‘ความรู้คู่การลงทุน’ คือหนึ่งในพันธกิจของบริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด หรือ Liberator ที่ต้องการให้นักลงทุนมีความรู้รอบด้านและสามารถปรับแผนการลงทุนได้ด้วยตัวเอง โดยที่ผ่านมาลิเบอเรเตอร์ได้นำเสนอข้อมูลทางการลงทุนที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย เพื่อให้ลูกค้าสามารถวิเคราะห์และตัดสินใจในการลงทุนได้อย่างมีเหตุผลด้วยความมั่นใจของตนเองผ่านคอนเทนต์และกิจกรรมต่างๆ
ล่าสุด ลิเบอเรเตอร์ จับมือกับ บลจ.อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) ร่วมกันจัดงานสัมมนา ‘2024 Global Economic Outlook – After the Hikes’ เพื่ออัปเดตสถานการณ์และแนวโน้มทิศทางเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลกในปี 2024 เปิดมุมมองต่อการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เจาะลึกตลาดการลงทุนในหุ้นไทย และเผยกลยุทธ์การลงทุนเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับนักลงทุนในอนาคต โดยผู้เชี่ยวชาญจากลิเบอเรเตอร์และอเบอร์ดีน
ภาวลิน ลิมธงชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด
ภาวลิน ลิมธงชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “ลิเบอเรเตอร์และอเบอร์ดีนเราเชื่อในเรื่องเดียวกันว่าลูกค้าคือ ‘ครอบครัว’ และทุกคนจะร่วมเดินทางไปกับการลงทุนในครั้งนี้ เราจึงจัดงานสัมมนาขึ้นเพื่อเป็นการขยายมุมมองการวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจที่กว้างขึ้น และตอบโจทย์การลงทุนในยุคสมัยนี้อย่างตรงประเด็น เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าของลิเบอเรเตอร์และอเบอร์ดีนที่มาร่วมงาน โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากสองสถาบันมาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง เชื่อว่าจะทำให้ลูกค้าของทั้งสองบริษัทได้รับมุมมองด้านเศรษฐกิจและการลงทุนที่หลากหลาย”
นอกจากความร่วมมือครั้งนี้ ลิเบอเรเตอร์ได้ยกระดับบริการด้านกองทุนรวมให้กับลูกค้าและนักลงทุนผ่านความร่วมมือด้านคอนเทนต์ ด้วยการนำคอนเทนต์ส่วนหนึ่งจากแอปของอเบอร์ดีน ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลข่าวสารจากฝั่ง Global มาแปลเป็นภาษาไทย และนำเสนอให้ลูกค้าผ่านฟีเจอร์ใหม่ ‘Content Menu’ ในแอปของลิเบอเรเตอร์ เพื่อให้ลูกค้าและนักลงทุนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารทางการเงินอย่างครบครันทั้งในประเทศและต่างประเทศ และนำข้อมูลที่ได้รับไปใช้ประโยชน์ในการลงทุนอย่างเต็มประสิทธิภาพ
และนี่คือบทสรุปมุมมองของผู้เชี่ยวชาญจากสองสถาบันเกี่ยวกับทิศทางการลงทุนในปี 2024 พร้อมเจาะลึกตลาดหุ้นไทยและกลยุทธ์การลงทุนในวันที่เศรษฐกิจผันผวน
พงค์ธาริน ทรัพยานนท์ Head of Fixed Income and Asset Allocation
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด
พงค์ธาริน ทรัพยานนท์ Head of Fixed Income and Asset Allocation บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด ฉายภาพเศรษฐกิจโลก พร้อมชวนพิจารณากองทุนความเสี่ยงต่ำสภาพคล่องสูงที่ตอบโจทย์ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ในหัวข้อ ‘Global Economic Outlook & Asset Allocation – After the Hikes’
พงค์ธารินมองว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้จะชะลอตัวแต่ไม่รุนแรง เงินเฟ้อจะอยู่ในช่วงขาลง “สิ่งที่เราเจอในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา และคาดว่าอีก 6 เดือนข้างหน้าก็ยังคงเผชิญอยู่ก็คือเงินเฟ้อที่ผันผวน ทำให้ตลาดผันผวนไปด้วย แต่ก็มั่นใจว่าเงินเฟ้อจะอยู่ในช่วงขาลง
“หลังสถานการณ์โควิด แม้แต่นักวิเคราะห์ทางการเงินหรือสถาบันการเงินต่างๆ ยังคาดการณ์ดอกเบี้ยผิด อาจเกิดจากกำลังการผลิตไม่พอ ควบคู่ไปกับความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนไป รวมถึงความผันผวนจากปัจจัยความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ อีกประเด็นสำคัญคือประเทศนั้นๆ อยากเปลี่ยนประเทศหรือขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามแนวทาง Sustainable เท่ากับว่าต้องใช้การลงทุนมหาศาล ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าในประเทศอย่างแน่นอน”
ด้านเศรษฐกิจสหรัฐฯ พงค์ธารินคาดว่าสิ้นสุดวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นแล้ว และจะเริ่มเห็นธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในช่วงปลายไตรมาส 2 ปีนี้มากกว่าที่ตลาดคาด และมีโอกาสเข้าสู่ภาวะชะลอตัวแบบ Soft Landing
ขณะที่ยุโรปได้เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2023 โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยุโรปในปี 2024 จะเติบโตเท่ากับปีก่อนหน้า ด้านเศรษฐกิจประเทศตลาดเกิดใหม่ยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าปีก่อนหน้า
พงค์ธารินมองว่าปี 2024 ดอกเบี้ยจะถูกปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3-3.25% และอัตราดอกเบี้ยจะทยอยปรับลดลงจนจบวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงที่อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 3% ภายในปี 2025
จากปัจจัยข้างต้น อเบอร์ดีนยังมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุน แนะลดการถือครองเงินสด เพิ่มสัดส่วนตราสารหนี้ในพอร์ต โดยให้น้ำหนักตราสารหนี้ในกลุ่มระดับลงทุน (Investment Grade) มากกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ในกลุ่มต่ำกว่าระดับลงทุน (Non-Investment Grade) เนื่องจากปัจจุบันผู้ลงทุนมีโอกาสเข้าถึงตราสารหนี้ที่อัตราผลตอบแทนเมื่อถือจนครบกำหนดอายุ (Yield to Maturity) ในระดับ 6-7%
กองทุนที่ถูกพูดถึงคือ abrdn Global Enhanced Fixed Income Fund (ABGFIX) เป็นหนึ่งในกองทุนแนะนำของอเบอร์ดีนที่ลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพสูงทั่วโลก พอร์ตการลงทุนของกองทุนหลักส่งมอบ Yield to Maturity ในระดับ 6.00% และมีอายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ 1.30 ปี (อ้างอิง: abrdn ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2023)
นอกจากนั้น กองทุน ABGFIX ยังเป็นกองทุนต่างประเทศที่มีสภาพคล่องสูง ผู้ลงทุนสามารถรับเงินขายคืนได้ภายใน 2 วันทำการ (T+2) ทำให้ผู้ลงทุนสามารถบริหารจัดการสภาพคล่องได้เป็นอย่างดี
ดรุณรัตน์ ภิยโยดิลกชัย หัวหน้าฝ่ายการลงทุนตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด
ดรุณรัตน์ ภิยโยดิลกชัย หัวหน้าฝ่ายการลงทุนตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด และ วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด ร่วมพูดคุยในหัวข้อ ‘Thai Investment Prospects – Bottom Fishing Opportunity’
ดรุณรัตน์เผยว่า ตลาดหุ้นไทยปีนี้จะเติบโตได้ที่ 3% และคาดว่าปีนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้ง ซึ่งการปรับลดจะอยู่กับเศรษฐกิจในประเทศ
“ถ้าสังเกตให้ดี ต่อให้ปีที่ผ่านมาตลาดลงไปกว่า 10% ก็จะมีหุ้นที่บวกหลายตัว ประเด็นคือแล้วเราจะหาหุ้นให้ถูกต้องอย่างไร โดยมองธีมการลงทุนที่น่าสนใจ ได้แก่ ภาคการท่องเที่ยว ที่จะได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมองว่าจะสนับสนุนการเติบโต GDP ภายในประเทศ คาดปี 2024 นักท่องเที่ยวจะแตะระดับ 33-35 ล้านคน หรือประมาณ 85% จากช่วงก่อนโควิด โดยนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นเป็น 5.5 ล้านคน”
ธีมอื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ กลุ่มการแพทย์และความงาม ที่ได้รับประโยชน์จากการที่ประเทศไทยมีกลุ่มผู้สูงวัยและความนิยมจากการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ที่เพิ่มขึ้น กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่มียอดขายปรับตัวดีขึ้น และกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากการย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทย โดยได้ประโยชน์จากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)
ซึ่งธีมการลงทุนคาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากปัจจัยขับเคลื่อนข้างต้นอยู่ในกองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมอล-มิดแค็พ (ABSM) โดยที่ผ่านมากองทุน ABSM สามารถทำผลงานได้ดีกว่าตลาด โดยลงทุนในบริษัทที่มีโมเดลธุรกิจที่น่าสนใจ เช่น SISB, MEGA, WHA, HUMAN, PR9 รวมไปถึง MOSHI และ CENTEL
วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด
วิจิตรมองว่าตลาดหุ้นไทยแม้ว่า GDP อาจจะมี Downside จากการคาดการณ์ของ IMF แต่ยังมีปัจจัยบวกจากการท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศฟื้นกลับมา ขณะที่การส่งออกของไทยเติบโตสูงเมื่อเทียบกับประเทศข้างเคียง และคาดว่าจะกลับมาขยายตัวกว่าปีที่ผ่านมา ถือเป็นแรงหนุนต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย รวมทั้งการลงทุนที่มีมาตรการสนับสนุน โดยเฉพาะมาตรการรถยนต์ไฟฟ้า EV ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งแรงที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
“GDP ไทยปีนี้ยังโต 3% รวมถึงการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ปีนี้มีโอกาสปรับลดกำไรต่อหุ้น (EPS) ลดลงได้ ซึ่งประกอบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศยังไม่กลับมา และไม่มีเม็ดเงินลงทุนใหม่เพิ่มเติม แม้ว่าในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์จะมีแรงซื้อของต่างชาติกลับมาให้เห็นบ้าง แต่ก็เป็นเพียงระยะสั้น ซึ่งอาจเป็นเพราะว่าตลาดหุ้นไทยอาจยังไม่ให้ผลตอบแทนที่ดีพอจะดูดเงินจากนักลงทุน”
อย่างไรก็ตาม วิจิตรมองว่าไตรมาสแรกของปีนี้จะแกว่งตัวในกรอบ 1,350-1,450 จุด และสิ้นปีมีโอกาสดีดขึ้นไปแตะ 1,500 จุด อัตราราคาหุ้นต่อกำไร (PE) ที่ระดับ14 เท่า ดัชนีที่ 1,300-1,400 จุด
ส่อง 6 หุ้นรับอานิสงส์ท่องเที่ยวฟื้นตัว CPALL, WHA, JMT, MASTER, SPA และ COCOCO
“หลายอุตสาหกรรมของไทยยังเทรดในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี สะท้อนให้เห็นว่าจริงๆ แล้วหุ้นไทยส่วนมากยังอยู่ในระดับที่ไม่แพง จึงมีความน่าสนใจเข้าลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยว, ค้าปลีก, นิคมอุตสาหกรรม และโรงกลั่น”
วิจิตรแนะศึกษาเพิ่มเติมหุ้นกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยวที่กลับมามีการฟื้น คาดว่าทั้งปี 2024 ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยอาจแตะที่ระดับ 30 ล้านคนได้ โดยหุ้นเด่นที่น่าลงทุนในปีนี้ ได้แก่ CPALL, WHA, JMT, MASTER, SPA และ COCOCO
ภายในงานนอกจากผู้เข้าร่วมสัมมนาจะได้มุมมองต่อเศรษฐกิจโลกและตลาดหุ้นไทยแล้ว ยังมีโอกาสสอบถามรายละเอียดเชิงลึกกับบริษัทที่อยู่ใน SET ได้แก่ MEGA, CENTEL, MOSHI และ SISB ซึ่งได้มาเปิดบูธให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจ และหากสนใจลงทุนก็จะสามารถลงทุนในบริษัทดังกล่าวผ่านทางลิเบอเรเตอร์
สำหรับลูกค้าใหม่ที่สนใจซื้อกองทุนผ่านแอปลิเบอเรเตอร์ ต้องทำการเปิดบัญชีกับลิเบอเรเตอร์ก่อน โดยสามารถอ่านคู่มือการเปิดบัญชีได้ที่ https://go.liberator.co.th/xlnX/LIBFAMOCCM
ลูกค้าใหม่และลูกค้าเก่าที่ล็อกอินเข้าสู่ระบบเรียบร้อยแล้ว ให้ไปที่เมนู ‘YOU’ จากนั้นคลิกเข้าไปที่ ‘Manage Account’ (จัดการบัญชี) แล้วเลือก ‘เปิดบัญชีประเภทอื่นๆ เพิ่ม’ จากนั้นสามารถเลือกประเภทกองทุนที่ต้องการลงทุนได้ทันที
ดูข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมได้ทาง Facebook Page: Liberator Securities, เว็บไซต์ www.liberator.co.th, LINE Official Account: @Liberator, TikTok: https://www.tiktok.com/@liberator.th และ YouTube: https://youtube.com/@LiberatorSecurities