×

จาก 4 สถานที่จริงสุดเฮี้ยนสู่ 4 ภาพยนตร์สยองขวัญตะลุยล่าท้าผี

24.08.2019
  • LOADING...

ภาพยนตร์สยองขวัญจากประเทศเกาหลีใต้ 0.0MHz ผีอยู่ในผม ที่เตรียมจะเข้าฉายในบ้านเราขึ้นชื่อว่าเป็นภาพยนตร์ที่น่ากลัวที่สุดแห่งปี การันตีจากคนในประเทศ ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่นคึกคะนอง 5 คนจากชมรม 0.0MHz ที่พยายามทดสอบทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์เพื่อเดินหน้าพิสูจน์และหาข้อสรุปในเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ ทางเดียวที่พวกเขาจะรู้ได้คือการไปพิสูจน์ด้วยตัวเองในบ้านร้างแสนเฮี้ยนเพื่อให้ได้พบกับสิ่งลึกลับ นั่นคือ ‘วิญญาณและชีวิตหลังความตาย’  

 


พล็อตใน 0.0MHz ผีอยู่ในผม ทำให้เรานึกย้อนกลับไปคิดถึงภาพยนตร์อีก 4 เรื่องที่เกี่ยวกับการล่าท้าผี จุดมุ่งหมายของตัวละครจะต้องไปออกตามล่าหาผีในสถานที่ที่คนเล่าลือกันว่า ‘เฮี้ยน’ ที่สำคัญคือทั้ง 4 เรื่องที่หยิบยกมานั้นเป็นล้วนสร้างขึ้นโดยได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง ส่วนจะมีเรื่องอะไรบ้าง เฮี้ยนแค่ไหน มาออกล่าไปพร้อมกัน

***
แต่ทุกความเชื่อควรอยู่ภายใต้วิจารณญาณ อันตรายอาจจะไม่ได้เกิดจากวิญญาณหรือสิ่งลี้ลับ แต่อาจเกิดจากความประมาทและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่ควรลอกเลียนแบบหรือไม่ควรเข้าไปในสถานที่หวงห้าม

 




 

Gonjiam: Haunted Asylum (2018) / เกาหลีใต้
เรื่องราวของเรียลิตี้โชว์ (คล้ายๆ รายการ ล่าท้าผี ของไทย) ที่จัดแฟนรายการกลุ่มหนึ่งเข้าไปท้าทายทดสอบความกล้าเพื่อชิงเงินรางวัล โดยหวังเรียกยอดวิวให้รายการอย่างที่พวกเขาตั้งเป้าไว้คือ 1 ล้านคน 

 

บททดสอบของผู้ร่วมรายการคือต้องทำพิธีกรรมบางอย่างเพื่อให้ได้พบกับวิญญาณในโรงพยาบาลจิตเวชร้างอันมีตำนานสยองว่ามีคนไข้ 42 รายฆ่าตัวตายแบบไร้สาเหตุ มีข่าวลืออีกว่าผู้อำนวยการหญิงของโรงพยาบาลก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ว่ากันว่าเธอคือคนที่ฆ่าคนไข้และผูกคอตายตาม และหลังจากนั้นไม่นานโรงพยาบาลจิตเวชแห่งนี้ก็ปิดตัวลง เหลือไว้เพียงแค่ตำนานสยองขวัญที่ชาวเกาหลีเล่าต่อกันรุ่นสู่รุ่น …แต่แท้จริงแล้วเบื้องหลังแห่งตำนานดังกล่าวยังมีความจริงที่น่าสยดสยองมากกว่าที่ทุกคนรู้ และยิ่งเมื่อทุกคนเข้าไปยุ่งเกี่ยว ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนจากผู้ออกล่ากลายเป็นผู้ถูกตามล่า  

 

ภาพยนตร์สร้างจากตำนานที่อ้างถึง Gonjiam Psychiatric Hospital โรงพยาบาลจิตเวช ตั้งอยู่ที่จังหวัดคยองกี ประเทศเกาหลีใต้ 

 

โรงพยาบาลจิตเวชแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1980 โดยมีเรื่องเล่าถึงเหตุการณ์แปลกประหลาดมากมายที่เกิดขึ้นกับคนที่อยู่ในโรงพยาบาล ทั้งคนไข้ พยาบาล หรือแม้แต่หมอ จนทำให้ทุกคนทยอยลาออกจนไม่มีบุคลากรเหลือ จนกระทั่งปิดตัวลงในอีก 10 ปีต่อมา และได้กลายเป็นอาคารร้างที่เหลือเพียงเศษซากและเรื่องราวเล่าขานอันน่ากลัว ในปี 2019 สำนักข่าว CNN เคยจัดให้โรงพยาบาลแห่งนี้เป็น 1ใน 10 สถานที่ที่น่ากลัวที่สุดในโลก

สามารถรับชมภาพยนตร์ซับไทยแบบถูกลิขสิทธ์ได้ที่ VIU
www.viu.com/ott/th/th/vod/111825/Gonjiam-Haunted-Asylum

 

ตัวอย่างภาพยนตร์

 


อ้างอิง: edition.cnn.com/travel/article/freakiest-places-world/index.html



 

The Forest (2016) / ญี่ปุ่น 

แฝดน้องออกเดินทางมาทำงานเป็นครูที่ญี่ปุ่นเพื่อหนีความทุกข์จากภาพการสูญเสียแม่ในวัยเด็กที่กวนใจเธอมาตลอด แต่สุดท้ายเรื่องราวที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อมีคนพบเห็นเธอเดินออกนอกเส้นทางในการทัศนศึกษาที่ภูเขาไฟฟูจิแล้วหายเข้าไปในป่าอาโอกิงาฮาระ ก่อนที่ต่อมาเธอจะโทรกลับมาหาพี่สาวฝาแฝดของเธอที่อเมริกา 

 

เรื่องราวแปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับแฝดน้องทำให้แฝดพี่ต้องออกเดินทางมาถึงญี่ปุ่นเพื่อตามรอยน้องสาวในพื้นที่ที่ผู้คนกล่าวขานว่าเป็น ‘ป่าแห่งความตาย’ โดยไม่กลัวคำเตือนของชาวบ้าน

 

ขณะที่ตำนานแท้จริงนั้นอยู่ห่างไปไม่ถึง 100 ไมล์จากโตเกียว ที่นั่นมีป่าขนาด 35 ตารางกิโลเมตรที่ถูกขนานนามว่าอาโอกิงาฮาระ แปลว่า ป่าฆ่าตัวตาย หรือที่รู้จักกันในชื่อของ Jukai (Sea of ​​Trees) 

 

ป่ามีนี้มีเอกลักษณ์หลายด้าน ทั้งต้นไม้สูงที่ปกคลุมหนาแน่น แต่ไร้ซึ่งสัตว์ป่า จึงมีความเงียบสงบร่มเย็น แต่กลับเต็มไปด้วยบรรยากาศชวนขนลุก ขณะเดียวกันมันก็เป็นป่าที่ชวนสยองขึ้นไปอีก เพราะมันเป็นสถานที่อันดับหนึ่งที่คนญี่ปุ่นเลือกจะมาฆ่าตัวตาย 

 

ตามสถิติมีการพบศพผู้เสียชีวิตในปี 1998 จำนวน 73 ราย และในปีต่อมาจนถึงปี 2003 ยังพบศพผู้เสียชีวิตในจำนวนสูงถึง 105 ราย ตัวเลขที่น่ากลัวนี้ทำให้กรมตำรวจญี่ปุ่นหยุดเผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้ไปตั้งแต่ปี 2003 ข้อมูลยังระบุอีกว่าตลอดช่วงศตวรรษที่ 19 ป่านี้เป็นสถานที่ที่คนเฒ่าคนแก่เลือกจะพาตัวเองมาจบชีวิตเพื่อหนีความอดอยากและโรคภัย  

