ที่โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทาราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ถนนแจ้งวัฒนะ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย กล่าวเปิดงานสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับชาติ ในหัวข้อการผลักดันยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สู่ประเทศไทยใสสะอาด คนทั้งชาติต้านทุจริต จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.
โดยระบุว่า การทุจริตคอร์รัปชันนั้นเป็นภัยร้ายแรงอย่างหนึ่งของประเทศ เพราะส่งผลกระทบทั้งด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ รวมถึงกระทบต่อความรู้สึกนึกคิดของประชาชนในแง่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐ ต่อการปกครอง ต่อสังคม ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมขึ้น
ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ทั่วโลกต่างทราบดีว่า การทุจริตคอร์รัปชันคือภัยร้ายแรงของประเทศตนทำให้มีการจัดทำตัวชี้วัด ประเมินรัฐบาลทั่วโลกตามดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชัน หรือซีพีไอ ปรากฏว่าประเทศไทยได้คะแนน 37 คะแนนจาก 100 คะแนน จึงต้องมีการรณรงค์แก้ไข และปราบปรามกันต่อไป
ดังนั้นรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้ตั้งเป้าไว้ว่าอย่างน้อยที่สุดอีกประมาณ 3 ถึง 4 ปีจากนี้ไป หรือประมาณปี 2564 ซึ่งจะเป็นปีสุดท้ายของการใช้ยุทธศาสตร์ระยะที่ 3 ซีพีไอของประเทศไทยจะต้องมีคะแนนเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 50 คะแนนหรือสูงกว่านั้น
และเพื่อนำไปสู่เป้าหมายดังกล่าว ประเทศไทยจึงได้กำหนดวาระแห่งชาติคือยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งต้องสร้างให้คนไทยไม่ทนต่อการทุจริต โดยตั้งแต่ปี 2560-2564 ได้วางแผนในการใช้ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ
จากนั้นนายวิษณุกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ การผสานพลังสร้างประเทศไทยใสสะอาด ว่าการทุจริตคอร์รัปชันเป็นเสมือนกับสนิมที่เกิดขึ้นในตัวแล้วก็กัดกินตัวเอง เป็นภัยร้ายที่ขวางการพัฒนาประเทศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายนอก แต่เกิดจากปัจจัยภายใน พร้อมยกโคลงโลกนิติเปรียบเปรยประเทศเป็นเหล็กที่ถูกสนิมซึ่งหมายถึงการทุจริต คอร์รัปชัน ในองค์กรตัวเองกัดกร่อน
ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดการตระหนักรู้ทั้งโลก จนทำให้สหประชาชาติได้ตั้งเป้าหมายในภาพรวมไว้เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งหนึ่งในเป้าหมายของการพัฒนาอย่างยั่งยืนนั้น คือการป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างเฉียบขาด ดังนั้นหน้าที่ของประเทศต่างๆ ที่เป็นสมาชิกต้องไปคิดว่าจะทำอย่างไร
ส่วนในประเทศไทยนั้นได้จัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่บังคับไว้ตามรัฐธรรมนูญตามมาตรา 65 เพื่อกำหนดเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ดังนั้นจึงมีการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติไว้เป็นระยะเวลา 20 ปี แต่กลับถูกวิจารณ์ว่า รัฐบาลชุดนี้จะอยู่ยาวถึง 20 ปีนั้นไม่เป็นความจริง แต่เแป็นการเขียนให้ทุกหน่วยงานของรัฐดำเนินการตามเท่านั้น
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์