×

ถอดรหัส 30 ปี ‘เอ็กโก กรุ๊ป’ จากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) รายแรกของประเทศไทย สู่ผู้สร้างพลังงานครบวงจร [ADVERTORIAL]

โดย THE STANDARD TEAM
29.11.2022
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) รายแรกของประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2535 และเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
  • ในปัจจุบัน เอ็กโก กรุ๊ป ขยายธุรกิจจากการเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าสู่การเป็นผู้ดำเนินธุรกิจพลังงานครบวงจร โดยมีประเภทธุรกิจแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ ธุรกิจไฟฟ้า (ธุรกิจกลางน้ำ) เป็นธุรกิจหลักและความเชี่ยวชาญของเอ็กโก กรุ๊ป, ธุรกิจเชื้อเพลิงและสาธารณูปโภคที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงาน (ธุรกิจต้นน้ำ) และธุรกิจ Customer Solution & Startup (ธุรกิจปลายน้ำ)
  • เอ็กโก กรุ๊ป ได้ขยายการลงทุนให้ครอบคลุมถึงธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก พร้อมสร้างโอกาสให้บริษัทเติบโตไปพร้อมกับอุตสาหกรรมพลังงานโลก
  • เอ็กโก กรุ๊ป เร่งขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติให้พร้อมตอบสนองต่อการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมพลังงาน ภายใต้ทิศทางการดำเนินธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน ด้วยการกำหนดเป้าหมายระยะกลางในการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% และลดการปล่อยปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยไฟฟ้าที่ผลิตได้ลง 10% ภายในปี 2573 และเป้าหมายระยะยาวที่ต้องการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี 2593

รู้หรือไม่ว่า ‘บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)’ หรือ ‘เอ็กโก กรุ๊ป’ เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) รายแรกของประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2535

 

จากจุดเริ่มต้นเมื่อ 30 ปีก่อน ที่ก่อตั้งขึ้นตามนโยบายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจของรัฐบาล และส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีบทบาทในการลงทุนผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเพื่อลดภาระการลงทุนของภาครัฐ และเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีผู้ถือหุ้นหลัก ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ บริษัท เท็ปเดีย เจเนอเรติ้ง บี.วี. จำกัด

 

จนวันนี้ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้สร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานของไทยและเป็นบริษัทไทยชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจพลังงานอย่างยั่งยืนในระดับสากลด้วยการเป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices: DJSI) ประเภทสาธารณูปโภคไฟฟ้า (Electric Utilities) 

 

เอ็กโก กรุ๊ป ยังมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจบนวิสัยทัศน์ ‘เป็นบริษัทไทยชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจพลังงานอย่างยั่งยืน ด้วยความใส่ใจที่จะธำรงไว้ซึ่งสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาสังคม’ อย่างไม่เปลี่ยนแปลง

 

เราจึงอยากชวนไปทำความรู้จักองค์กรอย่าง ‘เอ็กโก กรุ๊ป’ ที่ได้เติบใหญ่จากการเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่รายแรกของประเทศไทย สู่ผู้สร้างพลังงานครบวงจร

 

 

3 ธุรกิจแกนหลักของ ‘เอ็กโก กรุ๊ป’

หากมองเข้าไปยังเบื้องหลังของ ‘เอ็กโก กรุ๊ป’ จะพบว่า มีธุรกิจที่เป็นดั่งกระดูกสันหลังอยู่ 3 ส่วน ได้แก่

 

1.ธุรกิจไฟฟ้า (ธุรกิจกลางน้ำ) เป็นธุรกิจหลักและความเชี่ยวชาญของเอ็กโก กรุ๊ป ซึ่งเป็นรากฐานความแข็งแกร่งขององค์กร ปัจจุบันเอ็กโก กรุ๊ป มีกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 6,377 เมกะวัตต์ (รวมโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วและโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง) 

 

โดยมีกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนรวมสูงถึง 1,424 เมกะวัตต์ ทั้งจากชีวมวล พลังงานน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานความร้อนใต้พิภพ และเซลล์เชื้อเพลิง ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าและโครงการต่างๆ ตั้งอยู่ใน 8 ประเทศ ได้แก่ ไทย, สปป.ลาว, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, ออสเตรเลีย, เกาหลีใต้, ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา

 

“การเติบโตอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่งของเอ็กโก กรุ๊ป เป็นผลมาจากนโยบายการสร้างความสมดุลของพอร์ตโฟลิโอของธุรกิจไฟฟ้า ทั้งด้านความหลากหลายของเชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตไฟฟ้า และการกระจายการลงทุนในหลายพื้นที่ทั้งในทวีปเอเชียและทวีปอเมริกา” เทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป กล่าว

 

 

2. ธุรกิจเชื้อเพลิงและสาธารณูปโภคที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงาน (ธุรกิจต้นน้ำ) เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจหลัก ได้แก่ การดำเนินโครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ‘ทีพีเอ็น’ การได้รับใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติในประเทศไทย และนิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง

 

3. ธุรกิจ Customer Solution & Startup (ธุรกิจปลายน้ำ) เป็นการต่อยอดธุรกิจหลักด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีพลังงาน รวมถึงธุรกิจ New S-Curve ผ่านการลงทุนในบริษัทด้านการวิจัยเพื่อพัฒนานวัตกรรม ‘อินโนพาวเวอร์’ และบริษัทเทคโนโลยีด้านการเงิน ‘เพียร์ พาวเวอร์’ เป็นต้น

 

ทุกธุรกิจมีศักยภาพในการเติบโต

เทพรัตน์กล่าวต่อว่า ธุรกิจพลังงานของเอ็กโก กรุ๊ป ทั้ง 3 กลุ่ม ต่างมีศักยภาพในการเติบโตในมิติที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น 

 

ธุรกิจไฟฟ้า (ธุรกิจกลางน้ำ) ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ยังคงมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก ขณะเดียวกันก็ยังมีความต้องการพลังงานจากเชื้อเพลิงหลัก (Conventional) เพื่อรักษาเสถียรภาพให้ระบบไฟฟ้าควบคู่กัน 

 

ในอนาคต เอ็กโก กรุ๊ป ยังคงแสวงหาโอกาสลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและโรงไฟฟ้าแบบ Conventional ทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีฐานธุรกิจอยู่แล้ว โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา สำหรับธุรกิจไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศจะนำโดย ‘เอเพ็กซ์ คลีน เอ็นเนอร์ยี โฮลดิ้ง’ บริษัทชั้นนำด้านการพัฒนาโครงการพลังงานสะอาดขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ที่เอ็กโก กรุ๊ป เข้าไปถือหุ้นในสัดส่วน 17.46%

 

 

ในขณะที่การลงทุนในประเทศ เอ็กโก กรุ๊ป มีแผนที่จะเข้าร่วมประมูลโครงการพลังงานหมุนเวียนของภาครัฐ โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์และระบบแบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน นอกจากนี้ ยังจะพัฒนาพลังงานสะอาดใหม่ ๆ ได้แก่ การลงทุนในโครงการนำร่องผลิตไฟฟ้าจากเซลล์เชื้อเพลิงที่โรงไฟฟ้า ‘คลองหลวง’ จังหวัดปทุมธานี กำลังผลิต 5 เมกะวัตต์ ในขณะเดียวกันจะบริหารสินทรัพย์และโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและปลดปล่อยคาร์บอนให้น้อยที่สุด ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนและนำมาใช้กับโรงไฟฟ้า เช่น เทคโนโลยีดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage: CCS) การศึกษาและพัฒนาการผลิตไฟฟ้าจากไฮโดรเจน (Hydrogen to Power) และการศึกษาเพื่อนำแอมโมเนียมาใช้เป็นเชื้อเพลิงผสมเพื่อลดการปลดปล่อยคาร์บอน 

 

ธุรกิจเชื้อเพลิงและสาธารณูปโภคที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงาน (ธุรกิจต้นน้ำ) ก็มีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เพราะพลังงาน Conventional เช่น น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และ LNG ยังมีความสำคัญในการสร้างเสถียรภาพให้กับระบบไฟฟ้าดังเช่นที่กล่าวมา ในขณะเดียวกันการพัฒนาเชื้อเพลิงใหม่ เช่น ไฮโดรเจน เป็นพลังงานสะอาดแห่งอนาคตที่เชื่อถือได้และตอบโจทย์การมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ สำหรับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมในประเทศไทย

 

ธุรกิจ Customer Solution & Startup (ธุรกิจปลายน้ำ) เป็นการต่อยอดธุรกิจหลักด้วยการพัฒนาธุรกิจเกี่ยวกับนวัตกรรมไฟฟ้าและธุรกิจ New S-Curve อย่างต่อเนื่อง ผ่านการลงทุนในบริษัท ‘อินโนพาวเวอร์’ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและก้าวเข้าสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต

 

4 เหตุผลแห่งความเชี่ยวชาญในธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานมากว่า 30 ปี

จะเห็นได้ว่าการดำเนินธุรกิจของเอ็กโก กรุ๊ป ล้วนก้าวย่างด้วยความรอบคอบ จนทำให้วันนี้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานมากว่า 30 ปี ซึ่งมาจาก 4 เหตุผลหลัก ได้แก่ 

 

  1. บริษัทลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าที่มีความหลากหลายทั้งในด้านของประเภทการผลิต ชนิดของเชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตไฟฟ้าทั้ง Conventional และพลังงานหมุนเวียน และทำเลที่ตั้งของโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศทั้งในทวีปเอเชียและทวีปอเมริกา ซึ่งช่วยกระจายความเสี่ยง รักษาเสถียรภาพ พร้อมสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคต ส่งผลให้พอร์ตโฟลิโอมีความยืดหยุ่นและพร้อมรับกับความท้าทายต่างๆ

 

  1. บริษัทมีสภาพคล่องที่แข็งแกร่งและกระแสเงินสดที่คาดการณ์ได้จากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว ซึ่งปัจจุบันเอ็กโก กรุ๊ป มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นจากโรงไฟฟ้าในประเทศคิดเป็นสัดส่วน 47% ของพอร์ตโฟลิโอทั้งหมด และโรงไฟฟ้าในต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วน 53%

 

  1. เอ็กโก กรุ๊ป มี บริษัท เอ็กโก เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส จำกัด หรือ เอสโก ที่ให้บริการเดินเครื่องและบำรุงรักษา (O&M) และบริการด้านวิศวกรรมเป็นของตัวเอง ดังนั้น เอ็กโก กรุ๊ป ไม่เพียงแค่ลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าเท่านั้น แต่สามารถดูแลบริหารจัดการโรงไฟฟ้าได้ เอสโกจึงเป็นธุรกิจที่ช่วยเสริมรายได้ให้กับบริษัท นับเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งที่สำคัญ

 

 

  1. นอกจากนี้ เอ็กโก กรุ๊ป ได้ขยายการลงทุนให้ครอบคลุมถึงธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก พร้อมสร้างโอกาสให้บริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดดไปพร้อมกับอุตสาหกรรมพลังงานโลก

 

เดินหน้าสู่ ‘ความเป็นกลางทางคาร์บอน’

อย่างไรก็ตามสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ในวันนี้คือ ‘ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ’ ที่ทุกคนทั่วโลกกำลังร่วมมือร่วมใจกันเพื่อแก้ปัญหานี้

 

แม้ว่าประเทศไทยจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกในสัดส่วนเพียงร้อยละ 0.72 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วทั้งโลก แต่ประเทศไทยกลับเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่จะได้รับผลกระทบร้ายแรงที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

 

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ทางการของไทยได้ยกระดับการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศอย่างเต็มที่และด้วยทุกวิถีทาง เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2573 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2608

 

สำหรับเอ็กโก กรุ๊ป ตระหนักดีว่าธุรกิจผลิตไฟฟ้าและพลังงานมีส่วนสำคัญในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ผ่านมาเอ็กโก กรุ๊ป ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นทางในการทำธุรกิจ

 

 

ไม่ว่าจะเป็นบริหารจัดการการผลิตไฟฟ้าและกิจกรรมต่างๆ ในธุรกิจให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการผลิตให้อยู่ในระดับต่ำที่สุด พร้อมติดตามและเก็บสถิติการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากกิจกรรมต่างๆ

 

รวมถึงขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนเพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทจะสามารถบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยไฟฟ้าที่ผลิตได้ (Carbon Emission Intensity) ลง 10% ภายในปี 2573 และบรรลุ Carbon Neutral ในปี 2593 ได้ตามเป้าหมาย

 

ทั้งหมดเกิดขึ้นภายใต้ทิศทางการดำเนินธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน ด้วยแนวคิด ‘Cleaner, Smarter and Stronger to Drive Sustainable Growth’ ซึ่งต้องการเร่งขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติให้พร้อมตอบสนองต่อการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมพลังงาน

 

นอกจากนี้ เอ็กโก กรุ๊ป ได้ก่อตั้งและสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิไทยรักษ์ป่า เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำสำคัญของประเทศ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มานานกว่า 20 ปี

 

ซึ่งจะเห็นได้ว่า ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา เอ็กโก กรุ๊ป ดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ ESG (Environmental, Social and Governance) ด้วยการดูแลสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาชุมชนและสังคมในทุกพื้นที่ที่เข้าไปดำเนินกิจการ ภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับผู้มีส่วนได้เสียมาอย่างต่อเนื่อง

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X