 

มีตำนานกล่าวขานไว้ว่า ‘ผู้ที่เดินเข้าไปในป่าแห่งนี้ไม่เคยได้กลับมา’ ซึ่งแน่นอนว่ามีความจริงบางอย่างที่ซ่อนอยู่ด้วย นั่นคือป่านี้มีภูมิทัศน์คล้ายกันมาก จึงทำให้เกิดความสับสนและยากต่อการจดจำทิศทาง ปัจจุบันการเดินทางเข้าป่าของเหล่าไฮเกอร์ (ศัพท์ใช้เรียกนักผจญภัยผู้นิยมการเดินท่องเที่ยวตามเทือกเขาลำเนาไพรแบบเช้าไปเย็นกลับ) จึงต้องพกเทปเข้าไปเพื่อทำเครื่องหมายเส้นทางให้ง่ายต่อการเดินทางกลับออกมา

สามารถรับชมได้ทาง Netflix
www.netflix.com/th-en/title/80049282

 

อ้างอิง: www.aokigaharaforest.com/


 


ฮาชิมะ โปรเจกต์ ไม่เชื่อ ต้องลบหลู่ (2013) / ญี่ปุ่น
มาถึงภาพยนตร์ไทยกันบ้าง เรื่องราวว่าด้วยแก๊งเพื่อนคณะภาพยนตร์ที่เพิ่งเรียนจบ พวกเขารวมตัวกันถ่ายทำรายการบุกบ้านผีฉบับตัวเองเพื่ออัพลงยูทูบ จนไปเตะตานายทุนคนหนึ่งที่ยื่นข้อเสนอการทำรายการที่มีชื่อว่า ฮาชิมะ โปรเจกต์ ซึ่งทุกคนจะต้องไปถ่ายทำที่เกาะร้างสุดหลอนของญี่ปุ่น 

 

จนเมื่อเดินทางไปถึง หนึ่งในทีมเกิดไปลบหลู่และท้าทาย และนั่นนำมาซึ่งเหตุการณ์ไม่คาดฝันจนทำให้ทุกคนต้องหนีเอาชีวิตรอดกลับมาไทย ซ้ำร้ายหนึ่งในกลุ่มดันหยิบแหวนติดออกมาจากเกาะ จึงทำให้ทั้ง 5 คนต้องพบกับสิ่งลี้ลับที่ตามพวกเขามาจากเกาะสยองเพื่อทวงคืนทั้งแหวนและเพิ่มเติมชีวิตของทุกคน 

 

ฮาชิมะคือเกาะในตำนานที่เต็มไปด้วยเรื่องราว พื้นที่ 480 x 150 เมตร ห่างจากฝั่งของเมืองนางาซากิประมาณ 15 กิโลเมตร เป็นสถานที่ตั้งของเกาะที่เป็นแหล่งพลังงานธรรมชาติอย่างถ่านหิน 

 

เกาะฮาชิมะถูกเรียกอีกชื่อว่า ‘เกาะเรือรบ’ ตามลักษณะรูปทรงของเกาะ ในปี 1887-1974 เกาะนี้เคยเป็นสถานที่รุ่งเรืองที่คับคั่งไปด้วยผู้คน เนื่องจากบริษัทมิตซูบิชิส่งแรงงานไปขุดเจาะถ่านหิน 

 

ในปี 1959 มีประชากรอาศัยอยู่บนเกาะมากถึง 1,391 คนต่อพื้นที่ 10,000 ตารางเมตร แต่สุดท้ายเกาะนี้ก็ถูกปิดตัวลงเนื่องจากพลังงานถ่านหินไม่เป็นที่ต้องการอีกต่อไป ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เกาะแห่งนี้ถูกใช้ให้เป็นสถานที่คุมขังนักโทษ 

โดยกองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์แรงงานชาวจีนและเกาหลีใต้ที่ตกเป็นจำเลยในช่วงสงครามมาทำงานในเหมืองถ่านหิน ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ชาวจีนและเกาหลีใต้มองว่าเกาะฮาชิมะเป็นเหมือนกับสถานที่ที่ทำให้บรรพชนของพวกเขาต้องพบกับฝันร้าย 

 

ในปัจจุบันยูเนสโกได้ประกาศให้เกาะฮาชิมะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นมรดกโลกในกลุ่มของอุตสาหกรรมเหมืองถ่านหิน อีกทั้งยังเป็นสถานที่จำลองในการถ่ายทำภาพยนตร์มากมาย เช่น The Greenless Island (1949), Battle Royale (2000) ที่ใช้สถานที่จริงถ่ายทำ, Skyfall (2012), Attack On Titan (2015) และ The Battleship Island (2017)

อ่านประวัติเพิ่มเติมของเกาะได้ที่ thestandard.co/culture-film-the-battleship-island/)



ตัวอย่างภาพยนตร์

 

 

 

 


Ghost Game ล่า-ท้า-ผี (2006) / ไทย, กัมพูชา  

ภาพยนตร์ไทยอีกเรื่องที่ถูกสร้างในสไตล์เรียลิตี้ นอกจากนี้ยังได้กลุ่มวัยรุ่นที่เพิ่งโด่งดังมาจาก Academy Fantasia ซีซัน 1 มาแสดงนำในเรื่อง พล็อตของ Ghost Game ว่าด้วยเรื่องราวที่พูดถึงเรียลิตี้ที่รวบรวมคน 11 คนไปเผชิญหน้ากับสิ่งลี้ลับ โดยที่พวกเขาจะต้องใช้ชีวิตร่วมกันในพิพิธภัณฑ์สงครามแห่งหนึ่งในกัมพูชา ซึ่งเมื่อ 20 ปีที่แล้วคนกลุ่มสุดท้ายที่เข้ามายังสถานที่แห่งนี้ก็ได้ตายอย่างสยดสยอง พร้อมด้วยเงินรางวัลล่อตาล่อใจที่สูงถึง 5 ล้านบาท 

 

พิพิธภัณฑ์สงครามในกัมพูชา S-11 ที่ภาพยนตร์อ้างถึงนั้นคาดว่าได้แรงบันดาลใจมาจากคุกเก่าในพนมเปญที่มีชื่อว่า S-21 Tuol Sleng หรือคุกล้างเผ่าพันธุ์ โดยต้นเรื่องจะมีภาพของสงครามทุ่งสังหาร (The Killing Fields) แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ว่าเรื่องนี้จะพูดถึงสถานที่แห่งนั้น 

 

คุกที่น่าสะพรึงกลัวนี้เคยเป็นสถานที่ที่จับคนบริสุทธิ์ไปฆ่าและทรมาน และมีเหยื่อเสียชีวิตถึง 17,000 ราย ต่อมาในปี 1975 กองกำลังของผู้นำเผด็จการสังคมนิยมเข้ามายึดโรงเรียนมัธยม Tuol Svay Prey และเปลี่ยนให้เป็น Security Prison 21 ที่เรียกกันว่า S-21 โดยกลุ่มเขมรแดงได้สังหารเหยื่อถึง 100 คนต่อวัน และบันทึกภาพของนักโทษส่วนใหญ่ไว้ก่อนที่จะสังหารอย่างโหดเหี้ยม โดยมีเพียง 7 คนที่รอดชีวิตหลังจากกองทัพเวียดนามเข้ามาช่วยเหลือ ส่วนสาเหตุที่พวกเขายังเหลือรอดชีวิตกลับมาได้นั้นเป็นเพราะความสามารถในด้านการถ่ายภาพและวาดภาพที่กองทัพเขมรแดงยังต้องการใช้งาน และปัจจุบัน S-21 กลายเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงและอาลัยเหยื่อผู้เสียชีวิต

อ้างอิง: www.expedia.co.th/Tuol-Sleng-Genocide-Museum-Chamkar-Mon.d6101632.Place-To-Visit

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising