วานนี้ (16 พฤษภาคม) วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ในรายการ THE STANDARD NOW ดำเนินรายการโดย อ๊อฟ-ชัยนนท์ หาญคีรีรัตน์ ถึงการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากของพรรคก้าวไกลว่า
หากพรรคก้าวไกลได้ 310 เสียง ก็เพียงพอที่จะมีเอกภาพในการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ถ้าเติมเสียงเข้ามามากๆ ก็เหมือนเป็นการลดทอนภารกิจในการตรวจสอบความถ่วงดุลของฝ่ายค้าน
ดังนั้นการรวมเสียงมากๆ แต่วิถีทางกับอุดมการณ์แตกต่างกระจัดกระจาย ก็จะส่งผลให้ขับเคลื่อนนโยบายได้ยาก เนื่องจากกลุ่มคนมาจากอุดมการณ์ที่หลากหลาย ซึ่งตนเองเคารพในอุดมการณ์ที่แตกต่างจากพรรคก้าวไกล
วิโรจน์ระบุว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ คือการธำรงเกียรติภูมิของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นช่องทางที่สะท้อนเสียงของประชาชน ซึ่ง ส.ส. หรือพรรคการเมืองที่ไม่ได้ถูกเทียบเชิญให้มาร่วมรัฐบาลหลายๆ คน ก็พร้อมที่จะโหวตเลือกแคนดิเดตของพรรคที่ได้อันดับ 1 ให้แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี
วิโรจน์กล่าวเพิ่มว่า นี่คือการประกาศเจตนารมณ์ที่ชัดเจนว่าการเลือกนายกรัฐมนตรีต้องมาจากประชาชน ซึ่ง ส.ว. ที่ไม่ได้มาจากประชาชนโดยตรงก็ไม่ควรเข้ามาแทรกแซงการตัดสินใจของ ส.ส. ที่มาจากประชาชน ฉะนั้นจึงเชื่อมั่นว่ายังมี ส.ส. ที่ไม่ได้ถูกเทียบเชิญจะเลือกพรรคก้าวไกลเป็นจำนวนมาก รวมทั้ง ส.ว. จำนวนหนึ่งที่เข้าอกเข้าใจพรรคก้าวไกล
ทั้งนี้ วิโรจน์ได้เปิดเผยกรณีพรรคเพื่อไทยที่ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยย้ำว่าพรรคเพื่อไทยคือสถาบันหลักทางการเมืองที่น่านับถืออย่างมาก เพราะมีจุดยืนชัดเจนที่จะเลือก พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้เป็นนายกรัฐมนตรี อย่าไปตั้งสมมติฐานที่บั่นทอนกำลังใจหรือปั่นกระแส และทำให้พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลแตกหักกันเลย
จึงเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยมีจุดยืนที่ชัดเจนที่สุดแล้ว เนื่องจากยืนหยัดและธำรงระบบรัฐสภาที่จะให้พรรคอันดับ 1 เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ฉะนั้น 2 พรรค ได้แก่ ก้าวไกลและเพื่อไทย มีความเชื่อใจกันมาก รวมถึงอีก 4 พรรคที่เหลือ ได้แก่ พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคไทยสร้างไทย และพรรคเป็นธรรม ซึ่งมีจุดยืนใกล้เคียงกันและจับมือฟากประชาธิปไตยกันแน่นหนามาก
“ณ ตอนนี้ทั้ง 6 พรรค มีความรู้สึกเหมือนกับการปลูกต้นไม้แห่งความหวัง ที่เป็นความหวังของประชาชน และพวกเรา (6 พรรค) ก็โอบกอดและจับมือกันไว้อย่างแน่นหนา ถ้ายังจับมือแน่นแฟ้น มีความกลมเกลียวและร้อยรักในอุดมการณ์แบบนี้ อะไรก็ไม่สามารถทำลายพวกเราทั้ง 6 พรรคได้” วิโรจน์กล่าวปิดท้าย