เกิดอะไรขึ้น:
SCBS ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวภายใต้การวิเคราะห์ 4 บริษัท ประกอบด้วย บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC), บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL), บมจ.ดิเอราวัณ กรุ๊ป (ERW) และ บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT)
กระทบอย่างไร:
นับตั้งแต่ต้นปี 2564 จนถึงปัจจุบัน ราคาหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว (SETTOURISM) ปรับตัวขึ้น 19.1%YTD เทียบกับ SET Index ที่ปรับตัวขึ้น 9.2%YTD สู่ระดับ 1,583.13 จุด (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2564)
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดว่าผลประกอบการของผู้ประกอบการกลุ่มท่องเที่ยวจะชะลอตัวลงใน 1Q64 (ขาดทุนมากขึ้น) เพราะได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ระลอก 2 ในประเทศไทย (เดือนธันวาคม 2563 – มกราคม 2564) โดย SCBS คาดว่า AWC จะรายงานขาดทุนปกติ 1Q64 ที่ 596 ล้านบาท จากขาดทุนปกติ 492 ล้านบาทใน 4Q63 และจากกำไรปกติ 108 ล้านบาทใน 1Q63 โดยอัตราการเข้าพัก 1Q64 จะอยู่ที่ 15% ขณะที่รายได้จากธุรกิจพื้นที่ค้าปลีกจะลดลง QoQ เพราะได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอก 2 ของโควิด-19 เช่นกัน
สำหรับ CENTEL จะมีผลขาดทุนปกติ 1Q64 ที่ 486 ล้านบาท จากขาดทุนปกติ 142 ล้านบาทใน 4Q63 และขาดทุนปกติ 9 ล้านบาทใน 1Q63 โดยอัตราการเข้าพัก 1Q64 จะอยู่ที่ 14% นอกจากนี้ยอดขายสาขาเดิม (SSS) ของธุรกิจร้านอาหาร 1Q64 จะหดตัว 23%YoY เพราะได้รับผลกระทบจากการอุปโภคบริโภคที่ชะลอตัวลงเนื่องจากการระบาดระลอก 2 ของโควิด-19
ขณะที่ ERW จะมีผลขาดทุนปกติ 1Q64 ที่ 500 ล้านบาท จากขาดทุนปกติ 381 ล้านบาทใน 4Q63 และขาดทุนปกติ 103 ล้านบาทใน 1Q63 โดยอัตราการเข้าพักไม่รวม HOP INN จะอยู่ที่ 17% ใน 1Q64 และอัตราการเข้าพักเฉพาะ HOP INN จะอยู่ที่ 50%
สำหรับ MINT จะมีผลขาดทุนปกติ 1Q64 ที่ 4.9 พันล้านบาท จากขาดทุนปกติ 4.3 พันล้านบาทใน 4Q63 และขาดทุนปกติ 3.2 พันล้านบาทใน 1Q63 นอกจากนี้ MINT ยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยฤดูกาลจากธุรกิจในยุโรปเนื่องจากในไตรมาส 1 เป็นช่วงที่มีการเดินทางท่องเที่ยวในยุโรปน้อยที่สุด ขณะที่ยอดสาขาเดิมของธุรกิจร้านอาหารจะหดตัวลง 18%YoY ใน 1Q64 เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ระลอก 2
SCBS คาดว่า แนวโน้มผลประกอบการที่อ่อนแอเช่นนี้จะเกิดขึ้นต่อเนื่องใน 2Q64 เนื่องจากประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ซึ่งจะส่งผลทำให้กิจกรรมทางธุรกิจและการเดินทางภายในประเทศหยุดชะงักลงอีกครั้ง โดยแนวโน้มอัตราการเข้าพักจะปรับตัวลดลงอีกหลังจากเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งจะลดลงต่อเนื่องไปจนถึงเดือนพฤษภาคม 2564
มุมมองระยะยาว:
ในภาพระยะยาว SCBS มองว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังอยู่ในแนวทางของการฟื้นตัวโดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการกระจายวัคซีน โดยประเทศไทยตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากร 70% ภายในปีนี้ และรัฐบาลยังคงแผนเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนแล้วเข้าภูเก็ตโดยไม่ต้องกักตัวในเดือนกรกฎาคม 2564 และจะเปิดรับนักท่องเที่ยวเต็มรูปแบบในปี 2565 หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกคลี่คลายลง