คณะทูตานุทูตจาก 36 ประเทศ และตัวแทนจากภาคประชาสังคม เข้าร่วมงาน ‘12 Moments for Ukraine’ เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับยูเครน เนื่องในวันครบหนึ่งปีของการรุกรานอย่างเต็มรูปแบบของรัสเซีย งานในครั้งนี้เป็นการส่งข้อความแสดงถึงความสามัคคีและแรงสนับสนุนจากนานาชาติที่มีต่อยูเครน
งานนี้จัดขึ้น ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครโดยคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย สถานเอกอัครราชทูตสวีเดนประจำประเทศไทย ในฐานะประธานสภาสหภาพยุโรป ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทย เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงผลกระทบทางด้านมนุษยธรรมอันใหญ่หลวงที่เกิดขึ้นจากการรุกรานของรัสเซีย
ไฮไลต์ของกิจกรรมครั้งนี้คือการที่นักการทูตประจำประเทศไทย ร่วมกันกล่าวสาร 12 ข้อความที่แสดงถึงผลกระทบด้านมนุษยธรรมจากการรุกรานของรัสเซีย ความไม่ย่อท้อของชาวยูเครน และแรงสนับสนุนที่แน่วแน่จากนานาชาตินับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น แต่ละข้อความเป็นสัญลักษณ์ของแต่ละช่วงเวลาในแต่ละเดือนของสงคราม
เดวิด เดลี เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย กล่าวย้ำว่า “การรุกรานยูเครนของรัสเซียเป็นการกระทำที่ละเมิดอำนาจอธิปไตยของประเทศ และบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน ความพยายามที่จะเปลี่ยนเส้นเขตแดนโดยกำลังทหารเป็นการกระทำที่รับไม่ได้ และผิดกฎหมายในศตวรรษที่ 21 และยังถือเป็นการบั่นทอนความเคารพต่อระเบียบระหว่างประเทศที่อยู่บนพื้นฐานของกติกาภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติ เป็นเรื่องเร่งด่วนอย่างมากที่ประชาคมระหว่างประเทศจะต้องร่วมกันยืนยันว่าสันติภาพที่ยืนยาว มีความชอบธรรม และรอบด้าน ต้องถูกสร้างขึ้นภายใต้หลักการพื้นฐานของกฎบัตรสหประชาชาติ”
นับตั้งแต่การรุกรานอย่างเต็มรูปแบบเกิดขึ้น พลเรือน 18,995 คนถูกสังหารหรือได้รับบาดเจ็บ และอีก 17.6 ล้านคนต้องการความช่วยเหลือและการคุ้มครองด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วน ในปีที่แล้วสหภาพยุโรปและประเทศสมาชิกได้ดำเนินการช่วยเหลือและให้การสนับสนุนยูเครนและประชาชนยูเครนเป็นงบประมาณรวมทั้งสิ้นกว่า 6.7 หมื่นล้านยูโร
ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของนานาชาติยังปรากฏชัดในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ประชุมได้รับรองมติสำคัญซึ่งเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการสร้างสันติภาพ เพื่อเป็นหลักประกันว่ายูเครนจะมี “อำนาจอธิปไตย เอกราช เอกภาพ และบูรณภาพแห่งดินแดน” เสียงข้างมากอย่างท่วมท้นลงมติเห็นชอบกับมติดังกล่าว รวมทั้งประเทศไทยด้วย
“สงครามครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับยูเครนเท่านั้น การโจมตีที่โหดร้ายของรัสเซียทำลายความมั่นคงของโลก และทำให้ทุกประเทศตกอยู่ในอันตราย สงครามนี้จะต้องจบลงด้วยชัยชนะของกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรสหประชาชาติ ความยุติธรรมจะต้องกลับคืนสู่ยูเครน ยุโรป และทั่วโลก ยูเครนยังคงต่อสู้เพื่อเสรีภาพต่อไป เราจะต่อสู้ตราบเท่าที่จำเป็นกับการรุกรานของรัสเซีย เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องชนะสงครามครั้งนี้ ยูเครนได้ประกาศอย่างชัดเจนว่าเราจะไม่ยอมรับข้อเสนอสงบศึก ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม เราจะไม่ทำความตกลงใดที่มีผลให้ดินแดนของยูเครนยังถูกยึดครอง และทำให้ประชาชนของเราตกอยู่ภายใต้ผู้รุกราน รัสเซียต้องถูกหยุดโดยทันที เพราะการเข้าข้างผู้รุกรานจะนำไปสู่ความเลวร้ายในที่อื่นๆ” โอเล็กซานเดรอ ไลซัค อุปทูตยูเครนประจำประเทศไทยกล่าว
ขณะที่ ยอน ออสเตริม เกรินดาห์ล เอกอัครราชทูตสวีเดนประจำประเทศไทย กล่าวสรุปงานว่า “เรายังคงแน่วแน่ในคำมั่นสัญญาของเราที่มีต่อชาวยูเครน และระเบียบระหว่างประเทศที่อยู่บนพื้นฐานของกติกา และเราขอประณามการรุกรานทางทหาร ในฐานะประธานสภาสหภาพยุโรปในปัจจุบัน สวีเดนได้จัดงานนี้ร่วมกับคณะผู้แทนสหภาพยุโรปและสถานทูตยูเครน มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพูดถึงความทุกข์ทรมานอย่างใหญ่หลวงของมนุษย์ที่ผู้รุกรานก่อขึ้น ยูเครนและประชาชนยูเครนมีสิทธิที่จะกำหนดชะตากรรมของตนเอง และเราจะยืนหยัดอยู่กับพวกเขาไม่ว่าจะนานเพียงใด”
อ้างอิง:
- สถานเอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย