การจลาจลที่รัฐสภาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา สร้างความเสียหายทางการเมืองให้กับโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นอย่างมาก สื่อกระแสหลักและนักการเมืองจากพรรคเดโมแครตต่างออกมาประณามการใช้ความรุนแรงของกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ และประณามทรัมป์ที่คอยออกมาทวีตและพูดปลุกปั่นให้ผู้สนับสนุนของเขาบุกยึดรัฐสภา (US Capitol)
เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นได้ จนแม้แต่นักการเมืองของพรรครีพับลิกันหลายคนก็ออกมาประณามการกระทำของทรัมป์และผู้สนับสนุนของเขา ซึ่งเป็นเรื่องที่แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นเลยตลอด 4 ปีของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ จนหลายคนมองว่านี่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองของพรรครีพับลิกัน ที่พวกเขาอาจตัดสินใจทิ้งทรัมป์ เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของพรรคและเสถียรภาพของประชาธิปไตยในประเทศ
นอกจากนี้ พวกเขาอาจจะต้องเลือกบทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมครั้งที่ 25 หรือ 25th Amendment ขึ้นมาใช้ เพื่อถอดถอนทรัมป์ออกจากตำแหน่งทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เขายั่วยุให้เกิดความรุนแรงอีกในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของการดำรงตำแหน่งของเขา
25th Amendment คืออะไร
25th Amendment ถือกำเนิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี ถูกลอบสังหารที่เมืองดัลลัส ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ทำขึ้นเพื่อให้มีกฎเกณฑ์อย่างชัดเจนถึงการสืบทอดอำนาจในกรณีที่ประธานาธิบดีลาออก เสียชีวิต หรือกลายเป็นบุคคลไร้ความสามารถ ซึ่งในกรณีสุดท้าย 25th Amendment ได้ให้อำนาจรองประธานาธิบดีและคณะรัฐมนตรีไว้ว่า หากรองประธานาธิบดีและคณะรัฐมนตรีเกินกว่ากึ่งหนึ่งพิจารณาแล้วว่าประธานาธิบดีนั้นเป็นบุคคลไร้ความสามารถที่ไม่สามารถบริหารแผ่นดินได้อีกต่อไป รองประธานาธิบดีสามารถเขียนจดหมายถึงประธานวุฒิสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะทำให้ประธานาธิบดีต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที และรองประธานาธิบดีจะทำหน้าที่รักษาการในตำแหน่งประธานาธิบดีแทน
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่รองประธานาธิบดีออกจดหมายนี้ ประธานาธิบดีสามารถออกจดหมายมาแก้ต่างได้ว่าเขายังมีความสามารถในการบริหารแผ่นดินอยู่ และจะได้อำนาจการบริหารในฐานะประธานาธิบดีกลับมาจากรองประธานาธิบดีทันที
แต่หลังจากนั้น รองประธานาธิบดีและคณะรัฐมนตรีเกินกึ่งหนึ่งก็มีสิทธิที่จะออกจดหมายฉบับที่ 2 เพื่อยืนยันความเห็นเดิมว่าประธานาธิบดีเป็นบุคคลไร้ความสามารถ และประธานาธิบดีจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้รองประธานาธิบดีทำหน้าที่รักษาการแทน ซึ่งหลังจากนั้นทั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรจะต้องทำการโหวตภายใน 21 วัน เพื่อระบุว่าพวกเขาเห็นด้วยกับรองประธานาธิบดีหรือไม่ว่าประธานาธิบดีไม่สามารถปกครองประเทศได้แล้วจริงๆ
ซึ่งถ้าสมาชิกอย่างน้อย 2 ใน 3 ของทั้งสองสภาโหวตเห็นด้วยกับรองประธานาธิบดี ประธานาธิบดีก็จะหลุดจากตำแหน่งอย่างถาวร และรองประธานาธิบดีก็จะรักษาการในตำแหน่งประธานาธิบดีจนครบตามวาระ ในทำนองตรงข้าม ถ้าเสียงโหวตเห็นด้วยมีไม่ถึง 2 ใน 3 อย่างน้อยๆ 1 ใน 2 สภา ข้อกล่าวหาเรื่องการเป็นบุคคลไร้ความสามารถก็จะตกไป และประธานาธิบดีก็จะได้กลับมาดำรงตำแหน่งตามเดิม
25th Amendment ในเคสของทรัมป์
ในทางปฏิบัติแล้ว การถอดถอนประธานาธิบดีด้วย 25th Amendment เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมาก เพราะต้องใช้เสียงถึง 2 ใน 3 ของทั้งสองสภา ซึ่งยากกว่าการถอดถอนด้วยกระบวนการปกติอย่าง Impeachment เสียอีก (เพราะ Impeachment ใช้แค่เสียงกึ่งหนึ่งของสภาล่าง และ 2 ใน 3 ของสภาสูง) ดังนั้นจึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจว่าไม่เคยมีประธานาธิบดีถูกถอดถอนด้วย 25th Amendment เลย
อย่างไรก็ดี ในกรณีทรัมป์นั้น 25th Amendment อาจจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ หากพรรครีพับลิกันต้องการจะตัดโอกาสไม่ให้ทรัมป์สร้างความเสียหายไปมากกว่านี้ เพราะแค่รองประธานาธิบดีอย่าง ไมค์ เพนซ์ และเสียงเกินกึ่งหนึ่งของคณะรัฐมนตรีโหวตให้ทรัมป์กลายเป็นบุคคลไร้ความสามารถ เขาก็จะไม่มีโอกาสได้กลับมาบริหารประเทศในฐานะประธานาธิบดีอีกเลย โดยที่ไม่ต้องไปกังวลกับผลโหวตในสภาในอีก 21 วันให้หลัง เพราะประธานาธิบดีคนใหม่อย่าง โจ ไบเดน จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคมที่จะถึงนี้แล้ว
ความเป็นไปได้จะเพนซ์จะใช้ 25th Amendment
แล้วโอกาสที่เพนซ์และคณะรัฐมนตรีจะหยิบเอา 25th Amendment มาใช้มีมากน้อยแค่ไหน?
ตัวเพนซ์เองยังคงปิดเงียบไม่ให้ข่าวในเรื่องนี้ แต่มีรายงานข่าวว่าทรัมป์ระแคะระคายว่าเพนซ์จะทรยศเขา ถึงขนาดสั่งให้เจ้าหน้าที่ทำเนียบห้ามไม่ให้ผู้ช่วยของเพนซ์เข้ามาทำงาน แต่เรื่องนี้ก็ไม่ใช่การตัดสินใจของเพนซ์เพียงคนเดียว เพราะเขาต้องการเสียงอย่างน้อยครึ่งหนึ่งจากคณะรัฐมนตรีด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่ทรัมป์เลือกมากับมือ ในขณะที่รัฐมนตรีที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของทรัมป์ก็ชิงลาออกไปแล้วหลังจากเหตุจลาจล เช่น อีเลน เชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ เบตซี ดีวอส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งนั่นก็แปลว่าเสียงที่จะโหวตให้ทรัมป์เป็นบุคคลไร้ความสามารถนั้นน้อยลงเรื่อยๆ
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล