หยุดยาวแบบนี้ หลายคนคงมีกิจกรรมให้ทำแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะออกไปสังสรรค์กับแก๊งเพื่อน ออกไปกินอาหารกับครอบครัว ออกไปดูหนัง หรือแม้แต่ใช้เวลาอยู่ที่บ้านเพื่อทำอาหารกินง่ายๆ ซึ่งเรื่องอาหารการกินก็ถือเป็นเรื่องที่ยากในการคิดว่า ‘จะกินอะไรดี?’ วันนี้ THE STANDARD POP จะมาแนะนำอาหารอีกหนึ่งประเภทที่มีคุณประโยชน์มากกว่าที่คิด
อาหารดังกล่าวก็คือ ‘ชีส’ เมื่อพูดถึงชีสก็จะโดนตีตราแล้วว่ากินเยอะไม่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ที่ควบคุมน้ำหนักอยู่ ถือเป็นของต้องห้ามกันเลยทีเดียว แต่ชีสมีประโยชน์มากกว่านั้นหากบริโภคตามความเหมาะสม และชีสแต่ละชนิดก็ให้สารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายที่ต่างกันออกไป ซึ่งใครที่กำลังเริ่มเปิดใจกับชีสอยู่ เราจะมาแนะนำชีส 4 ประเภทเพื่อกินในวันหยุดยาว 4 วันนี้กัน
- บรี (Brie Cheese)
มีต้นกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศส และผลิตเป็นวงกว้างในระดับสากล โดยทำมาจากนมวัว หรือบางครั้งก็ใช้นมจากแพะ ภายในมีลักษณะเป็นสีขาว เนื้อสัมผัสมีความนิ่มเนื่องจากใช้เวลาบ่มเพียง 5-6 สัปดาห์ เป็นชีสที่มีไขมัน แคลเซียม และโซเดียมสูง อีกทั้งยังเป็นแหล่งโปรตีนและวิตามิน A และ B6
นิยมกินคู่กับผลไม้ ถั่ว ขนมปังบาแกตต์ และแครกเกอร์
- กามองแบร์ (Camembert Cheese)
มีต้นกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศส ทำมาจากนมวัว หากมองภายนอกคล้ายบรีมาก แต่รสชาติจะมีความนุ่มลึกมากกว่า โดยบรีจะอ่อนกว่าด้วยกลิ่นของครีมและเนย ส่วนกามองแบร์จะลึกกว่าด้วยกลิ่นโน้ตของเห็ด และหอมหวานกว่าบรี เป็นชีสที่มีไขมันระดับปานกลาง อุดมไปด้วยโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามิน A และ B นิยมกินคู่กับไวน์แดง, ผลไม้, ถั่ว, ขนมปังบาแกตต์, แครกเกอร์ และมันอบ
- เฟตา (Feta Cheese)
มีต้นกำเนิดมาจากประเทศกรีซ ทำมาจากนมแกะหรือแพะ ซึ่งหากทำจากนมแกะจะมีความเข้มข้นกว่า ลักษณะเป็นเนยแข็งสีขาว รสชาติมีความเปรี้ยว เข้มข้น และเค็มเล็กน้อย นิยมกินคู่กับเมนูเพื่อสุขภาพอย่างสลัด หรือใช้เป็นท็อปปิ้งบนพิซซ่า เป็นแหล่งแคลเซียมที่ดี อุดมไปด้วยวิตามิน A และ K, โฟเลต, กรดแพนโทเธนิก, ธาตุเหล็ก และแมกนีเซียม
- มอสซาเรลลา (Mozzarella Cheese)
มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิตาลี โดยในอิตาลีทำมาจากนมควาย (Water Buffalo) มอสซาเรลลาสดจะมีความนุ่มคล้ายกับนม สีขาว ไขมันและโซเดียมต่ำ อุดมไปด้วยแคลเซียม โปรตีน และธาตุเหล็ก สามารถพบได้ในพิซซ่า สลัด และแซนด์วิช
ภาพประกอบ: นิสากร ฤทธาภัย
อ้างอิง: