวจริง เนื่องจากวันเดียวกันนั้น หลุย หรือ จีจี้ ติดต่อมาเพื่อแสดงความประสงค์ขอร่วมทำบุญทอดกฐินพระราชทานวัดศาลาปูนวรวิหาร โดยมอบเงินสดเป็นจำนวน 200,000 บาท ให้กับ พ.ต.ท. คริษฐ์ 

 

จากนั้นจีจี้ได้มอบหมายให้จุ๊บแจงซึ่งเป็นเลขานุการส่วนตัวส่งข้อมูลของจีจี้ให้กับ พ.ต.ท. คริษฐ์ เพื่อนำไปแจ้งให้วัดศาลาปูนวรวิหารออกใบอนุโมทนาบัตรให้ ทาง พ.ต.ท. คริษฐ์ จึงนำส่งข้อมูลของจีจี้ให้พระอาจารย์วัดศาลาปูนวรวิหาร และโอนเงินจำนวนดังกล่าวให้วัดศาลาปูนวรวิหารเพื่อให้ออกใบอนุโมทนาบัตร

 

ณัฐวิชช์กล่าวต่อว่า ฉะนั้นแล้วใบอนุโมทนาบัตรของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ที่ออกเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2565 จึงไม่เกี่ยวข้องกับบัญชีม้า และการทำธุรกรรมดังกล่าวเพราะในวันที่ 29 ตุลาคม พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ได้นำเงินสดของตัวเองไปร่วมทำบุญที่วัดศาลาปูนวรวิหาร ไม่มีการรับหรือโอนจากบัญชีใดๆ

 

ณัฐวิชช์กล่าวต่อไปว่า การบริจาคเงินสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้เพียง 100,000 บาท ซึ่งในความเป็นจริงปี 2565 พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ได้ร่วมทำบุญทอดกฐินเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำผิดกฎหมายเพื่อให้ได้ใบอนุโมทนาบัตรมาลดหย่อนภาษีตามกระแสข่าว

 

นอกจากนี้ ทีมทนายความขอยืนยันว่าการสนทนากันระหว่างเลขาฯ ของจีจี้, พ.ต.ท. คริษฐ์ รวมทั้งพระอาจารย์วัดศาลาปูนวรวิหาร เป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งปัจจุบันข้อมูลดังกล่าวอยู่ในโทรศัพท์ของ พ.ต.ท. คริษฐ์ ที่เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นจับกุมยึดไว้เป็นหลักฐาน

 

รวมไปถึงใบอนุโมทนาบัตรของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ที่ถูกเผยแพร่ก็เป็นข้อมูลที่อยู่ในโทรศัพท์ส่วนตัวของ พ.ต.ท. คริษฐ์ เช่นกัน ฉะนั้นจึงเกิดประเด็นสงสัยว่าเหตุใดใบอนุโมทนาบัตรดังกล่าวถึงเผยแพร่ต่อสาธารณชนจนนำมาสู่ข้อมูลที่ทำลายชื่อเสียง พล.ต.อ. สุรเชษฐ์

 

ณัฐวิชช์ระบุว่า ส่วนกรณีที่มีผู้อ้างว่าการกระทำที่นำเงินพนันออนไลน์ไปทำบุญทอดกฐินพระราชทาน และอ้างว่าเป็นการทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งเป็นการกล่าวอ้างกันเอง จะแจ้งให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการตรวจสอบต่อไป หากพบว่าผู้กล่าวอ้างกระทำผิดอย่างใดอย่างหนึ่งก็จะมีการเอาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งเรื่องนี้ทีมทนายความกำลังดำเนินการทางกฎหมายกับผู้เกี่ยวข้องจนถึงที่สุด

 

การซื้อตั๋วโดยสารโยงถึงเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.

 

วราชันย์กล่าวว่า ในประเด็นที่มีการเผยแพร่ข้อมูลว่ามีการนำเงินจากเครือข่ายเว็บไซต์พนันออนไลน์ไปซื้อตั๋วเครื่องบินให้กับเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จนตามมาด้วยกระแสข่าวว่ามีการเอื้อประโยชน์ในคดีระหว่างกัน โดยเจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าวมีความสัมพันธ์กับ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์

 

ในประเด็นนี้จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่า เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ต.ท. คริษฐ์ ได้ซื้อตั๋วเดินทางไป-กลับระหว่างกรุงเทพมหานคร-หาดใหญ่ ผ่านผู้ประกอบการที่เป็นตัวแทนขายตั๋วของสายการบินจำนวน 3 ที่นั่ง เป็นการเดินทางไปกับภรรยาและบุตรซึ่งเป็นบุคคลในครอบครัว รวมราคาเป็นเงินจำนวน 13,100 บาท

 

ไม่ใช่การซื้อตั๋วเครื่องบินให้กับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. แต่อย่างใด โดย พ.ต.ท. คริษฐ์ มีหลักฐานรายการโอนเงิน, การสนทนาเพื่อซื้อตั๋วผ่านแอปพลิเคชัน LINE กับบริษัทที่ขายตั๋วเครื่องบิน ซึ่งเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันได้

 

การขอออกหมายจับ-หมายเรียก พล.ต.อ. สุรเชษฐ์

 

วราชันย์ระบุว่า จากกรณีที่คณะพนักงานสอบสวนในคดีของสถานีตำรวจนครบาล (สน.) เตาปูน คดีอาญาเลขที่ 391/2566 กล่าวหาว่ามีนายตำรวจและพลเรือนซึ่งในที่นี้ปรากฏชื่อ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับความผิดฐานฟอกเงินจากเว็บพนันออนไลน์ BNK Master ซึ่งภายหลังศาลได้มีคำสั่งดำเนินการออกหมายจับ 3 ตำรวจ และ 1 พลเรือน พร้อมยกคำร้องออกหมายจับ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ นั้น

 

ประเด็นนี้ทีมทนายความได้เคยชี้แจงไปแล้วว่า กรณีของ สน.เตาปูน มีความเกี่ยวพันกับคดีที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ เลขคดี 724/2566 เนื่องจากเส้นทางการเงินของทั้ง 2 คดีเป็นเส้นทางเดียวกัน และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติรับเรื่องที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ไปแล้ว

 

ฉะนั้นชุดพนักงานสอบสวนที่ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอออกหมายจับ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ทีมทนายความมองว่าไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนแล้ว แต่อยู่ในอำนาจการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพราะท้ายที่สุดแล้วเส้นทางการเงินทั้ง 2 คดีเป็นเส้นทางเดียวกัน 

 

โดย พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ยืนยันมาตลอดว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ แต่ทีมกฎหมายทราบว่าตลอดเวลาที่ผ่านมามีความพยายามที่จะโยงเอาเส้นทางการเงินของ พิมพ์วิไล ในคดี BNK Master ที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท. คริษฐ์ ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ใกล้ชิดกับ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ มาโยงเข้าหากัน

 

ข้อสังเกตว่าคดีทั้ง 2 ส่วนเกี่ยวพันกัน เนื่องจากบัญชีการเงินของเว็บไซต์พนันเครือข่ายมินนี่มียอดเงินในคำร้องรวมกว่า 600 ล้านบาท ส่วนของพิมพ์วิไลที่ปรากฏในคำร้องขอออกหมายจับ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ คดีเว็บไซต์ BNK Master ที่ สน.เตาปูน มียอดเงินในคำร้องประมาณ 400 กว่าล้านบาท

 

ณัฐวิชช์อธิบายเสริมว่า จากข้อมูลที่ได้รับทราบมาว่าชุดพนักงานสอบสวนของคดีเว็บพนันเครือข่ายมินนี่และเว็บไซต์ BNK Master ที่ สน.เตาปูน เป็นคณะเดียวกัน ผู้ที่ทำการร้องทุกข์กล่าวโทษที่ สน.เตาปูน ก็คือผู้ที่อยู่ในคณะดำเนินคดีมินนี่

 

ณัฐวิชช์อ้างอิงถึง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ ที่ระบุว่า คดีการฟอกเงินมูลค่าตั้งแต่ 300 ล้านบาทขึ้นไป ให้อำนาจการสืบสวนสอบสวนเป็นของกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดคดีนี้พนักงานสืบสวนยังดำเนินการต่อ

 

เส้นทางการเงิน 34 ปลายทาง

 

ทีมทนายความได้เปิดข้อมูลแผนภาพเส้นทางการเงินที่ออกจากบัญชีพิมพ์วิไล ผู้ต้องหาคดีเว็บไซต์ BNK Master โดยมีสัญลักษณ์เส้นทางการเงินถึงบัญชีข้าราชการตำรวจและพลเรือนรวมแล้ว 34 เส้นทาง มูลค่ารวมแล้วหลายสิบล้านบาท 

 

โดยณัฐวิชช์ระบุว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นส่วนที่ทนายความของพิมพ์วิไลจัดเตรียมไว้เป็นข้อมูลประกอบการต่อสู้คดี

 

จากข้อมูลเส้นทางการเงินของพิมพ์วิไลที่มีมากกว่า 30 เส้นทาง ส่งเงินไปถึงพลเรือนและตำรวจ แต่ปรากฏว่ามีการดำเนินการทางคดี ออกหมายจับมุ่งเฉพาะกลุ่มก้อนเดียว (3 เส้นทาง) นั่นคือกลุ่มผู้ถูกกล่าวหาที่ สน.เตาปูน ฉะนั้นทีมทนายความจึงเกิดข้อคำถามว่า เหตุใดพนักงานสอบสวนไม่มีการขยายไปถึงนายตำรวจหรือพลเรือนในเส้นทางการเงินที่เหลือ

 

ณัฐวิชช์กล่าวต่อว่า มีข้อมูลที่น่าสังเกตว่ามีเส้นทางการเงินอีก 4 เส้นโยงไปถึงผู้สื่อข่าว สมาคมนักข่าวฯ และครอบครัวของผู้บังคับบัญชาระดับสูง กว่า 27 ล้านบาท

 

ก่อนหน้านี้พิมพ์วิไลได้เดินทางไปที่กระทรวงยุติธรรม เพื่อให้ข้อมูลซัดทอดเส้นทางการเงินไปยังกลุ่มตำรวจ 2 กลุ่ม ซึ่งส่วนนี้สถานีตำรวจภูธร (สภ.) คอหงส์ จังหวัดสงขลา รับดำเนินคดีจับกลุ่มผู้ต้องหาได้แล้ว 1 กลุ่ม ส่วนอีก 1 กลุ่มอยู่ระหว่างติดตามจับกุมเนื่องจากมีการหลบหนี

 

ณัฐวิชช์กล่าวว่า อย่างนี้หรือไม่ที่บอกว่าเป็นอินทรีเลือกเหยื่อ คือจะต้องแจ้งข้อกล่าวหาเจาะจงให้ได้แค่กลุ่มหนึ่ง ทั้งที่มีเส้นทางการเงินส่งต่อไปยังอีกหลายส่วน

 

ณัฐวิชช์ระบุว่า นอกจากนี้ในส่วนพนักงานสอบสวนของคดีเว็บพนันก็ปรากฏชื่อในเส้นทางการเงินของพิมพ์วิไลด้วย ฉะนั้นจึงเป็นคำถามว่าที่พยายามยึดถือสำนวนนี้ไว้ไม่ส่งต่อให้หน่วยงานอื่นรับผิดชอบคดี เพราะจะช่วยปกปิดความผิดของผู้บังคับบัญชาหรือไม่ หรือมีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้ต้องหาจริง 

 

การขอเปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวนในคดี 3 ครั้ง

 

วราชันย์กล่าวว่า กลุ่มผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเคยร้องขอความเป็นธรรมเพื่อให้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนไปแล้วหลายครั้ง เพราะเหตุไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยครั้งที่ 1 ยื่นไปเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2566 ครั้งที่ 2 ยื่นไปเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2566 และครั้งที่ 3 ยื่นไปเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567 

 

หนังสือขอความเป็นธรรมทั้งหมดส่งถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่ผลปรากฏว่าปัจจุบันยังไม่ได้รับการพิจารณาคำร้องแต่อย่างใด

 

วราชันย์กล่าวต่อว่า ตลอดการยื่นหนังสือไม่มีคำสั่งจาก ผบ.ตร. ในเรื่องนี้ แต่กลับมีความพยายามของกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่ดูแลคดีขอออกหมายจับ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ซึ่ง พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ยืนยันว่ายินดีจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ถ้ากระบวนการนั้นเป็นการดำเนินการโดยชอบ เพียงแต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่มีความชอบธรรมที่จะทำคดีนี้เลย

 

ดังนั้น หลังจากนี้ทีมทนายความจะนำรายชื่อของเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ไม่ถูกดำเนินการไปยื่นให้กับหน่วยงานต่างๆ ที่ไม่ใช่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับทราบและพิจารณาดำเนินการ ทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ควรจะมีอำนาจดำเนินการในคดีที่มีความเสียหายตั้งแต่ 300 ล้านบาทขึ้นไป, ป.ป.ช., ผู้ตรวจการแผ่นดิน และนายกรัฐมนตรี เพื่อให้พิจารณาดำเนินการในคดีนี้โดยวิธีใดวิธีหนึ่งที่ไม่ใช่อินทรีเลือกเหยื่อ

 

ในช่วงท้ายของการแถลงข่าว พล.ต.ต. นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ หนึ่งในลูกน้องคนสนิทของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ และในฐานะผู้ต้องหาคดีเว็บพนันเครือข่ายมินนี่ ได้ร่วมให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในประเด็นเส้นทางการเงินจากเว็บพนันออนไลน์ BNK Master ที่เชื่อมโยงกับหลายบุคคลในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 

พล.ต.ต. นำเกียรติ ระบุว่า เรื่องเส้นทางการเงิน ตนในฐานะผู้ต้องหาร่วมกับทีมทนายความได้ประสานร่วมกับทีมทนายความของพิมพ์วิไล เพื่อตรวจสอบการทำธุรกรรมระหว่างพิมพ์วิไลกับ พ.ต.ท. คริษฐ์ ว่ามีการทำธุรกรรมอะไร และได้ทำธุรกรรมวันไหน 

 

โดย พล.ต.ต. นำเกียรติ ขยายความเพิ่มเติมถึงเส้นทางการเงินที่ยังไม่มีการออกหมายจับว่า เส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงจากพิมพ์วิไลถึง ค. มีการโยงไปถึงครอบครัว ประกอบด้วย ภรรยา พี่สาว และพี่ชายของผู้บังคับบัญชาระดับสูง ยศนายพล อักษรย่อ ต. โดยภรรยามีอักษรย่อ ก. ส่วนพี่สาวมีอักษรย่อ จ. และพี่ชายอักษรย่อ ช. ทั้งนี้ เส้นทางการเงินดังกล่าวไม่ใช่เส้นทางการเงินที่กระทำความผิด แต่เป็นเส้นทางการเงินที่เชื่อมไปถึงว่ามีการทำธุรกรรมเกิดขึ้น

 

จากนั้น พล.ต.ต. นำเกียรติ ได้เล่าย้อนถึงมูลเหตุแรงจูงใจของการถูกดำเนินคดีของตน และกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ว่าได้กลับไปคิดย้อน คาดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเกิดจากการทำคดีของ ประวีณ จันทร์คล้าย หรืออดีตกำนันนก ต่อมามีการขยายผลเรื่องส่วยทางหลวงต่อ และอีกคดีคือคดีอดีตผู้การชลบุรีเรียกรับเงิน 140 ล้านบาท หรือคดี ‘เป้รักผู้การเท่าไร’ 

 

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ พล.ต.ต. นำเกียรติ ที่เป็นผู้ต้องหาเก็บตัวเงียบมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ถึงออกมาเปิดหน้าชี้แจงกับสื่อ พล.ต.ต. นำเกียรติ ระบุว่า ตนคิดว่าเป็นเพราะช่วงจังหวะและโอกาส ซึ่งบางครั้งไม่ได้มีโอกาสชี้แจง ตัวเราเป็นผู้ถูกกระทำ ขอให้พี่น้องสื่อมวลชนไปตรวจสอบประวัติการทำงานของตนได้ ถ้าตนชั่วขนาดนั้น ให้ดูสภาพความเป็นจริงที่ตนอยู่ หรือดูสภาพที่ตนเองใช้ชีวิตในประจำวัน ส่วนเงินที่ได้มาทุกคนก็คงทราบว่าต้องเลี้ยงดูคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนที่ไปทำงานด้วยกัน ลำพังเงินเดือนของตนเลี้ยงลูกน้องไหวหรือไม่ 

 

ฉะนั้นเมื่อผู้บังคับบัญชาเมตตามอบเงินให้มาดูแลลูกน้อง เมื่อลูกน้องทำงานแล้วจะได้ไม่ต้องควักเงินในกระเป๋าตัวเอง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือผู้บังคับบัญชาจะต้องมาเดือดร้อน

 

เมื่อถามย้ำว่า เป็นการยอมรับใช่หรือไม่ว่า พ.ต.ท. คริษฐ์ ใช้บัญชีม้า พล.ต.ต. นำเกียรติ กล่าวว่า ตนกับ พ.ต.ท. คริษฐ์ เป็นผู้ต้องหา หาก พ.ต.ท. คริษฐ์ ใช้บัญชีม้าในการกระทำความผิด หากมีเงินเข้าก็จะต้องถูกถอนออกหมดใช่หรือไม่ และหากใช้บัญชีม้าโอนมาให้ตน และโอนไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลแม่ของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ และโอนให้บุคคลใกล้ชิด จะไปปกปิดบัญชีได้อย่างไร โดยทั้งหมดนี้จะต้องไปสู้กันในชั้นศาลต่อไป

 

พล.ต.ต. นำเกียรติ ยืนยันว่า การออกมาพูดในครั้งนี้ไม่กังวลว่าจะมีผลกระทบอะไรเกิดขึ้น หากจะมีอะไรเกิดขึ้นก็พร้อมยอมรับ ซึ่งตั้งแต่วันที่ถูกจับกุมก็แทบจะไม่มีอะไรเหลือแล้ว เพราะที่ผ่านมาตนเองได้รับผลกระทบ ทั้งการถูกให้มาประจำศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) และถูกตัดเงินตำแหน่ง ไหนจะครอบครัวที่ต้องดูแล จึงไม่เหลือหน้าตาที่ทำงาน และต้องน้อมรับในสิ่งที่ผู้บังคับบัญชาพิจารณาและดำเนินการ

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X