หลังจากบิทคอยน์ทำราคาปิดรายสัปดาห์ที่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 6 เดือน และทำผลตอบแทนมากกว่า 40% ใน 30 วันที่ผ่านมา ดูเหมือนว่า BTC จะซื้อขายอย่างระมัดระวังในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะจับตาดูการประชุม FOMC ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่อาจทำให้เกิดความผันผวนในตลาด รวมถึงจับตาดูแนวต้านสำคัญของ BTC ที่ระดับ 25,000 ดอลลาร์ และสัญญาณเชิงบวกที่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของตลาดกระทิง
การประชุม FOMC และการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed
สัปดาห์นี้ถือว่ามีความสำคัญต่อตลาดการเงิน เนื่องจากคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) จะมีการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 1 กุมภาพันธ์
ข้อมูล FedWatch Tool ของ CME Group แสดงให้เห็นว่า ปัจจุบันตลาดรับรู้อย่างเป็นเอกฉันท์ 98.4% ว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25% ซึ่งหาก Fed เคลื่อนไหวตามคาดการณ์ของตลาด นี่จะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2022
นอกเหนือจากปัจจัยจากอัตราดอกเบี้ยแล้ว Alasdair Macleod ผู้บริหารฝ่ายวิจัยของ Goldmoney แสดงความเห็นว่า ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์จากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน อาจเป็นตัวกระตุ้นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงในอนาคตต่อไป
BTC เข้าใกล้แนวต้านสำคัญ
เมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาบิทคอยน์สามารถแตะจุดสูงสุดที่ 23,950 ดอลลาร์ได้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนครึ่ง และ ณ เวลา 16.45 น. ของวันนี้ (30 มกราคม) ราคา BTC ซื้อขายอยู่ที่ 23,190 ดอลลาร์ โดยลดลงเล็กน้อย 0.5% ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และยังคงปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 40% ในช่วง 30 วันล่าสุด
Crypto Tony ผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโตแสดงความเห็นว่า ระดับ 25,000 ดอลลาร์เป็นบริเวณใกล้เคียงกับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบ Exponential (EMA) 200 สัปดาห์ของ BTC ซึ่งมักจะเป็นระดับราคาที่มีนัยสำคัญสำหรับนักเทรดระยะยาว นอกจากนี้ยังเป็นระดับราคาทางจิตวิทยาที่มีความสำคัญอีกด้วย สัญญาณ On-Chain เชิงบวก
ดัชนี Profit and Loss (PnL) จาก CryptoQuant แสดงให้เห็นว่า BTC กำลังเกิดสัญญาณซื้อ ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นปี 2019
ดัชนี PnL จะแสดงถึงจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของวัฏจักรปกติ โดยใช้ข้อมูลรวมจากเมตริกบนเชนอื่นๆ มารวมด้วย หากค่าดังกล่าวเพิ่มขึ้นเหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่หนึ่งปี จะถือเป็นโอกาสในการซื้อระยะยาว จากชาร์ตด้านล่างนี้จะเห็นได้ว่า ดัชนีเกิดสัญญาณครอสโอเวอร์ ซึ่งจากในอดีตนี่เป็นสัญญาณจุดเริ่มต้นของตลาดกระทิง
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- Bitcoin Rainbow Chart อัปเดตแถบสีม่วงอันใหม่ ‘1 BTC = 1 BTC’ หลังจากราคาบิทคอยน์ดิ่งลงต่อเนื่อง
- 5 สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับ Ethereum หลังการอัปเกรดครั้งสำคัญ ‘The Merge’
- เจมี ไดมอน จาก JP Morgan ชี้ สกุลเงินดิจิทัลรวมถึง Bitcoin เป็นแชร์ลูกโซ่แบบกระจายอำนาจ
อ้างอิง: