แบงก์ยักษ์ใหญ่ 4 แห่งของสหรัฐอเมริกา ซึ่งประกอบด้วย Bank of America, JPMorgan, Citigroup, และ Wells Fargo ต่างสำรองเงินมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคจำนวนมากไม่สามารถชำระเงินกู้ได้ทัน แม้ว่าผู้บริหารประกาศคลายความกังวลในการเกิดวิกฤตก็ตาม
ผู้ให้กู้รายใหญ่ที่สุด 4 รายของสหรัฐฯ กันสำรองหนี้สูญสินเชื่อผู้บริโภครวมกัน 3.4 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2023 เพิ่มขึ้น 73% จากปีก่อนหน้า เมื่อรวมกับปริมาณเงินสำรองเพิ่มเติม นับเป็นระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นนับตั้งแต่ในช่วงแรกของการแพร่ระบาดของโควิด
นับเป็นเวลาหลายปีที่ภาคธนาคารได้รับประโยชน์จากความแข็งแกร่งทางการเงินของผู้บริโภคในสหรัฐฯ เนื่องจากการสูญเสียเครดิตอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ แต่ปัจจุบันด้วยอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงจากเงินออมของผู้บริโภค ชาวอเมริกันจึงเริ่มหันหลังต่อการใช้จ่ายอีกครั้ง
แต่จนถึงตอนนี้ ผู้บริหารธนาคารยืนกรานว่าการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าการขาดทุนที่กลับสู่ภาวะปกติ หลังจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในยุคโรคระบาดทำให้ค่าผิดนัดชำระของผู้บริโภคต่ำเกินจริง
ด้าน Alastair Borthwick ซีเอฟโอของ Bank of America กล่าวในการประชุมเมื่อวันอังคาร (18 เมษายน) ที่ผ่านมาว่า ธนาคารยังไม่เห็นรอยร้าวใดๆ ในพอร์ตโฟลิโอ และฐานะการเงินของผู้บริโภคยังอยู่ในระดับที่ดี
นอกจากแบงก์ยักษ์ใหญ่เหล่านี้แล้ว ที่ Goldman Sachs ในแผนกแพลตฟอร์มด้านบัตรเครดิตของบริษัท พบว่ามีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเป็น 265 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสนี้ บริษัทกล่าวโทษว่ามาจากการเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมสุทธิสำหรับบัตรเครดิต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เปิดปม ‘Silicon Valley Bank’ ประสบเหตุ Bank Run และถูกสั่งปิดชั่วคราว พร้อมหาคำตอบว่าวิกฤตนี้จะลุกลามแค่ไหน?
- บรรดาหุ้นแบงก์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ถูกถล่มขายกว่า 5.2 หมื่นล้านดอลลาร์ หวั่นวิกฤต ‘Bank Run’ กระทบสภาพคล่องรุนแรง
- เหรียญ USDC หลุด Peg หลังพบว่า Circle มีเงิน 3.3 พันล้านดอลลาร์อยู่ใน Silicon Valley Bank ที่เพิ่งล้ม
อ้างอิง: