ก่อนที่คนจะมาฮิตเพลง Let It Go จาก Frozen หรือยังฮัมเนื้อเพลง Can You Feel The Love Tonight? จาก The Lion King (ที่เรานับวันรอที่จะได้ยินเสียงพากย์ของบียอนเซ่ในเวอร์ชันปี 2019) ร้องเพลง Reflection ไปพร้อมๆ กับการดูหนัง Mulan ที่หลายคนอยากเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ด้านเสียงเหมือนคริสตินา อากีเลรา เราเชื่อว่าสาวก Disney Princess ตัวจริงเสียงจริงต้องร้องเพลง Part of Your World จากการ์ตูนเรื่อง The Little Mermaid หรือชื่อภาษาไทย ‘เงือกน้อยผจญภัย’ มาก่อน ซึ่งในวาระครบรอบ 28 ปีที่การ์ตูนอมตะเรื่องนี้เข้าฉายเป็นวันแรก (ในยุคนั้นคนกรุงเทพฯ ต้องไปดูที่โรงหนังอย่าง โรงหนังฮอลลีวูด ที่สี่แยกราชเทวี หรือโรงหนังวอชิงตัน ตรงสุขุมวิท ซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยไดโนเสาร์) เราขอย้อนกลับไปดูความสำคัญของหนังเรื่องนี้ที่ยังคงเป็นเม็ดเงินสำคัญของดิสนีย์และขับเคลื่อนวัฒนธรรมป๊อปคัลเจอร์มาจนถึงทุกวันนี้ จะงานวันเกิด งานแฟนซี หรืองานฮัลโลวีน ธีม ‘The Little Mermaid’ ก็ยังคงติด Top 10 เสมอ!
The Little Mermaid ของสองผู้กำกับ รอน เคลเมนต์ส และจอห์น มัสเกอร์ (ที่ล่าสุดเพิ่งกำกับการ์ตูนเรื่อง Moana ซึ่งฮิตถล่มทลายเช่นกัน) เป็นการดัดแปลงจากนิยายชื่อเดียวกันของนักประพันธ์ชาวเดนิช ฮานส์ คริสเตียน แอนเดอร์สัน หนังเข้าฉายวันแรก 17 พฤศจิกายน ปี 1989 โดยมีโจดี้ เบนสัน นักแสดงบรอดเวย์ชื่อดังรับหน้าที่พากย์เสียงเป็นเจ้าหญิงแอเรียล ส่วนคริสโตเฟอร์ บาร์นส์ รับบทเป็นเจ้าชายอีริก และแพท แคร์โรล เป็นแม่มดเออร์ซูลา ซึ่งความน่าสนใจของตัวละครแม่มดเออร์ซูลาคือตอนแรกทางดิสนีย์อยากให้บี อาร์เธอร์ นักแสดงระดับตำนานจากซีรีส์ The Golden Girls มาพากย์เสียงให้ แต่เธอตัดสินใจไม่รับงานนี้ ส่วนการสร้างตัวละครนี้ในฉบับการ์ตูนก็ได้แรงบันดาลใจมาจากแดร็กควีนที่ชื่อดีไวน์ จากหนังเรื่อง Pink Flamingos ของผู้กำกับ จอห์น วอเตอร์
(ซ้าย) แม่มดเออร์ซูลา (ขวา) แดร็กควีนดีไวน์
ช่วงปี 1985 ที่ The Little Mermaid อยู่ในขั้นตอนการพัฒนาบท เจฟฟรีย์ แคตเซนเบิร์ก ซีอีโอของดิสนีย์ในตอนนั้น (ที่ต่อมาเขาได้ไปก่อตั้งบริษัทคู่แข่ง DreamWorks Animation) ก็รู้สึกหวั่นไหวที่จะผลิตหนังเรื่องนี้ เพราะกลัวจะมีความใกล้เคียงกับหนังแฟนตาซีโรแมนติกเรื่อง Splash (1984) ที่เกี่ยวกับนางเงือกเช่นกัน และอยู่ภายใต้การผลิตของดิสนีย์ แต่ต่อมาก็ยอมไฟเขียวให้สร้าง The Little Mermaid ซึ่งในท้ายที่สุดการ์ตูนเรื่องนี้ก็กลายเป็นอีกหนึ่งการ์ตูนในตำนานที่ทำเงินในบ็อกซ์ออฟฟิศไปกว่า 211 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนตลาด Home Entertainment หนังเรื่อง The Little Mermaid ก็ขายเทปวิดีโอไปกว่า 10 ล้านม้วนในปีแรก ขายบลูเรย์ไป 2.4 ล้านแผ่นในระหว่างปี 2013-2016 และยอดขายดีวีดีก็อยู่ที่ 13.3 ล้านแผ่นในระหว่างปี 2006-2014 โดยยอดเหล่านี้ยังไม่รวมเงินที่ได้จากการขายลิขสิทธิ์ทำไลน์เสื้อผ้า วิดีโอเกม และดัดแปลงเป็นละครบรอดเวย์ ซึ่งต่อมาดิสนีย์เองก็มีการทำอีกสองภาคคือ The Little Mermaid II: Return to the Sea (2000) และ The Little Mermaid: Arial’s Beginning (2008)
The Little Mermaid ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งแกนนำสำคัญในการขับเคลื่อนยุค ‘Disney Renaissance’ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1989 จนถึงปลายยุค 90s ซึ่งในตอนนั้นเราได้เห็นค่ายดิสนีย์ผลิตการ์ตูนสองมิติแบบใช้มือวาดที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องทั้งในเชิงพาณิชย์และด้านคำวิจารณ์ เช่น Beauty and the Beast (1991), Aladdin (1992), Pocahontas (1995) และ Tarzan (1999) โดยหนึ่งในเสน่ห์ของการ์ตูนเหล่านี้ก็คือเพลงประกอบ ซึ่งสำหรับ The Little Mermaid ก็ได้อลัน เมนเคน และฮาเวิร์ด แอชมาน มาเป็นคนดูแลด้านดนตรีและเนื้อเพลงทั้งหมด โดยมีเพลงสุดไอคอนิกอย่าง Kiss the Girl, Part of Your World และ Under the Sea ซึ่งเพลง Under the Sea ก็ชนะรางวัลออสการ์สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในปี 1989 ร่วมถึงยังชนะสาขาดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอีกด้วย
หนึ่งในเทรนด์ที่เราได้เห็นค่ายดิสนีย์เริ่มทำภายใต้การควบคุมของซีอีโอ บ็อบ ไอเกอร์ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาคือการนำการ์ตูนสุดคลาสสิกมาดัดแปลงเป็นเวอร์ชัน Live-Action ทั้งแบบใช้นักแสดงจริงทั้งหมด หรือผสมการใช้ CGI โดยจับเอาผู้กำกับชื่อดังมาทำ เช่น The Jungle Book เวอร์ชันปี 2016 ที่ได้จอน ฟาฟวโร แห่ง Iron Man มาทำให้ ส่วน Aladdin เวอร์ชันปี 2019 ก็ได้กาย ริตชี มากำกับ ซึ่งสาวก The Little Mermaid ก็ไม่ควรพลาด เพราะดิสนีย์ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่ากำลังจะดัดแปลงทำเป็นเวอร์ชัน Live-Action และถึงแม้ยังไม่ได้เริ่มถ่ายทำหรือมีวันฉายที่แน่นอน แต่ก็มีการคอนเฟิร์มออกมาแล้วว่า ลิน มานูเอล มิแรนด้า ผู้ประพันธ์เพลงละครมิวสิคัลแห่งยุค Hamilton และการ์ตูนเรื่อง Moana จะมาทำเพลงร่วมกับอลัน เมนเคน ผู้ประพันธ์คนเดิมของเวอร์ชันการ์ตูน
แต่สิ่งเดียวที่ดูเหมือนจะยังค้างคาใจสาวก The Little Mermaid หลายคนคือใครจะมารับบทเจ้าหญิงแอเรียล เพราะเราไม่รู้ว่าดิสนีย์อยากเลือกดารายอดนิยมเหมือนที่เลือกเอ็มม่า วัตสัน มาเล่น Beauty and The Beast (2017) หรือจะเลือกปั้นดาราหน้าใหม่มาประดับวงการ แต่ก็มีหนึ่งสาวนางเอกจากค่ายดิสนีย์ยุค 2000 ที่ประกาศว่าตัวเองสนใจบทนี้ นั่นก็คือลินด์เซย์ โลฮาน… ซึ่งก็ต้องดูกันต่อไปว่าสุดท้ายแล้ว ‘เงือกน้อยผจญภัย’ จะไปจบที่นางเอกคนไหน
อ้างอิง:
- www.moviefone.com/2014/11/14/the-little-mermaid-facts/
- en.m.wikipedia.org/wiki/The_Little_Mermaid
- www.buzzfeed.com/jonmichaelpoff/things-you-missed-in-the-little-mermaid-easter-eggs-disney?utm_term=.fm56o9rrjp#.jbWyQvGGNj
- www.nytimes.com/1993/09/12/arts/the-new-season-home-entertainment-beauty-was-big-but-make-way-for-aladdin.html
- www.the-numbers.com/movie/Little-Mermaid-The#tab=video-sales
- เหตุผลที่สีผมของเจ้าหญิงแอเรียลใน The Little Mermaid ต้องเป็นสีแดง เพราะทางค่ายดิสนีย์ไม่อยากให้ซ้ำกับสีผมบลอนด์ของนางเงือกในหนังเรื่อง Splash ที่แสดงโดย แดรีล ฮันนาห์ ส่วนอีกหนึ่งเหตุผลทางด้านศิลป์ก็คือสีแดงจะตัดกับสีเขียวของหางนางเงือกได้ดีกว่า
- Mickey, Donald Duck และ Goofy ได้อยู่ในฉากเปิดตัวของกษัตรย์ไทรทัน
- เจฟฟรีย์ แคตเซนเบิร์ก ซีอีโอของดิสนีย์ในตอนนั้นเกือบตัดสินใจตัดเพลง Part of Your World ออกจากหนัง เพราะคิดว่าน่าเบื่อ
- เว็บไซต์ BuzzFeed เคยทำโพลเจ้าหญิงดิสนีย์ในดวงใจ ซึ่งจากการโหวตกว่า 140,000 เสียง เจ้าหญิงแอเรียลมาเป็นอันดับ 2 ด้วย 24,1000 คะแนน ส่วนอันดับ 1 ตกเป็นของเจ้าหญิงเบลล์แห่ง Beauty and The Beast ที่ได้ 25,800 คะแนน