วันนี้ (13 กรกฎาคม) ที่รัฐสภา พีระศักดิ์ พอจิต สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวภายหลังการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยว่า ตนโหวตเห็นชอบ ได้ทำหน้าที่สมาชิกรัฐสภาโดยใช้ดุลยพินิจที่ไม่มีใครมาแทรกแซง คิดถึงหลักการและศรัทธาที่ประชาชนมีต่อระบบ ให้ความสำคัญกับ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผ่านการเลือกตั้งมาหลายครั้ง ค่อนข้างเคารพเสียงประชาชน และฟังเสียงประชาชนมาหลายระดับ อยากให้ประเทศไทยเราเดินไปตามระบบไว้ก่อน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า บางส่วนกังวลใจในการแก้ไขมาตรา 112 และมีข้อกล่าวหาว่าแบ่งแยกดินแดน มีความกังวลใจในเรื่องนี้หรือไม่ พีระศักดิ์กล่าวว่า เป็นขั้นตอนของการโหวตนายกฯ คิดถึงความคาดหวังของประชาชนเป็นหลัก สำหรับการแก้ไขมาตรา 112 ก็เป็นกระบวนการฝ่ายนิติบัญญัติที่ต้องเสนอเป็นกฎหมาย ที่พรรคร่วมรัฐบาลก็ประกาศตัวอยู่แล้วว่าไม่สนับสนุน 151 เสียง แก้ไขไม่ได้ในสภาล่าง เมื่อมาถึงสภาสูงโอกาสก็แทบจะเป็นศูนย์
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า แนวโน้มของพิธาจะไปถึงฝันหรือไม่ เพราะมีการงดออกเสียงโหวตกว่าร้อยคนแล้ว พีระศักดิ์กล่าวว่า ตนเคารพเสียงของสมาชิกท่านอื่น ซึ่งตนก็ไม่ให้ใครมาแทรกแซงตน และตนก็ไม่ชี้นำใคร เพราะว่าเราก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 หรือไม่ พีระศักดิ์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของประธานรัฐสภาที่ท่านต้องหารือกับวิป 3 ฝ่ายว่าควรจะทำอย่างไร ตนไม่ขอไปก้าวล่วงในเรื่องนี้
“การแบ่งแยกดินแดนไม่ต้องเป็นห่วง เราระบุไว้แล้วว่าประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรหนึ่งเดียว ใครจะแบ่งแยกไม่ได้” พีระศักดิ์กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้ในโลกโซเชียลมีเดียโพสต์ชื่นชม ส.ว. ที่โหวตให้ความเห็นชอบพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี มองเรื่องดังกล่าวอย่างไร พีระศักดิ์กล่าวว่า ก็เป็นแค่กระแส ขอชื่นชมว่าพรรคก้าวไกลทำให้คนสนใจในการเมือง ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ขอเตือนไว้ว่าให้บริหารอารมณ์ของประชาชนเพื่อความสงบสุขของประเทศ จะไปเอาความแพ้-ชนะอย่างเดียวไม่ได้
