หนึ่งในบริษัทจัดการการลงทุนที่ร้อนแรงที่สุดของปี 2020 และต่อเนื่องมาในปี 2021 คงจะต้องมีชื่อของ ARK Investment Management
จุดเด่นของ ARK คือการเน้นบริหารการลงทุนในรูปแบบของ ETF โดยมีนโยบายการลงทุนเชิงรุก ด้วยแนวทางการลงทุนที่เน้นไปที่ธุรกิจซึ่งมีสิ่งที่เรียกว่า Disruptive Innovation หรือนวัตกรรมที่สามารถเข้ามาเปลี่ยนแปลงธุรกิจดั้งเดิม
ในแต่ละปี ARK Investment Management จะเปิดเผยสิ่งที่เรียกว่า ‘Big Ideas’ ซึ่งเป็นเหมือนกับธีมการลงทุนที่ ARK มองว่ากำลังเป็นเทรนด์ต่อเนื่องไปในอนาคต
สำหรับปี 2021 Big Ideas ที่ ARK มองในปีนี้ มีมากถึง 15 ธีม เพิ่มขึ้นจากปี 2020 ที่มี 11 ธีม และมากกว่าช่วงปี 2017-2019 ที่ระบุไว้ 7-9 ธีม
ธีมที่ 1 คือ Deep Learning
ARK มองว่ามันคือเจเนอเรชันใหม่ของการเขียนโปรแกรม ซึ่งเป็นการเขียนโดยตั้งต้นจาก ‘ข้อมูล (Data)’ จำนวนมหาศาล ซึ่งการพัฒนาในส่วนนี้ทำให้อุตสาหกรรมชิปประมวลผลสำหรับปัญญาประดิษฐ์ (AI Chips) เป็นที่ต้องการมากขึ้น
โดย ARK คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดของ AI Chip จะเพิ่มขึ้นจาก 5 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2020 เป็น 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปี 2025 หรือเติบโตเฉลี่ย 33% ต่อปี
ธีมที่ 2 คือ Re-Invention of the Data Center
หากเปรียบกับยุคก่อนหน้า Data Center คงจะคล้ายคลึงกับคลังสินค้า เพียงแต่สินค้าที่นำมาเก็บในยุคนี้คือข้อมูลจำนวนมหาศาล ในส่วนนี้ ARK เชื่อว่า ARM, RISC-V และ GPUs จะกลายเป็นตัวขับเคลื่อนเทคโนโลยีของระบบประมวลผลในด้านต่างๆ
โดยเทคโนโลยีที่ว่านี้ คือ ARM และ RISC-V ซึ่งแทบจะยังไม่ถูกใช้งานในปัจจุบัน คาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 71% ในอีก 10 ปีข้างหน้า และผลกระทบที่เกิดขึ้นคือ ผู้ผลิตระบบประมวลผลยักษ์ใหญ่อย่าง Intel กำลังสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดไปมากขึ้น
ขณะเดียวกันในปี 2030 ARK คาดว่า ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ของโลกจะหันไปใช้ ARM CPUs และเป็นการจบยุคสมัยของ Intel x86
ธีมที่ 3 คือ Virtual World
Virtual World ในที่นี้ประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลัก คือ วิดีโอเกม, AR และ VR จากการศึกษาของ ARK คาดว่ารายได้ของอุตสาหกรรม ‘โลกเสมือนจริง’ เหล่านี้ จะเติบโตเฉลี่ยถึง 17% ต่อปี จากประมาณ 1.8 แสนล้านดอลลาร์ ในปัจจุบัน เป็น 3.9 แสนล้านดอลลาร์ ในปี 2025
อุตสาหกรรมที่ ARK มองว่าจะโดดเด่นอย่างมากคือ วิดีโอเกม ซึ่งอาจจะกลายมาเป็นพื้นที่แห่งที่ 3 ในชีวิตประจำวันของผู้คน (2 แห่งแรก คือบ้านและที่ทำงาน) โดยมีการคาดการณ์ว่าระยะเวลาในการเล่นเกมต่อคนต่อวันจะเพิ่มขึ้นจาก 1.1 ชั่วโมง เป็น 1.5 ชั่วโมง ในอีก 5 ปีข้างหน้า
ธีมที่ 4 คือ Digital Wallets
หากลองมองไปที่ประเทศจีน การทำธุรกิจผ่าน Mobile Payment ในจีนเติบโตกว่า 15 เท่า ภายในเวลาเพียง 5 ปี จากประมาณ 2 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อปี 2015 กลายเป็น 36 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งมูลค่าดังกล่าวคิดเป็นเกือบ 3 เท่าของ GDP ประเทศจีน ในปี 2020
ปัจจุบัน Digital Wallets เป็นเหมือนปรากฏการณ์ที่กระจายไปทั่วโลก ในแต่ละทวีปต่างมี ‘กระเป๋าเงินดิจิทัล’ เกิดขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ARK ประเมินว่า มูลค่าของผู้ใช้บริการ Digital Wallets เหล่านี้ จะเพิ่มขึ้นจาก 250-1,900 ดอลลาร์ต่อ 1 ผู้ใช้งานในปัจจุบัน เป็น 20,000 ดอลลาร์ต่อ 1 ผู้ใช้งาน
การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ Digital Wallets กระทบโดยตรงต่อธุรกิจธนาคารแบบดั้งเดิม ซึ่ง ARK ประเมินว่า รายได้ดอกเบี้ยของธนาคารในสหรัฐฯ จะหดหายไปอีกกว่า 25% จาก 1.3 แสนล้านดอลลาร์ เมื่อปี 2019 เหลือ 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปี 2025
ธีมที่ 5 คือ Bitcoin’s Fundamentals
หลังจากราคาของ Bitcoin พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่กว่า 40,000 ดอลลาร์ ทีมวิจัยของ ARK มองว่า เครือข่ายพื้นฐานของ Bitcoin ยังคงแข็งแกร่ง และถ้ามองเทียบกับเมื่อปี 2017 การเพิ่มขึ้นของราคา Bitcoin ดูเหมือนว่าจะถูกขับเคลื่อนด้วยความเป็น ‘กระแส’ ที่น้อยลง ด้วยความที่ Bitcoin ได้รับความน่าเชื่อถือมากขึ้น หลังจากบางบริษัทกำลังพิจารณา Bitcoin ในฐานะเงินสดของบริษัทเช่นกัน
หากทุกบริษัทในดัชนี S&P500 ตัดสินใจเปลี่ยนเงิน 1% มาถือ Bitcoin จะทำให้ราคาของ Bitcoin มีโอกาสเพิ่มขึ้นไปอีกประมาณ 40,000 ดอลลาร์
ธีมที่ 6 คือ Bitcoin: Preparing for Institutions
ARK เชื่อว่าการเติบโตอย่างรวดเร็วของ Bitcoin เป็นผลจากการที่มันถูกวางให้เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ทางเลือกสำหรับการลงทุน และมีแนวโน้มที่กองทุนต่างๆ จะรวมเอา Bitcoin เข้าไปอยู่ในพอร์ตการลงทุน เพื่อสร้างพอร์ตที่มีการกระจายตัวอย่างเหมาะสม
ขณะที่มูลค่าเครือข่ายของ Bitcoin มีโอกาสจะขยายขึ้นจาก 5 แสนล้านดอลลาร์ เป็น 1-5 ล้านล้านดอลลาร์ ในช่วง 5 ปีข้างหน้านี้ ซึ่งเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องเหลือล้นสำหรับการเข้ามาของกองทุนต่างๆ
ธีมที่ 7 คือ Electric Vehicles (EVs)
เมื่อลองเปรียบเทียบยอดขายของรถยนต์ดั้งเดิมกับรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาพบว่า ยอดขายของรถยนต์ไฟฟ้ายังคงเติบโตขึ้นต่อเนื่อง สวนทางกับรถยนต์ดั้งเดิมที่ยอดขายลดลง
โดยในปี 2019 รถยนต์ไฟฟ้า +16% ขณะที่รถยนต์ดั้งเดิม -4% ส่วนปี 2020 ซึ่งถูกกดดันจากโควิด-19 รถยนต์ไฟฟ้า +33% ขณะที่รถยนต์ดั้งเดิม -15%
ARK คาดว่า ยอดขายของรถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโตขึ้นจากประมาณ 2.2 ล้านคัน ในปี 2020 เป็น 40 ล้านคัน ในปี 2025 หรือเติบโตเฉลี่ย 82% ต่อปี
ธีมที่ 8 คือ Automation
มีความกังวลกันว่า ‘หุ่นยนต์’ จะเข้ามาแย่งงานของ ‘มนุษย์’ แต่ ARK กลับมองว่า มันจะเข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับมนุษย์ และทำให้ประสิทธิผลรวมถึงค่าแรงเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งเจ้าระบบอัตโนมัติเหล่านี้ มีศักยภาพที่จะเข้ามาช่วยให้แรงงาน ซึ่งทำงานแบบไม่ได้รับค่าจ้าง (Unpaid Labor) กลายมาเป็นแรงงานที่ได้รับค่าจ้าง (Paid Labor)
ARK เชื่อว่า ระบบอัตโนมัติจะช่วยเพิ่มมูลค่า GDP ของสหรัฐฯ ได้ราว 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 5% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า หรือคิดเป็นแรงหนุนต่อ Real GDP ของสหรัฐฯ ราว 1% ต่อปี
ธีมที่ 9 คือ Autonomous Ride-Hailing
สำหรับธีม Ride-Hailing เราอาจจะคุ้นเคยกับการเรียกเป็นชื่อของบริษัทผู้ให้บริการ อย่าง Grab หรือ Uber ซึ่งการให้บริการในอนาคตจะถูกยกระดับเป็นรถยนต์ไร้คนขับ
จากงานวิจัยของ ARK พบว่า แพลตฟอร์มเหล่านี้จะสร้างกำไรรวมกันประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ในปี 2030 ขณะที่ผู้ผลิตรถยต์และผู้ให้บริการรถยนต์และซ่อมบำรุง จะสามารถทำกำไรได้ปีละ 2.5 แสนล้านดอลลาร์ และ 7 หมื่นล้านดอลลาร์ตามลำดับ
สำหรับบริษัทที่น่าจับตามอง ซึ่งมีโอกาสจะทะลุขึ้นมามีบทบาทมากขึ้นในตลาดนี้ ได้แก่ Tesla, Alphabet’s Waymo และ Baidu’s Apollo ซึ่งมีเทคโนโลยีที่แตกต่างกันไปสำหรับการให้บริการรถยนต์ไร้คนขับนี้
ธีมที่ 10 คือ Drone Delivery
การขนส่งพัสดุ อาหาร หรือแม้แต่ผู้คน กำลังจะเปลี่ยนแปลงไป ทั้งความรวดเร็วและสะดวกสบายกว่าในอดีต ขณะเดียวกัน Drone จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภค
ARK เชื่อว่า แพลตฟอร์มให้บริการขนส่งด้วย Drone จะสร้างรายได้ประมาณ 2.75 แสนล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกันจะสร้างรายได้ราว 5 หมื่นล้านดอลลาร์ สำหรับการจำหน่ายอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ รวมถึงรายได้จากบริการด้านแผนที่อีกราว 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปี 2030
ธีมที่ 11 คือ Orbital Aerospace
หนึ่งในส่วนหลักของธีมนี้คือ ‘อินเทอร์เน็ตดาวเทียม’ ซึ่ง ARK คาดการณ์ว่าจะช่วยสร้างรายได้ถึง 4 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี อิงจากจำนวนครัวเรือนที่ยังไม่ได้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตบรอดแบรนด์ในปัจจุบัน โดยมีการประเมินว่าค่าบริการสำหรับอินเทอร์เน็ตดาวเทียมนี้ จะอยู่ที่ประมาณ 5 ดอลลาร์ต่อเดือน หรือราว 150 บาท
นอกจากนี้ ยังมีส่วนของ Hypersonic Flight ที่จะเข้ามาช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางลงมาหลายเท่าตัว มีการศึกษาว่าไฟลต์บินจากนิวยอร์ก สหรัฐฯ มาโตเกียว ญี่ปุ่น ซึ่งปกติใช้เวลา 13 ชั่วโมง สามารถลดลงมาเหลือเพียง 2-3 ชั่วโมง ขณะที่ผู้โดยสารอาจจะเต็มใจที่จะจ่ายเงินรวมกันต่อลำประมาณ 100,000 ดอลลาร์
ธีมที่ 12 คือ 3D Printing
ปัจจุบันตลาดของ 3D Printing หากเปรียบเป็นชีวิตมนุษย์ อาจจะเรียกได้ว่ายังเป็นช่วง ‘วัยทารก’ เท่านั้น โดยการใช้งานส่วนมากยังเป็นการใช้เพื่อสร้างตัวแบบสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งก็ยังคิดเป็นเพียง 40-50% เท่านั้น ขณะที่การใช้เพื่อผลิตอุปกรณ์ หรือผลิตสินค้าอุปโภค มีอัตราการใช้งานต่ำกว่า 5%
ARK เชื่อว่า ด้วยความสามารถในการประหยัดเวลาระหว่างกระบวนการออกแบบและผลิต รวมถึงลดความซับซ้อนของห่วงโซ่อุปทาน จะช่วยให้ 3D Printing เป็นที่ต้องการมากขึ้น ซึ่ง ARK คาดว่ามูลค่าตลาดของ 3D Printing จะเพิ่มขึ้นจาก 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็น 1.2 แสนล้านดอลลาร์ ในปี 2025
ธีมที่ 13 คือ Long-Read Sequencing
Long-Read Sequencing หรือ LRS เป็นเทคโนโลยีเกี่ยวเนื่องกับการถอดรหัสพันธุกรรม ซึ่งมีความแม่นยำและรวดเร็วมากขึ้น ทำให้การศึกษาโรคต่างๆ เพื่อหาแนวทางในการรักษาและป้องกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ARK คาดการณ์ว่า ตลาดของ LRS จะขยายจาก 250 ล้านดอลลาร์ เป็น 5 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2025
ธีมที่ 14 คือ Multi-Cancer Screening
ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้นทุนสำหรับการตรวจคัดกรองมะเร็งในรูปแบบต่างๆ ลดลงถึง 20 เท่า จาก 30,000 ดอลลาร์ เมื่อปี 2015 มาเหลือเพียง 1,500 ดอลลาร์ในปัจจุบัน และมีการคาดการณ์ว่าจะยังลดลงอีกถึง 80% ไปเหลือเพียง 250 ดอลลาร์ในปี 2025
ด้วยเหตุนี้ ทำให้ตลาดของเทคโนโลยีในการตรวจคัดกรองมะเร็งในสหรัฐฯ จะขยายขึ้นไปได้ถึง 1.5 แสนล้านดอลลาร์
ธีมที่ 15 คือ Cell and Gene Therapy: Generation 2
การผสมผสานกันระหว่างนวัตกรรมการรักษาเซลล์ และการปลูกถ่ายเซลล์จากบุคคลอื่นจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มอีก 1.5 แสนล้านดอลลาร์ และช่วยเพิ่มมูลค่าของตลาดทั่วโลกที่ต้องการใช้พันธุกรรมบำบัดให้เพิ่มขึ้นราว 20 เท่า เป็นกว่า 2.6 แสนล้านดอลลาร์
จาก 15 ธีมลงทุนข้างต้น โดยหลัก ARK Investment พยายามเสาะหาโอกาสลงทุนผ่านกองทุน ETFs หลัก 5 กองทุน ได้แก่ ARK Innovation ETF (ARKK) ARK Autonomous Technology & Robotics ETF (ARKQ) Next Generation Internet ETF (ARKW) Genomic Revolution ETF (ARKG) และ Fintech Innovation ETF (ARKF)
จากข้อมูลในเบื้องต้น จะเห็นว่า 3 ใน 5 ของกองทุนหลักของ ARK ถือหุ้น TESLA Inc เป็นสัดส่วนมากที่สุดในพอร์ต ซึ่งในปี 2020 ที่ผ่านมา ราคาหุ้น TESLA ปรับขึ้นมาถึง 700% อย่างไรก็ดี กองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดของ ARK เมื่อปีก่อน คือ ARKG ด้วยผลตอบแทน 180.50% ซึ่งเน้นการลงทุนไปที่อุตสาหกรรมเฮลท์แคร์
ในส่วนของกองทุนไทยที่เป็น Feeder Fund ซึ่งนำเงินไปลงทุนในกองทุนหลักของ ARK เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ ในระยะหลัง ล่าสุดคือกองทุนของ บลจ.ทิสโก้ คือกองทุนเปิด TISCO Genomic Revolution Fund (TGENOME) ที่เพิ่งจดทะเบียนกองทุนเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2564 โดยกองทุนนี้จะเน้นลงทุนใน ETFs ของ ARKG
รวมถึงกองทุนเปิด แอล เอช อินโนเวชั่น (LHINNO) ซึ่งเพิ่งเสนอขายครั้งแรกไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยมีนโยบายลงทุนใน ARKK และ ARKG
ภาพประกอบ: ธิดามาศ เขียวเหลือ
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: