×

ลงทุนหุ้นไทยอย่างไรในภาวะเศรษฐกิจผันผวน? สรุปมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญในงาน ‘2024 Global Economic Outlook – After the Hikes โดย Aberdeen x Liberator’ [ADVERTORIAL]

โดย THE STANDARD TEAM
21.03.2024
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • บล.ลิเบอเรเตอร์ จับมือกับ บลจ.อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จัดงานสัมมนา ‘2024 Global Economic Outlook – After the Hikes’ อัปเดตสถานการณ์และแนวโน้มทิศทางเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลกในปี 2024 เปิดมุมมองต่อการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เจาะลึกตลาดการลงทุนในหุ้นไทย และเผยกลยุทธ์การลงทุนเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับนักลงทุนในอนาคต
  • อ่านบทสรุปมุมมองของผู้เชี่ยวชาญจากสองสถาบันเกี่ยวกับทิศทางการลงทุนในปี 2024 พร้อมเจาะลึกตลาดหุ้นไทยและกลยุทธ์การลงทุนในวันที่เศรษฐกิจผันผวน
  • ส่อง 6 หุ้นรับอานิสงส์ท่องเที่ยวฟื้นตัว CPALL, WHA, JMT, MASTER, SPA และ COCOCO คาดว่าทั้งปี 2024 ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยอาจแตะที่ระดับ 30 ล้านคนได้

‘ความรู้คู่การลงทุน’ คือหนึ่งในพันธกิจของบริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด หรือ Liberator ที่ต้องการให้นักลงทุนมีความรู้รอบด้านและสามารถปรับแผนการลงทุนได้ด้วยตัวเอง โดยที่ผ่านมาลิเบอเรเตอร์ได้นำเสนอข้อมูลทางการลงทุนที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย เพื่อให้ลูกค้าสามารถวิเคราะห์และตัดสินใจในการลงทุนได้อย่างมีเหตุผลด้วยความมั่นใจของตนเองผ่านคอนเทนต์และกิจกรรมต่างๆ

 

 

ล่าสุด ลิเบอเรเตอร์ จับมือกับ บลจ.อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) ร่วมกันจัดงานสัมมนา ‘2024 Global Economic Outlook – After the Hikes’ เพื่ออัปเดตสถานการณ์และแนวโน้มทิศทางเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลกในปี 2024 เปิดมุมมองต่อการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เจาะลึกตลาดการลงทุนในหุ้นไทย และเผยกลยุทธ์การลงทุนเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับนักลงทุนในอนาคต โดยผู้เชี่ยวชาญจากลิเบอเรเตอร์และอเบอร์ดีน

 

ภาวลิน ลิมธงชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด

ภาวลิน ลิมธงชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด

 

ภาวลิน ลิมธงชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “ลิเบอเรเตอร์และอเบอร์ดีนเราเชื่อในเรื่องเดียวกันว่าลูกค้าคือ ‘ครอบครัว’ และทุกคนจะร่วมเดินทางไปกับการลงทุนในครั้งนี้ เราจึงจัดงานสัมมนาขึ้นเพื่อเป็นการขยายมุมมองการวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจที่กว้างขึ้น และตอบโจทย์การลงทุนในยุคสมัยนี้อย่างตรงประเด็น เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าของลิเบอเรเตอร์และอเบอร์ดีนที่มาร่วมงาน โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากสองสถาบันมาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง เชื่อว่าจะทำให้ลูกค้าของทั้งสองบริษัทได้รับมุมมองด้านเศรษฐกิจและการลงทุนที่หลากหลาย”

 

นอกจากความร่วมมือครั้งนี้ ลิเบอเรเตอร์ได้ยกระดับบริการด้านกองทุนรวมให้กับลูกค้าและนักลงทุนผ่านความร่วมมือด้านคอนเทนต์ ด้วยการนำคอนเทนต์ส่วนหนึ่งจากแอปของอเบอร์ดีน ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลข่าวสารจากฝั่ง Global มาแปลเป็นภาษาไทย และนำเสนอให้ลูกค้าผ่านฟีเจอร์ใหม่ ‘Content Menu’ ในแอปของลิเบอเรเตอร์ เพื่อให้ลูกค้าและนักลงทุนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารทางการเงินอย่างครบครันทั้งในประเทศและต่างประเทศ และนำข้อมูลที่ได้รับไปใช้ประโยชน์ในการลงทุนอย่างเต็มประสิทธิภาพ

 

และนี่คือบทสรุปมุมมองของผู้เชี่ยวชาญจากสองสถาบันเกี่ยวกับทิศทางการลงทุนในปี 2024 พร้อมเจาะลึกตลาดหุ้นไทยและกลยุทธ์การลงทุนในวันที่เศรษฐกิจผันผวน

 

พงค์ธาริน ทรัพยานนท์ Head of Fixed Income and Asset Allocation บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด

พงค์ธาริน ทรัพยานนท์ Head of Fixed Income and Asset Allocation
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด

 

พงค์ธาริน ทรัพยานนท์ Head of Fixed Income and Asset Allocation บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด ฉายภาพเศรษฐกิจโลก พร้อมชวนพิจารณากองทุนความเสี่ยงต่ำสภาพคล่องสูงที่ตอบโจทย์ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ในหัวข้อ ‘Global Economic Outlook & Asset Allocation – After the Hikes’

 

พงค์ธารินมองว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้จะชะลอตัวแต่ไม่รุนแรง เงินเฟ้อจะอยู่ในช่วงขาลง “สิ่งที่เราเจอในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา และคาดว่าอีก 6 เดือนข้างหน้าก็ยังคงเผชิญอยู่ก็คือเงินเฟ้อที่ผันผวน ทำให้ตลาดผันผวนไปด้วย แต่ก็มั่นใจว่าเงินเฟ้อจะอยู่ในช่วงขาลง

 

“หลังสถานการณ์โควิด แม้แต่นักวิเคราะห์ทางการเงินหรือสถาบันการเงินต่างๆ ยังคาดการณ์ดอกเบี้ยผิด อาจเกิดจากกำลังการผลิตไม่พอ ควบคู่ไปกับความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนไป รวมถึงความผันผวนจากปัจจัยความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ อีกประเด็นสำคัญคือประเทศนั้นๆ อยากเปลี่ยนประเทศหรือขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามแนวทาง Sustainable เท่ากับว่าต้องใช้การลงทุนมหาศาล ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าในประเทศอย่างแน่นอน”

 

 

ด้านเศรษฐกิจสหรัฐฯ พงค์ธารินคาดว่าสิ้นสุดวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นแล้ว และจะเริ่มเห็นธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในช่วงปลายไตรมาส 2 ปีนี้มากกว่าที่ตลาดคาด และมีโอกาสเข้าสู่ภาวะชะลอตัวแบบ Soft Landing

 

ขณะที่ยุโรปได้เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2023 โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยุโรปในปี 2024 จะเติบโตเท่ากับปีก่อนหน้า ด้านเศรษฐกิจประเทศตลาดเกิดใหม่ยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าปีก่อนหน้า

 

พงค์ธารินมองว่าปี 2024 ดอกเบี้ยจะถูกปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3-3.25% และอัตราดอกเบี้ยจะทยอยปรับลดลงจนจบวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงที่อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 3% ภายในปี 2025

 

จากปัจจัยข้างต้น อเบอร์ดีนยังมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุน แนะลดการถือครองเงินสด เพิ่มสัดส่วนตราสารหนี้ในพอร์ต โดยให้น้ำหนักตราสารหนี้ในกลุ่มระดับลงทุน (Investment Grade) มากกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ในกลุ่มต่ำกว่าระดับลงทุน (Non-Investment Grade) เนื่องจากปัจจุบันผู้ลงทุนมีโอกาสเข้าถึงตราสารหนี้ที่อัตราผลตอบแทนเมื่อถือจนครบกำหนดอายุ (Yield to Maturity) ในระดับ 6-7%

 

 

กองทุนที่ถูกพูดถึงคือ abrdn Global Enhanced Fixed Income Fund (ABGFIX) เป็นหนึ่งในกองทุนแนะนำของอเบอร์ดีนที่ลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพสูงทั่วโลก พอร์ตการลงทุนของกองทุนหลักส่งมอบ Yield to Maturity ในระดับ 6.00% และมีอายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ 1.30 ปี (อ้างอิง: abrdn ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2023)

 

นอกจากนั้น กองทุน ABGFIX ยังเป็นกองทุนต่างประเทศที่มีสภาพคล่องสูง ผู้ลงทุนสามารถรับเงินขายคืนได้ภายใน 2 วันทำการ (T+2) ทำให้ผู้ลงทุนสามารถบริหารจัดการสภาพคล่องได้เป็นอย่างดี

 

ดรุณรัตน์ ภิยโยดิลกชัย หัวหน้าฝ่ายการลงทุนตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด

ดรุณรัตน์ ภิยโยดิลกชัย หัวหน้าฝ่ายการลงทุนตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด

 

ดรุณรัตน์ ภิยโยดิลกชัย หัวหน้าฝ่ายการลงทุนตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด และ วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด ร่วมพูดคุยในหัวข้อ ‘Thai Investment Prospects – Bottom Fishing Opportunity’

 

ดรุณรัตน์เผยว่า ตลาดหุ้นไทยปีนี้จะเติบโตได้ที่ 3% และคาดว่าปีนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้ง ซึ่งการปรับลดจะอยู่กับเศรษฐกิจในประเทศ

 

“ถ้าสังเกตให้ดี ต่อให้ปีที่ผ่านมาตลาดลงไปกว่า 10% ก็จะมีหุ้นที่บวกหลายตัว ประเด็นคือแล้วเราจะหาหุ้นให้ถูกต้องอย่างไร โดยมองธีมการลงทุนที่น่าสนใจ ได้แก่ ภาคการท่องเที่ยว ที่จะได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมองว่าจะสนับสนุนการเติบโต GDP ภายในประเทศ คาดปี 2024 นักท่องเที่ยวจะแตะระดับ 33-35 ล้านคน หรือประมาณ 85% จากช่วงก่อนโควิด โดยนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นเป็น 5.5 ล้านคน”

 

 

ธีมอื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ กลุ่มการแพทย์และความงาม ที่ได้รับประโยชน์จากการที่ประเทศไทยมีกลุ่มผู้สูงวัยและความนิยมจากการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ที่เพิ่มขึ้น กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่มียอดขายปรับตัวดีขึ้น และกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากการย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทย โดยได้ประโยชน์จากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)

 

ซึ่งธีมการลงทุนคาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากปัจจัยขับเคลื่อนข้างต้นอยู่ในกองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมอล-มิดแค็พ (ABSM) โดยที่ผ่านมากองทุน ABSM สามารถทำผลงานได้ดีกว่าตลาด โดยลงทุนในบริษัทที่มีโมเดลธุรกิจที่น่าสนใจ เช่น SISB, MEGA, WHA, HUMAN, PR9 รวมไปถึง MOSHI และ CENTEL

 

วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด

วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด

 

วิจิตรมองว่าตลาดหุ้นไทยแม้ว่า GDP อาจจะมี Downside จากการคาดการณ์ของ IMF แต่ยังมีปัจจัยบวกจากการท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศฟื้นกลับมา ขณะที่การส่งออกของไทยเติบโตสูงเมื่อเทียบกับประเทศข้างเคียง และคาดว่าจะกลับมาขยายตัวกว่าปีที่ผ่านมา ถือเป็นแรงหนุนต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย รวมทั้งการลงทุนที่มีมาตรการสนับสนุน โดยเฉพาะมาตรการรถยนต์ไฟฟ้า EV ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งแรงที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

 

“GDP ไทยปีนี้ยังโต 3% รวมถึงการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ปีนี้มีโอกาสปรับลดกำไรต่อหุ้น (EPS) ลดลงได้ ซึ่งประกอบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศยังไม่กลับมา และไม่มีเม็ดเงินลงทุนใหม่เพิ่มเติม แม้ว่าในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์จะมีแรงซื้อของต่างชาติกลับมาให้เห็นบ้าง แต่ก็เป็นเพียงระยะสั้น ซึ่งอาจเป็นเพราะว่าตลาดหุ้นไทยอาจยังไม่ให้ผลตอบแทนที่ดีพอจะดูดเงินจากนักลงทุน”

 

อย่างไรก็ตาม วิจิตรมองว่าไตรมาสแรกของปีนี้จะแกว่งตัวในกรอบ 1,350-1,450 จุด และสิ้นปีมีโอกาสดีดขึ้นไปแตะ 1,500 จุด อัตราราคาหุ้นต่อกำไร (PE) ที่ระดับ14 เท่า ดัชนีที่ 1,300-1,400 จุด

 

 

ส่อง 6 หุ้นรับอานิสงส์ท่องเที่ยวฟื้นตัว CPALL, WHA, JMT, MASTER, SPA และ COCOCO

 

“หลายอุตสาหกรรมของไทยยังเทรดในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี สะท้อนให้เห็นว่าจริงๆ แล้วหุ้นไทยส่วนมากยังอยู่ในระดับที่ไม่แพง จึงมีความน่าสนใจเข้าลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยว, ค้าปลีก, นิคมอุตสาหกรรม และโรงกลั่น”

 

วิจิตรแนะศึกษาเพิ่มเติมหุ้นกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยวที่กลับมามีการฟื้น คาดว่าทั้งปี 2024 ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยอาจแตะที่ระดับ 30 ล้านคนได้ โดยหุ้นเด่นที่น่าลงทุนในปีนี้ ได้แก่ CPALL, WHA, JMT, MASTER, SPA และ COCOCO

 

ภายในงานนอกจากผู้เข้าร่วมสัมมนาจะได้มุมมองต่อเศรษฐกิจโลกและตลาดหุ้นไทยแล้ว ยังมีโอกาสสอบถามรายละเอียดเชิงลึกกับบริษัทที่อยู่ใน SET ได้แก่ MEGA, CENTEL, MOSHI และ SISB ซึ่งได้มาเปิดบูธให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจ และหากสนใจลงทุนก็จะสามารถลงทุนในบริษัทดังกล่าวผ่านทางลิเบอเรเตอร์

 

สำหรับลูกค้าใหม่ที่สนใจซื้อกองทุนผ่านแอปลิเบอเรเตอร์ ต้องทำการเปิดบัญชีกับลิเบอเรเตอร์ก่อน โดยสามารถอ่านคู่มือการเปิดบัญชีได้ที่ https://go.liberator.co.th/xlnX/LIBFAMOCCM

 

ลูกค้าใหม่และลูกค้าเก่าที่ล็อกอินเข้าสู่ระบบเรียบร้อยแล้ว ให้ไปที่เมนู ‘YOU’ จากนั้นคลิกเข้าไปที่ ‘Manage Account’ (จัดการบัญชี) แล้วเลือก ‘เปิดบัญชีประเภทอื่นๆ เพิ่ม’ จากนั้นสามารถเลือกประเภทกองทุนที่ต้องการลงทุนได้ทันที

 

ดูข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมได้ทาง Facebook Page: Liberator Securities, เว็บไซต์ www.liberator.co.th, LINE Official Account: @Liberator, TikTok: https://www.tiktok.com/@liberator.th และ YouTube: https://youtube.com/@LiberatorSecurities

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X