ในขณะที่สถานะและมูลค่าของตลาดคริปโตเคอร์เรนซีได้รับการยอมรับจากฝั่งตะวันตก แต่สำหรับจีนแล้วอาจไม่เป็นเช่นนั้น โดยเว็บไซต์ Global Times รายงานว่า 3 สมาคมด้านอุตสาหกรรมการเงินของจีน ประกอบด้วย สมาคมการเงินอินเทอร์เน็ตแห่งชาติจีน (National Internet Finance Association of China), สมาคมธนาคารจีน (China Banking Association) และสมาคมด้านการชำระเงินและหักบัญชีจีน (Payment and Clearing Association of China) ออกแถลงการณ์ร่วม สั่งบรรดาสถาบันการเงินและแพลตฟอร์มการชำระเงินทั้งหลายในจีนห้ามดำเนินธุรกรรมใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโตเคอร์เรนซีโดยเด็ดขาด
พร้อมกันนี้ ทั้งสามสมาคมยังได้ออกคำเตือนถึงนักลงทุนเกี่ยวกับความเสี่ยงที่มาจากการเก็งกำไรสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งไม่สามารถใช้จ่ายในฐานะสกุลเงินปกติทั่วไปได้ในปัจจุบัน
รายงานระบุว่า ราคาของคริปโตเคอร์เรนซี เช่น บิตคอยน์ และ Dogecoin นับเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงมากและมีความอ่อนไหวมากด้วยเช่นกัน เพียงแค่ข่าว Tesla ระงับการชำระเงินด้วยบิตคอยน์ก็ทำให้ราคาของบิตคอยน์ร่วงลงหลุดกรอบ 45,000 ดอลลาร์สหรัฐแล้ว
ขณะเดียวกัน แถลงการณ์ร่วมดังกล่าวระบุชัดเจนว่า คริปโตเคอร์เรนซีเป็นภาคอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยง เป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจ และการซื้อขายกันเองโดยตรง หรือ Over-the-Counter Trading ควรถูกยกเลิก และไม่สมควรถูกนำมาใช้หมุนเวียนภายในตลาดการเงิน
อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าตลาดคริปโตเคอร์เรนซีกำลังได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมูลค่าตลาดในขณะนี้เพิ่มสูงขึ้นมาก โดยสถานีโทรทัศน์ CNBC อ้างอิงรายงานของบริษัทวิเคราะห์ข้อมูล Bernstein ในตลาด Wall Street ที่พบว่า มูลค่าตลาดของคริปโตเคอร์เรนซีในขณะนี้มีสูงกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเกือบเทียบเท่าปริมาณของทองคำที่มีการถือครองไว้เพื่อจุดประสงค์ด้านการลงทุน
Bernstein ระบุว่า นักลงทุนจำเป็นต้องหากระแสผลตอบแทนที่สามารถป้องกันความเสี่ยงจากการลดลงของมูลค่าสินทรัพย์ และกระจายความเสี่ยงด้านตราสารหนี้ในระดับที่สูงขึ้นไปของอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งในกรณีดังกล่าว สินทรัพย์อย่างคริปโตเคอร์เรนซีมีแนวโน้มที่จะสามารถรองรับความจำเป็นที่ว่านี้ได้
ทั้งนี้ ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา คริปโตฯ ได้ขยายตัวเติบโตจนก้าวเข้าสู่ตลาดกระแสหลัก ท่ามกลางแรงสนับสนุนจากบริษัท องค์กร และสถาบันชั้นนำหลายแห่ง ทำให้นักลงทุนต่างๆ เข้ามาซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตฯ กันอย่างคึกคัก ทั้งยังยกสถานะให้คริปโตฯ เป็นอีกหนึ่งแหล่งสั่งสมความมั่งคั่งที่เชื่อถือได้ และเป็นวิธีการกระจายการลงทุนในพอร์ตของแต่ละคน
กระนั้น Bernstein ย้ำชัดว่า ยังอีกไกลหากจะเทียบสถานะของคริปโตเคอร์เรนซีให้เทียบเท่าทองคำ เพราะต่อให้มีมูลค่าตลาดที่แทบจะใกล้เคียงกันแล้ว แต่ทองคำกลับมีสถานะที่ต่างออกไปเมื่อพิจารณาจากวัตถุประสงค์ในการใช้งาน โดย Bernstein ได้ยกตัวอย่างกรณีทองคำในฐานะเครื่องประดับ ซึ่งพบว่า ตลาดทองคำในฐานะอัญมณีเครื่องประดับ (Jewelry) ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดสุทธิ 8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ใหญ่กว่าตลาดคริปโตเคอร์เรนซีถึง 4 เท่า
ยิ่งไปกว่านั้น คริปโตเคอร์เรนซีแต่ละตัวยังมีความแตกต่างกันออกไป โดย Bernstein กล่าวว่า บิตคอยน์ส่วนใหญ่ใช้เป็นที่เก็บมูลค่า ในขณะที่สกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ เช่น Ethereum มีฟังก์ชันการทำงานที่มากกว่าการถือเป็นการลงทุน
อ้างอิง: